เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 20 สุดยอดค่ายกลอนันต์
ลู่หยุนไพล่มือไว้ด้านหลังและยืนอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบสังเกตสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานานก่อนที่จะตอบเบา ๆ “เจ้าคือเจ้าเมืองวารีทมิฬสินะ?”
“ถูกต้อง ข้าพร้อมรับบัญชาทุกอย่างจากท่านลู่” คำพูดของหญิงสาวดูมีมารยาทดั่งเช่นการกระทำของนาง
“เจ้าอยากจะฆ่าข้างั้นเหรอ?” ลู่หยุนถามด้วยท่าทีนิ่งเฉย ในเมื่อหญิงสาวสงสัยในตัวตนของเขา ถ้างั้นมันก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนนั้นกลับส่ายหัวพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าคงไม่ต้องทำถึงขั้นนี้หรอก ถ้าหากข้าอยากจะสังหารท่าน” นางถอนหายใจ “ถึงข้าจะเป็นผู้ที่ดูแลเมืองนี้ แต่ข้าก็ไม่ใช่เจ้าเมืองที่แท้จริงหรอก”
“โอ้?” ลู่หยุนหันมาถาม
“เมืองวารีทมิฬได้รับการดูแลจากนายอำเภอ เขาคือเจ้าเมืองที่แท้จริง ทั้งในเมืองและในเขตนี้“ สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไป “ครั้งนี้ก็คือการกระทำของเขา”
“นายอำเภองั้นเหรอ?” ลู่หยุนพยักหน้าเบา ๆ
อำนาจของเจ้าเมืองถูกจำกัดเอาไว้ภายใต้ตำแหน่งของตัวเอง นั่นหมายความว่าทั้งหมดจะตกอยู่กับนายอำเภอที่ทางราชสำนักส่งมาให้ช่วยว่าการเมืองวารีทมิฬนี้ ตำแหน่งนั้นต้องการพวกเซียนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเอาทั้งสองตำแหน่งนี้มารวมกันย่อมให้เกิดอำนาจอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
เมืองสนธยาเองก็ได้รับการดูแลจากเจ้าเมืองเช่นกัน แต่หนึ่งในนั้นถูกเลื่อนขั้นให้กลายเป็นผู้ครองแคว้นไปแล้ว ในเมื่อเป็นการรวมสองอำนาจเข้าด้วยกัน มันจึงทำให้เจ้าเมืองกลายเป็นเหมือนตำแหน่งเปล่า และอำนาจที่แท้จริงจึงตกอยู่ในมือของราชสำนัก
อย่างเช่นกรณีเดียวกันกับหญิงสาวตรงหน้าของเขา
แน่นอนว่าเพียงนิ้วเดียวของนางก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว ถ้าหากหญิงสาวตั้งใจจริงๆ แล้วทำไมถึงได้มีทั้งการขับร้องบทเพลงและการเต้นรำล่ะ?
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าจะมาที่นี่?”
“ท่านเจ้าเมือง ท่านได้พกตราประจำตัวท่านมาด้วย มันสามารถเปลี่ยนแปลงพลังของผืนฟ้าและโลกได้ มันสามารถควบคุมและสั่งการค่ายกลทั้งหมดในทุก ๆ เมืองภายใต้เขตสนธยาได้ เจ้าเมืองทุกคนหรือพวกข้าราชสำนักต่างก็สัมผัสได้ถึงการมาของท่านตั้งแต่ที่ท่านก้าวเท้าเข้ามายังที่นี่แล้ว” หญิงสาวอธิบาย “สำหรับวันนี้ นี่เป็นการเรียกร้องของข้าเอง แต่เจ้า หลี่ยูวไฉ นั้นนำหน้าข้าไปหนึ่งก้าว ข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนของเขา”
“หลี่ยูวไฉ?” ลู่หยุนกะพริบตา ช่างเป็นชื่อที่น่าขบขัน มันมีความหมายว่า หลี่ผู้มีพรสวรรค์
“เขาเป็นนายอำเภอที่ข้าพูดถึงไปก่อนหน้านี้” ด้วยการโบกมือ หญิงสาวเรียกสะพานสายรุ้งออกมาบรรจบที่เท้าของลู่หยุน
ด้วยความสงสัย เจ้าเมืองหนุ่มทดลองก้าวเท้าเหยียบขึ้นไปบนนั้น เมื่อเห็นว่าปลอดภัย เขาก็เดินต่อจนเข้ามาถึงข้างกายของหญิงสาวในชุดผู้ชาย นี่คือวิชาที่มีแต่เซียนเท่านั้นที่สามารถทำได้ นางอยู่คนระดับถ้าเทียบกันกับเขา
กลิ่นหอมและความสง่างามที่ถูกขับออกมาจากร่างของนางให้ความสดชื่นและบรรเทาความกังวลให้กับชายหนุ่ม
เขานั่งตรงข้ามหญิงสาวและศึกษานางอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะถามว่า “ทำไมเจ้าถึงตามหาข้า?”
“นามของข้าคือ โม่วยี่” โม่วยี่พูดขึ้นหลังเงียบไปสักพัก
“อืม…นั่นเป็นชื่อที่ดี” ลู่หยุนไออย่างเขินอายหลังจากที่ได้ยินชื่อนี้
“ท่านลู่ ข้าต้องการทำข้อตกลงกับท่าน” โม่วยี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะปกป้องท่านในช่วงพิธีกรรมสาบานตนและจะช่วยให้ผ่านการทดสอบ ในทางกลับกันท่านต้องช่วยข้าจัดการหลี่ยูวไฉ”
“นั่นไม่ใช่ข้อตกลงที่ดีนัก” ลู่หยุนส่ายหัว “ ถึงเจ้าจะไม่ช่วยข้า ก็ไม่มีใครสังหารข้าได้ตอนทำพิธีกรรมหรอก”
โม่วยี่เงียบไป
“ในฐานะข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก หลี่ยูวไฉเองก็มีปัญหากับข้าเช่นกัน… แต่ข้าก็แค่ปะทะคารมกับเขานิดหน่อย” ลู่หยุนกล่าวเสริม
“แต่เขาต้องการให้ท่านตาย” โม่วยี่ขบริมฝีปากของนาง
“มันก็เหมือนกันกับบคนอื่นนั่นล่ะ” ลู่หยุนหัวเราะเบา ๆ มีอะไรอีกไหม?”
โม่วยี่พิจารณาตัวเลือกของตัวเองอย่างเงียบ ๆ สำหรับตอนนี้หญิงสาวก็เป็นได้แค่เพียงหุ่นเชิดที่ไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจใดอยู่ในมือ
“ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าเมือง เจ้าก็น่าจะรู้เกี่ยวกับสุสานโบราณสินะ” ลู่หยุนเปลี่ยนหัวข้อทันที
“สุสาน?” โม่วยี่กะพริบตา “ สงครามครั้งใหญ่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนทำให้โลกเป็นนี้กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ ที่นี่เองก็มีอยู่ 1 แห่งเช่นกัน”
ดวงตาของลู่หยุนเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ทุกสิ่งที่เขาครอบครองนั้นมีต้นกำเนิดมาจากสุสานของเซียน สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการมากที่สุดตอนนี้คือทูตแห่งวัฎสงสารเพื่อสร้างค่ายกล การสร้างทูตจากคนเป็นมันเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากยิ่ง ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปเสี่ยงโชคในสุสานแทน
“มันตั้งอยู่ที่ไหน?” เขาสอบถามด้วยท่าทีจริงจัง เจ้าเมืองหนุ่มได้สำรวจภูมิประเทศอย่างละเอียดระหว่างทางมายังเมืองแห่งนี้ หากแต่เขาก็ไม่พบเห็นสุสานใด ๆ นอกจากที่เขาแดนสนธยา
“มันอันตรายเกินไป ท่านไม่ควรไปที่นั่น” โม่วยี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อย่างไรก็ตาม ข้าก็รู้จักสถานที่ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับท่าน”
“ที่อื่นงั้นเหรอ?” ลู่หยุนจ้องที่หญิงสาวด้วยท่าทางว่างเปล่า
“ค่ายกลหิมะดวงดาราในสวนหย่อมของข้าอยู่ในระดับเซียน เป็นรองแค่ค่ายกลหยดน้ำใหญ่ของโบราณเท่านั้น แม้แต่เซียนก็ไม่อาจผ่านไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน แต่การที่ท่านผ่านเข้ามาได้โดยที่ยังอยู่ในระดับปราณรวมตัว นั่นพิสูจน์ได้แล้วว่าท่านคือเจ้าแห่งค่ายกล“
“สถานที่ที่ข้าพูดถึง มันถูกปกป้องเอาไว้โดยค่ายกล สมบัติที่อยู่ข้างในจะเป็นของท่าน หากท่านสามารถเข้าไปได้” โม่วยี่เล่าต่อ
“เจ้ากำลังพูดถึงสุดยอดค่ายกลอนันต์สินะ?” ลู่หยุนถามด้วยหน้านิ่วคิ้วจาง ๆ
ภายในเมืองวารีทมิฬมีภูเขาที่น่ากลัวซึ่งมีชื่อเรียกว่า สุดยอดค่ายกลอนันต์ ที่ได้รับการปกป้องจากค่ายกลต่าง ๆ จำนวนมากตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงปลายยอด มันคือสถานที่ที่หวงห้ามของที่แห่งนี้ ต้องขอบคุณความทรงจำของยู่อิงที่ทำให้เขาคิดถึงมันได้
“ภูเขานั่นหวงห้ามนานมากก่อนที่จะเกิดเรื่องราวที่สุสานสนธยาเสียอีก แม้แต่เซียนทองคำก็ไม่อาจหนีมันได้ แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้สามารถมอบของล้ำค่าแบบนี้ให้กับข้าได้?” ลู่หยุนส่ายหัว
“ข้าจะไปกับท่านที่นั่น ทันทีที่สมบัติถูกเก็บไปแล้ว ท่านจะต้องช่วยข้าจัดการหลี่ยูวไฉ” โม่วยี่ยืนยันอย่างจริงจัง
“เจ้ารู้ไหมว่ามันคือสมบัติแบบไหน?” ลู่หยุนถูกล่อลวง
ยู่อิงเคยสำรวจภูเขานี้เมื่อครั้งอดีต แต่หลังจากที่ฝ่าค่ายกลไปได้ 36 ค่ายแล้วด้วยสิ่งที่หญิงสาวพบเห็นด้านในนั้น มันก็ทำให้นางตัดสินใจล่าถอยออกไป เป็นเพราะนางไม่อาจเสี่ยงชีวิตไปมากกว่านี้ได้อีก อย่างไรก็ตาม โม่วยี่พูดถึงมันราวกับว่ารู้จักตัวตนของมัน
“สิ่งนี้เคยอยู่ในการบันทึกของเซียนเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน สิ่งประดิษฐ์ที่หลงเหลือจากยุคโบราณนาม คัมภีร์ค่ายกลอนันต์ มันมีความรู้เกี่ยวกับการสร้างค่ายกลจำนวนมาก แม้แต่ค่ายกลที่ปกป้องภูเขาแห่งนั้นเองก็ถูกบรรจุไว้ในนั้นด้วยเช่นกัน” โม่วยี่ตอบ
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ภูเขานั่นมีรูปร่างตามแบบลูกแก้วค่ายกลสินะ เมื่อมีทักษะของข้า รวมกับความสามารถของเจ้าที่เป็นเจ้าแห่งค่ายกลแล้ว เจ้าคิดว่าพวกเรามีความหวังที่จะนำมันออกมาได้สินะ?”
ลู่หยุนมองตาหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เจ้ารู้ไหมว่าเวลาทำสัญญากับปีศาจจะต้องทำยังไง?”
โม่วยี่เริ่มพูด “ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ข้าสามารถกรีดเลือดสาบานได้”
คำสาบานเช่นนี้ต้องใช้ร่างกายและส่วนหนึ่งวิญญาณ การละเมิดสิ่งนี้จะคนผู้นั้นต้องเผชิญหน้าเข้ากับความตายในท้ายที่สุด
“เอาตามนั้นเลย” ลู่หยุนพยักหน้า เขารู้สึกทึ่งอย่างยิ่งกับลูกแก้วค่ายกล ค่ายกลและฮวงจุ้ยเองก็คือสิ่งเดียวกันแต่ที่นั่นมันมีสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน
“นายท่าน นายท่าน! นายอำเภอร้องเรียกให้ตัวท่านไปพบ!” เสียงตะโกนแหบแห้งดังออกมาหลังจากที่โม่วยี่และลู่หยุนทำพิธีเสร็จ
โม่วยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“เจ้ายังถูกจับตามองแม้จะเป็นบ้านของตัวเองอีกเหรอ?” ลู่หยุนรุ้สึกเห็นอกเห็นใจในสถานการณ์ของหญิงสาวขึ้นมาทันที
“ใช่” นางพยักหน้าเบา ๆ “นี่คือพื้นที่ของหลางเซียเทียน นั่นหมายความว่าข้าต้องทำตามกฎของราชสำนัก”
ลู่หยุนไม่เข้าใจคำพูดของนางเท่าไหร่นัก หญิงสาวมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ? กฎเหล่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ท่านหญิง ได้โปรด!” เจ้าของเสียงแหบห้าวตะโกนอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน คนผู้นั้นระวังที่จะก้าวขึ้นไปในสวนหย่อมแห่งนี้ ค่ายกลอาจจะทำให้ลู่หยุนเข้ามาได้ แต่กับคนธรรมดาอาจถึงตาย
คนรับใช้ที่นำลู่หยุนเข้าไปข้างในนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นสายลับที่หลี่ยูวไฉส่งมา
“หลี่ยูวไฉต้องไม่ได้มาดีแน่… เขาอาจคิดว่าท่านตายอยู่ในเขตของข้าก็ได้” โมยียังคงวุ่นวายอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ข้าเองก็อยากจะพบหน้านายอำเภอคนนี้เหมือนกัน เจ้าเมืองผู้นี้ละสงสัยจริง ๆ ว่าเขาจะทำสีหน้ายังไงถ้ารู้ว่า้ขายังมีชีวิตอยู่” ลู่หยุนยิ้มอย่างเย็นชา “ไปด้วยกันเถอะ”
…………