เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 487 เรื่องน่าเบื่อมากเกินไปแล้ว
“บอกไม่ได้ บอกไม่ได้…”
จางอีเต๋อลุกขึ้นยืน ส่ายหน้าก่อนจะเดินก้าวไปเบื้องหน้า ตอนนี้เย่เทียนเฉินความรู้สึกหดหู่ถึงขีดสุด เกิดความรู้สึกเสียเปรียบขึ้นมาโดยพลัน รีบเดินตามไป แต่เขาเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียวจางอีเต๋อก็โบกมือเป็นสัญญาณไม่ให้เขาตามมา
“เจ้าหนู ภายภาคหน้าจะได้รู้เอง ฉันไม่บอกก็เพื่อตัวนายเอง คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของรั่วถง อย่างน้อยบนโลกนี้ก็มีฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้านายมีโอกาสได้ไปดาวจักรพรรดิจะต้องพารั่วถงไปด้วย เธอจะช่วยนายได้มาก” จางอีเต๋อส่ายหน้าพูด
“นี่ปู่ คุณหลอกเด็กนี่ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ?” เย่เทียนเฉินยังคงพูดอย่างไม่วางใจ
“นายอย่าคิดจะง้างอะไรจากปากฉันเลย ใช่แล้ว ฉันมีวิชาเปลี่ยนกระดูกที่สืบทอดกันมานานซึ่งจะแตกต่างจากวิชาปลอมแปลงไปหน้าทั่วไป ภายหน้าคงจะเป็นประโยชน์กับนาย ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่นายช่วยฉันดูแลรั่วถง!”
ฟุ่บ!
จางอีเต๋อชี้นิ้วชี้ขวาออกไป กระดาษสีทองแผ่นหนึ่งพลันปรากฏเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน พริบตาเดียวก็จมเข้าสู่สมอง วิธีการประทับความทรงจำเช่นนี้ในหมู่พรรควรยุทธโบราณไม่นับว่าลึกล้ำสูงส่งอะไร และนี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลังจากยอดฝีมือมากมายพ่ายแพ้จะยอมระเบิดตัวเองตายจนร่างกายแหลกสลายดีกว่าปล่อยให้ศัตรูสังหารตน บางคนสามารถใช้วิชาลับบางอย่างดึงข้อมูลสำคัญออกมาจากสมองของคนอื่นได้ เช่นเดียวกับการประทับเคล็ดวิชาอันลึกล้ำ ดังนั้นถ้าไม่ระเบิตัวตาย ไม่เพียงแต่ตัวเองจะตาย แต่ยังเป็นอันตรายต่อครอบครัวของตนและสำนักที่ตนอยู่อีกด้วย นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลังจากที่หลายคนพ่ายแพ้จึงระเบิดตัวตายในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เย่เทียนเฉินชะงักไปเล็กน้อย เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่บ้าง จางอีเต๋อคนนี้ดูเหมือนจะสั่งเสียจริงๆ แล้ว เริ่มจากวานให้ตนดูแลจางรั่วถงผู้เป็นหลานสาวของเขา ตอนนี้ก็ถ่ายทอดวิชาเปลี่ยนกระดูกให้ตน วิชาเปลี่ยนกระดูกนั้นสืบทอดกันมายาวนาน เป็นวิชาที่ไม่อาจสืบหายุคสมัยแรกเริ่มของมันได้ ดูเหมือนจะสืบต่อกันมาเป็นทอดๆ ตอนนี้จางอีเต๋อถ่ายทอดให้ตน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการให้วิชาเปลี่ยนกระดูกขาดผู้สืบทอด ยิ่งไปกว่านั้นในคำพูดเมื่อครู่นี้จางอีเต๋อก็เผยเรื่องบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว เรื่องที่เขาจะไปทำในคราวนี้อันตรายมาก เพียงแต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ไม่ยอมบอกตน
“ปู่…มีอะไรที่ผมช่วยได้ก็รีบบอกนะครับ” เย่เทียนเฉินไม่ได้ตามไปอีก เขารู้นิสัยของจางอีเต๋อดี เขาเป็นชายชราที่ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เย่เทียนเฉินจึงทำได้เพียงตะโกนบอกจางอีเต๋อ
“ฉันรู้ว่านายมี สัจจะแต่เรื่องนี้นายสอดมือเข้ามาไม่ได้จริงๆ ใช่แล้ว รั่วถงอาจจะอยู่ที่ประเทศ M ถ้ามีโอกาสก็ไปหาเธอสักหน่อย ถ้าเธอได้รับการคุ้มครองจากนายฉันก็วางใจไม่น้อย” จางอีเต๋อมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
หายไปแล้ว จางอีเต๋อหายไปจากที่เดิมแล้ว เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าชายชราคนนี้มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว คล้ายกับว่าเขาจะไปทำเรื่องยิ่งใหญ่บางอย่าง
เมื่อกลับเข้ามาในคฤหาสน์ หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาวเห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่เป็นไรจึงร้องไห้ด้วยความดีใจ มีเพียงเสี้ยวหยาและฉีหรูเสวี่ยที่กรอกตาใส่เย่เทียนเฉินอย่างดุดัน เดินกลับไปยังห้องของแต่ละคน ครั้งนี้เสี้ยวหยาและฉีหรูเสวี่ยนับว่าเข้าพวกกันแล้ว ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกคิดไม่ถึงจริงๆ อารมณ์ของผู้หญิงไม่เบาเลยทีเดียว แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาไม่ใช่คนที่ไม่ชอบคนสวยคนงาม แต่ก็ไม่ใช่คนที่หลงงมงายกับคนสวยเช่นกัน เย่เทียนเฉินไม่เข้าใจเรื่องรักหยกถนอมบุปผา เขาแค่ไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงเท่านั้น นี่เป็นนิสัยที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะมี
“พี่ พี่ไม่เป็นไรแล้ว ดีจริงๆ!” เย่เชี่ยนเหวินกอดแขนเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“เทียนเฉิน ลูกทำให้แม่เป็นห่วงแทบตายแล้ว!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“แม่ครับ เชี่ยนเหวิน วางใจเถอะ ผมไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น ครั้งนี้ผมกำจัดพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวไปหมดแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ประเทศเราไม่มีอันตรายไปชั่วคราว พวกแม่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้แล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เย่เทียนเฉินฟื้นขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไรมาก นี่ทำให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ต่างรู้สึกยินดี แต่ก็มีคนไม่ยินดีเช่นกัน อีกทั้งยังโกรธมากด้วย
ริมทะเลสาบที่คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงตกปลา ไม่กล่าวไม่ได้ว่าคุณชายใหญ่เป็นคนแปลกประหลาดคนหนึ่ง ดึกดื่นขนาดนี้แล้วเขายังมานั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ อีกทั้งบริเวณปากทะเลสาบก็มีเพียงโคมไฟที่ไม่ค่อยสว่างอยู่ดวงหนึ่ง เป็นการตกปลาที่ไม่สามารถมองเห็นทะเลสาบได้ชัดเจน แต่เขาก็ยังมาตกปลาอยู่ที่นี่ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?
โม๋สู่ปรากฏตัวริมทะเลสาบ เพิ่งจะเดินมาที่ริมทะเลสาบ โม๋สู่ก็รู้สึกราวกับหัวใจของตนแทบจะระเบิด ที่นั่นมีเสียงบางอย่างดังสนั่นอยู่ตลอด คนที่ก้าวเข้ามาในขอบเขตของทะเลสาบแห่งนี้ราวกับถูกควบคุมหัวใจก็มิปาน เมื่อเสียงนั้นดังระรัว หัวใจก็เต้นเร็ว เมื่อเสียงดังเอื่อยเฉื่อย หัวใจก็เต้นช้า
“คุณชายใหญ่!” โม๋สู่ตะโกน
“พูดมา!” คุณชายใหญ่ตอบรับอย่างเรียบเฉย
“ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งหมด 30 คนตายในเมืองเทียนซาแล้วครับ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายไปแล้วครับ” โม๋สู่พูดเสียงเบา
“รู้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะไปภูเขาเทียนซาน...” คุณชายใหญ่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“คุณชายใหญ่ ในที่สุดคุณก็เตรียมลงมือแล้วเหรอครับ?” โม๋สู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงสั่น
คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงลุกขึ้นยืน มองไปยังทะเลสาบ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ ถ้าไม่ลงมืออีกเย่เทียนเฉินคงไม่อยู่ในการควบคุมของฉันแล้ว หลายปีมานี้ ในที่สุดก็มีเย่เทียนเฉินที่เป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้ แต่ตอนนี้เขาเติบโตมาจนถึงระดับนี้แล้วทำให้ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ฉันเองก็ควรทะลวงพลังได้แล้ว กดข่มพลังให้อยู่ในขอบเขตนี้มานานเกินไปแล้ว ได้เวลาทะลวงแล้ว หากจะลงมือก็ต้องเอาเย่เทียนเฉินให้อยู่ในกระบวนท่าเดียว ทำลายเกียรติศักดิ์ศรีทั้งหมดของมัน เหยียบย่ำจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมดของมันซะ แบบนี้ถึงจะมีความหมาย!”
“ทราบแล้วครับคุณชายใหญ่ ผมจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!” โม๋สู่พูดจบก็เดินจากไป
คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงยังคงมองผืนทะเลสาบ เขาตัดสินใจจะไปภูเขาเทียนซานแล้ว ห้าปีก่อนหน้านี้ คุณชายใหญ่ก็มีความสามารถพอที่จะทะลวงขอบเขตพลังของตนได้อีกครั้ง และจะไปถึงสภาวะสูงสุด ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นแต่เลือกจะกดพลังเอาไว้และมายังทะเลสาบแห่งนี้ นั่งตกปลาอยู่ที่นี่มาตลอดห้าปี ตอนนี้เขาตัดสินใจจะจากไปแล้ว และตัดสินใจว่าได้เวลาลงมือแล้ว
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกทั้ง 10 คนก็แค่นี้เอง พอฉันทะลวงขอบเขตพวกมันก็ไม่ใช่คู่มือของฉัน ส่วนเย่เทียนเฉิน ฉันให้เวลาแกเติบโตไปไม่น้อย แม้จะเหนือความคาดเดาของฉันไปบ้าง แต่ฉันก็ยังสยบแกได้ในกระบวนท่าเดียว รอก่อนเถอะ ฉันไม่ได้เล่นสนุกมานานแล้ว”
เขาโบกมือครั้งหนึ่ง ในมือของคุณชายใหญ่พลันมีขลุ่ยยาวเลาหนึ่งปรากฏ เป็นขลุ่ยที่ทำมาจากไผ่เขียว ไผ่เขียวประเภทนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้ มีชื่อเรียกว่า “ไผ่หิมะ” มีแค่ในภูเขาคุนหลุนเทียนซานเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเพียงน้อยนิด ว่ากันว่าไผ่หิมะนี้เกิดจากพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ ผู้ที่ได้ครอบครองเท่ากับได้รับการยอมรับจากฟ้าดินแล้ว เห็นได้ว่าคุณชายใหญ่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
“วีด…วีด…”
คุณชายใหญ่เป่าขลุ่ย ทะเลสาบเบื้องหน้าพลันสั่นสะท้าน ก่อเกิดเป็นคลื่นอย่างเชื่องช้า แรกเริ่มเป็นคลื่นเล็กๆ สุดท้ายจึงปั่นป่วนพลุ่งพล่าน เสียงตู้มดังสนั่น ทะเลสาบทั้งหมดเกิดระเบิด คุณชายใหญ่ขมวดคิ้ว มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา “ไอ้นี่ คิดไม่ถึงว่าแกจะมีความสามารถขนาดนี้ ฉันตกแกมาห้าปีแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ตอนนี้ฉันจะเดินทางไปภูเขาเทียนซานแล้ว แกต้องไปกับฉัน!”
ซู่ม!
ฝ่ามือขนาดยักษ์อัดแน่นไปด้วยปราณเย็นยะเยือกซัดไปยังทะเลสาบจากบนลงล่าง พริบตาเดียวก็แช่แข็งทะเลสาบทั้งหมด พลันนั้นมีเสาน้ำต้นหนึ่งพุ่งท่วมฟ้า ทว่าถูกคุณชายใหญ่ใช้มือกดเอาไว้ ในขณะที่ใช้มือกดเสาน้ำ เงาร่างของคุณชายใหญ่ก็หายไปจากริมทะเลสาบไปปรากฏที่จุดบนสุดของเสาน้ำ จากนั้นจึงซัดหมัดลงไป
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นฟ้า ทะเลสาบที่ถูกแช่แข็งทั้งหมดพลันระเบิดออก น้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งกระจาย ในนั้นมีประกายแสงเย็นยะเยือกถูกยิ่งเพิ่งออกมา คุณชายใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนผิวทะเลสาบ มือทั้งสองร่ายรำเป็นกระบวนท่า ทะเลสาบทั้งหมดถูกมือทั้งสองของเขาปิดล็อคเอาไว้ พยายามคว้าจับไปยังประกายแสงเย็นยะเยือกนั้นไม่หยุด
“อย่าหนี แกหนีไม่พ้นหรอก แกจะต้องเป็นของฉัน!” มุมปากของคุณชายใหญ่เผยรอยยิ้มอำมหิต
ซู่ม!
ในตอนที่บริเวณหว่างคิ้วของคุณชายใหญ่มีแสงสีทองพุ่งออกมา ปรากฏของสิ่งหนึ่งที่ดูคล้ายกาน้ำชาในมือของคุณชายใหญ่ พลันนั้น ประกายแสงเย็นยะเยือกสายนั้นก็ถูกกาน้ำชาดูดเข้าไป
คุณชายใหญ่ถือกาน้ำชาไว้ในมือ มองไปยังประกายแสงอันเย็นยะเยือกที่พุ่งชนไปมา เขารู้สึกว่าฝ่ามือของตนเย็นจนแทบแข็ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความชื่นชม “ในฐานะที่แกเป็นหนอนสวรรค์ เดิมทีก็เป็นสมบัติล้ำค่าของฟ้าดินอยู่แล้ว ภูเขาเทียนซานถึงจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่แกจะใช้ชีวิตต่อไปได้ ไปกับฉันเถอะ!”
ในขณะเดียวกันบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในประเทศชิบะ ที่นี่คือสถานที่ที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวตั้งอยู่ และเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิแห่งประเทศชิบะ แม้แต่นายกรัฐมนตรีของประเทศชิบะก็ไม่กล้าเข้ามาตามใจ หากต้องการเข้ามาที่นี่จะต้องให้จักรพรรดิดาบพยักหน้าเห็นด้วยเสียก่อนและต้องลงชื่อรายงานถึงจะเข้ามาได้ เห็นได้ว่าฐานะของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในประเทศชิบะสูงส่งเพียงใด แน่นอนว่าประชาชนชาวชิบะธรรมดาทั่วไปย่อมไม่รู้ ก็เหมือนกับที่คนธรรมดาไม่รู้เรื่องเส้าหลินบู๊ตึ้งในปัจจุบันหรือเรื่องเคล็ดวิชาแยกภูเขาป่นหินอะไรเทือกนั้น เรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นความลับสำคัญ คนธรรมดาจะไปรู้ได้อย่างไร
บนบัลลังก์ในห้องโถงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว มีชายชราร่างของผู้หนึ่งนั่งอยู่ ผมสีขาวทิ้งตัวกระจายอยู่ด้านหลัง สูงประมาณไม่เกิน 170 เซนติเมตรเท่านั้น ร่างกายผอมจนเกือบเห็นกระดูก นั่งพิงอยู่บนบัลลังก์ด้วยลมหายใจรวยระริน คนผู้นี้ก็คือจักรพรรดิดาบ เป็นคนที่อยู่ในทำเนียบ 10 ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้านล่างยังมีคนแก่ใกล้ตายอยู่จำนวนมาก พวกเขาต่างก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ครั้งสุดท้ายที่มารวมตัวนั่งประชุมอย่างพร้อมเพียงเช่นนี้ได้ก็เป็นเรื่องเมื่อหลาย 10 ปีมาแล้ว
“ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้เรื่องทางฝั่งประเทศจีนมาแล้ว 50 ปีแล้ว เกือบ 50 ปีแล้วที่ไม่ได้ไปประเทศจีน ครั้งนี้ฉันตัดสินใจจะไปเยือนประเทศอีกครั้ง นอกจากจะไปฆ่าคนที่มันสังหารน้องชายฉันแล้ว ฉันยังจะจัดการพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนอีกด้วย!” เสียงของจักรพรรดิดาบไม่ดัง แต่กลับก้องกังวานจนตำหนักที่มีพื้นที่นับพันตารางเมตรสั่นสะเทือน