เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 464 อลิซและมัตสึโมโตะพบหน้า
“ในเมื่อนอนไม่หลับก็มาคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินมองไปยังอลิซแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุยเหรอ คุยอะไร?” อลิซเอ่ยปากถาม
“คุยกันว่าเธอเป็นใครกันแน่? มาหาฉันมีเรื่องอะไร?” เย่เทียนเฉินยังคงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
อลิซชะงักไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองอดไม่ได้ที่จะกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เย่เทียนเฉินมองออกแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่มีการเคลื่อนไหว ความประทับใจที่เขามีต่ออลิซไม่เลวเลย คิดว่าอลิซไม่ใช่คนโฉดชั่วอะไร ต่อให้อีกฝ่ายคิดไม่ดีกับตน แต่นานเพียงนี้แล้วก็ยังไม่ได้ทำร้ายหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวิน แม้แต่ฉีหรูเสวี่ยที่เธอมักจะมีปากมีเสียงกันก็ยังช่วยเหลือ ถ้าหากคนคนนี้เป็นคนเลวก็คงไม่ทำแบบนี้แน่ กลับกัน คนคนหนึ่งต่อให้โหดเหี้ยมขนาดไหน แต่หากในใจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแท้จริงก็จะไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนั้น
ความจริงตอนแรกเย่เทียนเฉินก็สงสัยในฐานะของอลิซแล้ว การพบกันระหว่างเขากับอลิซคล้ายกับเป็นการเตรียมการมาอย่างดี อลิซติดตามตนกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลเย่แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอื่นอีก อลิซบอกพวกเขาว่าเธอเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว มักจะอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยจากไป เป็นลูกครึ่งประเทศ M และประเทศจีน แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้สึกว่าไม่ธรรมดาขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากเขาหวังว่าจะสามารถทำให้อลิซค่อยๆ เปลี่ยนแปลงได้
จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่รักหยกถนนบุปผา เพียงแต่เขาไม่อยากฆ่าฟันมากเกินไป คนที่ไม่มีอะไรจะไปฆ่าคนอื่นเล่นทำไมกัน? สนุกหรือไง?
“ฉันก็คือฉัน? มาหานายทำไมน่ะเหรอ? นายจะหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า!” อลิซได้สติกลับมา มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามแล้วเอ่ยขึ้น
“งั้นเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่มีอะไรฉันไปก่อนล่ะ ฉันไม่ได้เป็นบอดี้การ์ด!”
พูดจบ อลิซก็เปิดประตูคฤหาสน์เดินออกไป เย่เทียนเฉินมองไปยังแผ่นหลังของอลิซ ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้เขาจะสงสัยอลิซแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือ เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมาแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คิดว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากทำให้ผมแห้งแล้วเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้พักผ่อน เขาเดินมาข้างสระน้ำของคฤหาสน์แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น กระบี่เทพทั้งสามเล่มค่อยๆ ปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางลอยไปอยู่ทั้งสองข้าง ส่วนกระบี่เซียวหยวนลอยอยู่เหนือศีรษะ กระบี่เทพทั้งสามเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยเหลือเสี้ยวหยาในครั้งนี้ และยังช่วยเหลือแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินด้วย
ที่แท้ในตอนที่เย่เทียนเฉินไปพบท่านผู้นำสูงสุดด้วยกันกับเฮยเมี่ยน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตระกูลหลิงเกิดเรื่องและเป็นห่วงหลิงอวี่สวิ๋นอยู่บ้าง แต่นี่ก็ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ในพริบตา คราวนี้ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมากันมาก ความสามารถของคนเหล่านี้ไม่อาจดูถูกได้เลย พวกเขาสามารถหาตำแหน่งของตระกูลหลิงได้และฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิงไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะต้องหาคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตนได้แน่นอน หากเป็นแบบนั้นพวกเขาคงมีอันตรายเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในตอนที่ถึงทางแยก เย่เทียนเฉินจึงทิ้งเฮยเมี่ยนไว้ ให้เฮยเมี่ยนรอเขาอยู่ที่นั่นชั่วโมงกว่า นั่นก็เพื่อมาที่คฤหาสน์ที่แม่และน้องสาวอาศัยอยู่แล้วนำกระบี่อวี๋ฉางไปทิ้งไว้ที่นั่นเพื่อคุ้มครองพวกเธอ ส่วนทางด้านคฤหาสน์ที่ตนอาศัยอยู่ ในตอนที่ออกมาเย่เทียนเฉินก็ทิ้งกระบี่ไท่อาไว้แล้ว มิฉะนั้นด้วยความสามารถของฮิคาวะ จะทำลายคฤหาสน์ด้วยหมัดเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเฮยเมี่ยนถึงบอกว่าเย่เทียนเฉินไม่เป็นห่วงครอบครัวของตัวเอง เป็นสาเหตุที่เย่เทียนเฉินมีความสงบนิ่ง และเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลังจากที่เย่เทียนเฉินออกมาจากห้องทำงานของท่านผู้นำสูงสุดแล้วจึงรีบเดินทางไปยังบ้านเดิมตระกูลเย่ก่อนเป็นที่แรก เนื่องจากมีแค่ที่นั่นที่ไม่มีการคุ้มครอง เพียงแต่น่าเสียดายที่แม้เขาจะคาดเดาเรื่องเหล่านี้ได้แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาที่ซ่อนตัวของยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ หากไม่ฆ่าคนเหล่านั้นให้หมด ย่อมเป็นความคุกคามที่มีต่อเขาและคนทั้งเมืองหลวง
“ขอบคุณพวกแกมาก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังกระบี่ไท่อา กระบี่อวี๋ฉาง และกระบี่เซียวหยวน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉินเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บ การต่อสู้กับฮิคาวะไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ยังได้รู้ด้วยว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้มีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นมาด้วย หากเย่เทียนเฉินรู้ว่ามีคาเมดะอิจิโร่มาด้วยเขาคงไม่กังวลขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่เคยสู้กับเขามาก่อน เย่เทียนเฉินรู้จักฝีมือของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างดี ไม่ได้จะกล่าวว่าหากพูดถึงผู้อาวุโสในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็จะคิดว่าพวกเขามีพลังการบ่มเพาะสูงส่ง แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา คนอื่นเขามีประสบการณ์มากกว่าตน จะอย่างไรอายุก็มากกว่า แต่คนที่สามารถเป็นผู้อาวุโสได้ไม่ใช่ว่าจะมีความสามารถแข็งแกร่งทุกคน ก็เหมือนกับคาเมดะอิจิโร่ ความสามารถของเขาสู้ฮิคาวะไม่ได้ ดังนั้นพระเย่เทียนเฉินจึงไม่เห็นคาเมดะอิจิโร่อยู่ในสายตา เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ คนคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน จะร้ายกาจขนาดไหน เขาเองก็ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ
ในตอนนี้อลิซมาที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณชายขอบเมืองหลวง เปลี่ยนรถแท็กซี่ไปหลายคัน เธอไม่ได้ฆ่าคนขับรถที่มาส่งเธอถึงเป้าหมาย เพียงแค่ทำให้สลบไป จากนั้นก็เดินไปยังเมืองเล็กๆ ที่อยู่เบื้องหน้า
แม้จะบอกว่าเป็นเมืองเล็กๆ แต่ความจริงเป็นเพียงถนนสายหนึ่ง เมื่อถึงบริเวณทางเลี้ยวยังมีถนนอีกสายหนึ่ง นั่นก็คือเมืองเล็กๆ แห่งนั้น บ้านเรือนในเมืองต่างผุผัง แต่ยังคงมีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน ร้านขายของชำ ร้านขนม ร้านเหล้า โรงแรม แต่ละอย่างล้วนมีครบ อลิซมองไป จากนั้นจึงเดินเข้าไป ตอนนี้ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เปิดทำการแล้ว อลิซมองไปยังเมืองเล็กๆ อันว่างเปล่า จากนั้นจึงเดินไปที่ร้านของกิน
“มากี่ท่านครับ? รับอะไรดีครับ?” ชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ มองอลิซแล้วเอ่ยถาม
“ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น เอาน้ำเปล่ามาให้ฉันแก้วหนึ่ง!” อลิซพูดอย่างเรียบเฉย
ชายคนนั้นมองอลิซ จากนั้นจึงพูดกับคนที่อยู่ด้านในห้อง “น้ำเปล่าแก้วหนึ่ง!”
เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งถือน้ำเปล่าเดินออกมา นำมาวางไว้เบื้องหน้าอลิซแล้วหมุนตัวเดินจากไป แต่ในขณะที่อลิซยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำนั้น ผู้หญิงคนนั้นพลันหันมา ในมือปรากฏมีดเล่มหนึ่งแทบจะในเวลาเดียวกันแล้วแทงมีดไปที่หัวใจของอลิซ
ดูเหมือนว่าอลิซจะคาดเดาได้นานแล้วจึงสาดน้ำแก้วนั้นไปยังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว พริบตานั้นผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ในแก้วน้ำถึงกับไม่ใช่น้ำดื่มแต่เป็นน้ำกรด หากดื่มลงไปแม้แต่เทพเซียนก็คงช่วยไม่ได้
เสียงปังดังขึ้น อลิซถีบโต๊ะจนกระเด็นแล้วโจมตีผู้หญิงที่มาเสิร์ฟน้ำคนนั้นจนกระเด็นออกไป ตอนนี้เอง มีผู้ชายหลายคนพุ่งออกมาจากในร้านอาหาร ต่างก็มองอลิซด้วยท่าทีโหดเหี้ยม ในมือถือดาบทหารสไตล์ชิบะเอาไว้ทั้งหมด ดาบทหารอันเปล่งประกายมองแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก อลิซอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว ตั้งท่าเตรียมลงมือ
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าเธอคือใคร? ยังไม่รีบขอโทษคุณอลิซอีก?” ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่เดิมทีคิดจะเข้าไปสู้ต้องหยุดมือ คนคนนี้ก็คือคาเมดะอิจิโร่ที่เกลียดเย่เทียนเฉินเข้ากระดูกดำ
ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวหลายคนที่ถือดาบทหารอยู่ในมือได้ยินคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ต่างก็สบตากันแล้วจึงเก็บดาบทหารในมือกลับไป ยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซด้วยท่าทีนอบน้อมแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วยครับคุณอลิซ!”
อลิซไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เดินไปเบื้องหน้าคาเมดะอิจิโร่แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “มัตสึโมโตะชิโมะเค็นล่ะ?”
“อ้อ ท่านมัตสึโมโตะกำลังนอนหลับอยู่ ผมจะส่งคนไปเรียนท่านให้รีบมาพบคุณอลิซ!” คาเมดะอิจิโร่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันไม่มีเวลามารอเขาหรอก พาฉันไปซะ!” อลิซพูดพลางเดินไปเบื้องหน้า คาเมดะอิจิโร่มองอลิซด้วยความลำบากใจแต่กลับไม่กล้าปฏิเสธ ทำเพียงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พยายามถ่วงเวลาไว้
“ไม่ทราบว่าคุณอลิซมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ?”
“คุณอลิซจะรับอาหารเช้าก่อนหรือไม่ครับ?”
“ดื่มชาสักหน่อยเป็นไงครับ?”
“แกดื่มเองเถอะ!”
เสียงปังดังขึ้น อลิซไม่ได้สนใจคาเมดะอิจิโร่ ใช้เท้าถีบประตูห้องให้เปิดออกเนื่องจากด้านในห้องนี้มีเสียงอันหื่นกระหายดังแว่วมา ในตอนที่อลิซใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก พบว่ามีชายชราอายุประมาณ 60-70 ปีคนหนึ่ง ร่างกายยังดูแข็งแรง กำลังคร่อมอยู่บนร่างของผู้หญิงผิวขาวก้นใหญ่คนหนึ่ง เคลื่อนไหวอย่างดุดัน ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ร่างกายท่อนล่างมีเลือดไหล แต่ชายชรายังคงไม่ยอมปล่อย หวังจะกระทำจนตาย
เมื่อได้ยินเสียงถีบประตู ชายชราคนนั้นก็ไม่พอใจมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร แต่เมื่อเขาเห็นอลิซก็เพียงแค่มีสีหน้ามืดครึ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร หันไปกระทำคนใกล้ตายนั้นอย่างดุดันอีกหลายครั้งถึงจะถอนร่างออกมาแล้วสวมกางเกง ผู้หญิงที่ร่างกายท่อนล่างเต็มไปด้วยเลือดคนนั้นสั่นไปทั้งตัว ดูท่าทางคงยืนไม่ขึ้นแล้ว เธอกัดฟันคิดจะลุกขึ้นยืน แต่ชายชราไม่ให้โอกาสนั้น เขาตวัดดาบฆ่าเธอทันที ตายอย่างน่าอนาจ
“อ้อ คุณอลิซนี่เอง ไม่รู้ว่ามาหาผมมีธุระอะไร?” ชายชราคนนั้นสวมกางเกงตัวใหญ่ แม้จะอายุประมาณ 70 ปีแต่ยังดูแข็งแรงมาก นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง มิฉะนั้นคงไม่มีร่างกายแบบนี้ในขณะที่อยู่ในวัยที่แทบจะก้าวขาเข้าไปในโลงแบบนี้
“หึ มัตสึโมโตะ แกนี่มีความสุขจริงๆ ตอนนี้แล้วยังมีอารมณ์หยอกล้อผู้หญิงอีก?” อลิซแค่นเสียงเย็นแล้วกล่าวขึ้น
“เฮ้อ พอมาถึงประเทศจีนก็ไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายๆ อย่าง ไอ้เศษสวะเย่เทียนเฉินนั้นก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา ผมเลยไม่มีอะไรทำ แต่ผู้หญิงชาวจีนดีกว่าผู้หญิงชาวชิบะมากจริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างหื่นกระหาย
นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่อลิซได้พบกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น พบว่าชายชราคนนี้สูงประมาณ 160 เซนติเมตร มีร่างกายหยาบกร้านและแข็งแกร่ง สายตาหื่นกามมองไปทั่วรามกับผู้หญิงคนนั้นยังไม่ทำให้เขาพึงพอใจ กระทั่งอลิซเขาก็ยังกล้ามองสำรวจอยู่นาน รูปร่างอันยั่วยวนของอลิซดึงดูดมากจริงๆ