เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 461 ใจที่ไรผู้ต่อกร
“แก…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พลังบ่มเพาะของฉันแข็งแกร่งกว่าแก ตอนนี้ก็กินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันไปแล้ว ความสามารถไม่รู้เพิ่มขึ้นกี่เท่า ทำไมแกถึงเอาชนะฉันได้…” ฮิคาวะอยู่บนพื้น มีเลือดโทรมกาย คำรามออกมาเสียงดัง แขนขวาของเขาถูกซัดจนกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปแล้ว
เย่เทียนเฉินลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ขยับแม้แต่น้อย เคล็ดวิชาเทพท่องของเถียนปอกวงแข็งแกร่งมาก ไม่เพียงแต่จะทะยานไปได้ไกลนับพันลี้ แล้วยังเหาะเหินเดินอากาศได้อีกด้วย แน่นอนว่าเมื่อมาถึงระดับที่แข็งแกร่งขนาดฮิคาวะและเย่เทียนเฉินแล้ว การบินอยู่บนอากาศไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร การที่คนธรรมดามองไม่เห็นคนที่เหาะเหินเดินอากาศได้นั้น ประการแรกเป็นเพราะคนธรรมดาทำได้เพียงใช้ชีวิตรอการเกิดแก่เจ็บตาย อยู่กันคนละโลกกับผู้แข็งแกร่งเหล่านี้โดยสิ้นเชิง ประการที่สองเนื่องจากการเหาะเหินเดินอากาศเผาผลาญพลังภายในเป็นอย่างมาก ในตอนที่ยอดฝีมือที่แท้จริงต่อสู้อาจจะสู้กันหลายวันหลายคืน สู้กันจนฟ้าสะเทือนดินสะท้าน สำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้กักเก็บพลังภายในไว้เพียงเล็กน้อยก็เป็นจุดสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะ ดังนั้นเรียกได้ว่าถ้าใครบินมั่วซั่วก็อาจจะสิ้นเปลืองพลังภายในได้
“แกแพ้แล้ว ไม่ได้แพ้ที่ความสามารถ แต่แกขาดความกล้าที่จะเดินไปสู่การมีจิตใจไร้ศัตรู แกทำได้แค่อาศัยยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลัน มันไม่ได้ทำให้ความสามารถของแกเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง นั่นเป็นแค่สิ่งผิวเผินเท่านั้น…” เย่เทียนเฉินมองไปยังฮิคาวะอย่างเรียบเฉยแล้วเอ่ยขึ้น
ฮิคาวะชะงักไป ทะยานตัวลงมาที่พื้นทั่ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด การกระแทกเมื่อครู่นี้ เย่เทียนเฉินบินออกไปแล้วและได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเขาถูกอัดจนกระเด็นออกไปทั้งร่าง กระแทกลงบนภูเขาอย่างรุนแรง ทำให้ภูเขาถูกกระแทกจนแหลก จะบาดเจ็บเพียงใดจินตนาการได้เลยทีเดียว
ตอนนี้ฮิคาวะได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินในใจก็รู้สึกสั่นสะท้าน คิดว่าเขาฮิคาวะผู้มีฐานะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว อยู่ท่ามกลางแสงสว่างมาไม่รู้กี่ครั้ง ถึงกับถูกเรียกว่าเป็นคนที่จะได้รับการสืบทอดต่อจากจักรพรรดิดาบ นั่นเป็นความบ้าคลั่งระดับใดกัน โอหังระดับใดกัน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาระดับใดกัน? แต่ตอนนี้เขาแพ้แล้ว แพ้ให้กับชายหนุ่มชาวจีนอายุเพียง 20 ปีคนหนึ่ง แพ้อยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน เขาไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างมาก แต่นั่นมันยังไงล่ะ? เขาแพ้แล้ว บางทีอาจเป็นเฉกเช่นที่เย่เทียนเฉินพูด ไม่ใช่ว่าเขามีความสามารถไม่พอ แต่เป็นเพราะเขาขาดความกล้าที่จะมีจิตใจไร้คู่ต่อสู้ เขาโยนความหวังทั้งหมดไปให้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลัน ไม่เคยคิดจะอาศัยพลังของตนในการสังหารเย่เทียนเฉิน ไม่ใช่เย่เทียนเฉินทำให้เขาพ่ายแพ้แต่เขาแพ้ให้กับตัวเอง
“ใจที่ไร้คู่ต่อกร ใจที่ไร้คู่ต่อกร…ฉันฮิคาวะจะไร้คู่ต่อกรเมื่อไหร่กัน!” ฮิคาวะเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ปราณอำมหิตพุ่งขึ้นฟ้า ปราณอำมหิตสีดำพุ่งขึ้นฟ้าจริงๆ ครอบคลุมขอบเขตหลายร้อยเมตร เขาผลาญพลังชีวิตทั้งหมดของตนแล้ว
“นี่มันจำเป็นด้วยหรือไง?” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าพูด
“แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยแพ้ ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นต่อให้ฉันต้องใช้ชีวิตเป็นข้อแลกเปลี่ยนฉันก็จะฆ่าแกซะ!” ฮิคาวะพูดอย่างเย็นชา
ขณะนี้ฮิคาวะดูดซึมยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันทั้งหมดในร่างกายไปแล้ว ทั่วทั้งร่างเกิดปราณอำมหิตพุ่งขึ้นในพริบตา เผาผลาญพลังชีวิตทั้งหมดของตน เขารู้ว่าทำเช่นนี้ตนจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย แต่เขาต้องการอาศัยการโจมตีสุดท้ายฆ่าเย่เทียนเฉินซะ เย่เทียนเฉินทำให้เขากดดันมากเกินไป ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ ก่อนจะมา ฮิคาวะคิดว่าตนสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ด้วยการใช้ฝ่ามือเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกเย่เทียนเฉินบีบบังคับจนถึงขั้นนี้ บีบบังคับจนต้องใช้ชีวิตเข้าแลกเพื่อโจมตีสังหารเย่เทียนเฉิน
“ฉันฮิคาวะ ตั้งแต่เด็กก็เป็นผู้โดดเด่นในสำนักโฮคุชินอิตโตริว มีกี่คนที่ต้องเงยหน้ามองฉัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉันจะแพ้อยู่ในมือคนจีนคนหนึ่ง น่าหัวเราะจริงๆ น่าหัวเราะ!” ฮิคาวะหัวเราะเสียงเย็นราวกับกำลังพูดสั่งเสีย
“แกผิดแล้ว เดิมทีวรยุทธของจีนก็เหนือกว่าวรยุทธของประเทศชิบะของพวกแกอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะวรยุทธของจีนสืบทอดกันมาหลายพันปี กว้างขวางลึกล้ำ ไม่ใช่อะไรที่พวกแกจะเข้าใจ แกแพ้ตั้งแต่รากฐานแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูด
“แพ้เหรอ? ฮ่าๆๆๆ ไม่ได้แพ้…”
ทันใดนั้นฮิคาวะพลันพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน ลมปราณอันดุเดือดพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ในตอนที่ยังไม่ถึงข้างกายเย่เทียนเฉินก็ย้อมทุกสิ่งทุกอย่างจนกลายเป็นสีดำ ดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังลมปราณอันรุนแรงนั้น หลังจากที่ดูดกลืนพลังชีวิตไปแล้วก็ดูคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมา
ตู้ม!
ระเบิดแล้ว เกิดระเบิดขึ้นแล้ว ฮิคาวะระเบิดจนกลายเป็นฝนเลือด นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขากินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเข้าไปแล้วฝืนเผาผลาญพลังชีวิตทั้งหมดของตน ในตอนที่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกพลังลมปราณอันรุนแรงดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดไป ไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก ตายอย่างน่าอนาจ เป็นเขาที่ทำให้ตัวเองต้องตายอย่างอนาถขนาดนี้
อย่างไรก็ตามเย่เทียนเฉินกลับไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อพลังลมปราณอันรุนแรงสายนั้นกลืนกินฮิคาวะแล้วก็กลายเป็นแมงมุมตัวใหญ่สีดำ อ้าปากพุ่งหาเย่เทียนเฉินหวังกลืนกินลงไป เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว พลังลมปราณนี้แข็งแกร่งกว่าฮิคาวะมาก ไม่ว่าจะอยู่ในโลกใดย่อมมีขาวมีดำมี พลังธรรมะมีพลังอธรรม พลังเหล่านี้มองไม่เห็น พวกมันทำได้เพียงอาศัยอยู่บนสรรพสิ่งต่างๆ ตัวอย่างเช่นคนชั่วช้าคนหนึ่ง เขาจะค่อยๆ ถูกพลังชั่วร้ายกลืนกิน สุดท้ายก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของพลังชั่วร้ายไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางกลับตัว ฮิคาวะก็เป็นเช่นนี้ ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันที่ประเทศชิบะวิจัยออกมาเผาผลาญพลังชีวิตของตนทำให้ได้รับพลังอันแข็งแกร่งมาในพริบตา ซึ่งพลังธรรมมะไม่สามารถทำได้ มีเพียงพลังชั่วร้ายเท่านั้นที่ทำได้ และมีเพียงพลังชั่วร้ายเท่านั้นที่จะกลืนกินนร่างกายของผู้คนอย่างรุนแรงเช่นนั้นได้
ซู่ม!
แสงสีทองสองสายถูกยิงเข้าใส่แมงมุมตัวใหญ่สีดำนั้น เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ว่าพลังชั่วร้ายนี้แข็งแกร่งมาก ยิ่งพลังชั่วร้ายกลืนกินผู้คนไปมากมันย่อมแข็งแกร่งขึ้น เดิมทีฮิคาวะก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว กล่าวตามจริง ในความคิดของเย่เทียนเฉินหากฮิคาวะไม่ยโสโอหังขนาดนั้น ทนรับความอัปยศไม่ไหวแม้แต่น้อย หันมาลงมือต่อสู้กับตนอย่างเต็มกำลังโดยไม่ใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรม เขาคิดจะฆ่าฮิคาวะคงไม่ง่ายขนาดนั้น ก็เหมือนกับที่เขาพูด ฮิคาวะแพ้เพราะใจของตัวเอง เขาทำร้ายตัวเองจนตาย
เนตรประกายทอง!
หนึ่งในเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งของเย่เทียนเฉิน เรียกได้ว่าสามารถสะท้านฟ้าสะท้านดินได้เลยทีเดียว หากฝึกจนสำเร็จสมบูรณ์จริงๆ ประกายแสงหนึ่งสายสามารถทำลายทะเลดาวได้เลย นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง ผู้แข็งแกร่งในระดับเทพราชันที่แท้จริงไร้คู่ตอบกรในจักรวาล เพียงต่อยหมัดออกไปก็ทำให้พระอาทิตย์และพระจันทร์ทลาย นี่ไม่นับว่าเป็นการพูดที่เกินจริงแม้แต่น้อย
ตู้มๆ! เสียงดังสนั่น ประกายสีทองสองสายถูกยิงออกไป เพียงแต่แมงมุมตัวใหญ่สีดำสามารถหลบได้แต่ยังคงถูกโจมตีจนขาขาดไปสองข้าง เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าแมงมุมตัวนี้จะรับมือได้ยากขนาดนี้ เขารู้สึกยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว จะอย่างไรฮิคาวะก็แข็งแกร่งมาก ถ้าไม่อยู่ในสภาพสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิ ไม่ใช้ความสามารถในการต่อสู้ข้ามขั้น ด้วยความสามารถของเย่เทียนเฉินที่หากเปรียบเทียบกับฮิคาวะแล้วยังนับว่าต่ำกว่ามาก หากต้องการฆ่าเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อีกทั้งเดิมทีตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังมาเผชิญหน้ากับแมงมุมตัวใหญ่ที่แปรสภาพมาจากพลังชั่วร้ายซึ่งร้ายกาจกว่าฮิคาวะเช่นนี้ เขาย่อมเปลืองแรงไปมาก
ชี่ๆ!
แมงมุมตัวใหญ่สีดำที่ถูกเย่เทียนเฉินโจมตีขาขาดไปสองข้างก็คล้ายกับจะมีโทสะขึ้นมา พริบตาเดียวขาทั้งหลายข้างพากันขยับ ทะยานมาถึงเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน อ้าปากคิดจะกัดเย่เทียนเฉินเข้าไป
“แย่แล้วร่างกายขยับไม่ได้…” เย่เทียนเฉินคิดอยากจะลงมือแต่กลับพบว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสเกินไปจริงๆ เขาใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษออกไปติดต่อกัน อีกทั้งยังเพิ่งจะใช้เนตรประกายทองออกไป พลังในร่างกายจึงแทบจะหมด ทำได้เพียงมองแมงมุมตัวใหญ่สีดำอ้าปากกัดมาที่ตน
ตู้ม!
ในช่วงเวลาเป็นตาย เงาดำร่างหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา ต่ิยหมัดออกไปปะทะศีรษะของแมงมุมตัวนั้นทำให้แมงมุมกระเด็นออกไป เย่เทียนเฉินมองไปยังคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน สัมผัสได้ว่าคนคนนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนเขาสัมผัสไม่ได้ เขาไม่เคยพบคนคนนี ความสามารถยังเหนือกว่าเฮยเมี่ยนอีก เพียงหมัดเดียวก็ทำให้แมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายกระเด็นออกไปได้ หากเป็นเขา ต่อให้พลังการต่อสู้เต็มเปี่ยมก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้แน่นอน
“คุณคือ…” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“แกยังไม่คู่ควรที่จะรู้ชื่อของฉัน แล้วฉันก็ไม่อยากช่วยแก ฉันมาที่นี่เพราะต้องการบอกแกว่าความสามารถเพียงแค่นี้ของแกยังอีกไกล กระทั่งด่านทดสอบของกลุ่มขุนพลทัพฟ้าก็คงผ่านไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินพูดขึ้นอย่างไม่พอใจโดยไม่แม้แต่จะมองเย่เทียนเฉิน
“ด่านทดสอบกลุ่มขุนพลระดับทัพฟ้า? ฮ่ะๆ ถ้างั้นในกองทัพขุนพลระดับทัพฟ้าล่ะ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้ม
“ไสหัวไปเถอะ ที่นี่ไม่มีเรื่องของแก!” ชายร่างกำยำพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เย่เทียนเฉินก้าวออกมา ตอนนี้ใจเขาไปอยู่ที่น้องสาวและคุณแม่แล้ว ไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับคนเบื้องหน้านี้อีก หมุนตัวไปแล้วใช้เคล็ดวิชาเทพท่องทะยานไปทางบ้านของตน ชายร่างกำยำแปลกหน้าคนนั้นมองเย่เทียนเฉิน ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะภารกิจที่เบื้องบนกำหนด เขาต้องการลงมือกับเย่เทียนเฉินจริงๆ
“ไอ้อ่อน หัวหน้าจะให้ความสำคัญกับแกเกินไปแล้ว…” ชายร่างกำยำพูดในใจอย่างเย็นชา
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนนี้เย่เทียนเฉินกลับหันมา มองชายร่างกำยำแล้วพูดว่า “รอก่อนเถอะ ด่านทดสอบของกองทัพขุนพลระดับท้องฟ้าของพวกคุณน่ะ ผมจะไปฝ่าด่านแน่นอน ถึงตอนนั้นผมจะทำให้พวกคุณต้องเปลี่ยนความคิด!”
“หึ ยินดีต้อนรับ ส่งตัวเองมาตายได้ทุกเมื่อ!” ชายร่างกำยำมองไปยังเย่เทียนเฉิน แค่นเสียงเย็นอย่างดูถูก
หลังจากพูดจบเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้หยุดอีด ต่อให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ไม่สนใจอะไรขนาดนั้น พวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะแต่ละคนแข็งแกร่งมาก มีความสามารถแข็งแกร่ง ในเมื่อโจมตีคฤหาสน์ที่ตนอาศัยอยู่แล้วยังไปโจมตีบ้านเดิมของตระกูลเย่ได้ จะต้องหาตำแหน่งคฤหาสน์ตระกูลเย่ของตนเจอแน่นอน ตอนนี้ไม่รู้ว่าแม่และน้องสาว อีกทั้งฉีหรูเสวี่ยและอลิซ ผู้หญิงสี่คนนี้จะเป็นอย่างไร?
………………………..