เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 167 ใกล้ตาย
จากนั้น เธอก็เห็นว่าในสนามที่เมื่อครู่ยังว่างอยู่ เพียงครู่เดียวก็มีชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังหลายสิบคน มาล้อมพวกหมอสองสามคนมาไว้รอบๆ
เมื่อครู่เธอเห็นขาของนักเลงคนนั้นงออย่างชัดเจน และเขาก็คุกเข่าอยู่บนพื้น
คนรอบข้างช่วยพยุงเขาขึ้นมา
หันหลัง และเดินกลับไปหาพวกเย่หลินข้างหน้า ใบหน้าที่อ้วนอยู่แล้ว เมื่อยิ้มออกมา ใบหน้าก็เบียดแน่นกันไปหมด
“คุณผู้ชายมีเรื่องอะไรพูดกันดีดีก็ได้ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าคุณต้องการผู้ชายคนนั้นเหรอ ?" อันที่จริงก็ไม่ใช่ผมไม่ให้พวกคุณ….. ”ไอ้นักเลงนั่นพูดถึงตรงนี้ก็ก้มศีรษะส่ายหน้า และพูดอีกครั้ง
“อันที่จริง มีคนสั่งเอาไว้ว่า ไม่ให้เขาออกไป”
“คนที่คุณพูดถึงนั้น ใช่แซ่เกา เป็นผู้หญิงที่ชื่อเกาเหวินรึเปล่า ?”เมื่อเย่หลินถามคำถามนี้ เธอก็ยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย
แต่เมื่อนางเห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของชายคนนั้นอย่างชัดเจน เธอก็หลับตาลงและมองหนิงเส่าเฉิน “คุณคิดได้หรือยังว่า ตอนนั้นเป็นเธอที่ช่วยคุณจริงๆ ?” เธอพูดอย่างประชดประชัน
ผู้หญิงที่โหดร้ายเช่นนี้ จะช่วยชีวิตคน ?
เอาเถอะ เธอทำได้เพียงอธิบายกับตัวเองว่า ในช่วงเริ่มต้นของมนุษย์มักจะใจดี
หนิงเส่าเฉินเหลือบมองไปที่เธอ แต่ไม่ได้รู้สึกรำคาญ และหันไปพูดกับไอ้นักเลงนั่นว่า:“ คุณตอบผมมาก่อน เขา แกล้งเป็นบ้าหรือเป็นบ้าจริงๆ ?”
เย่หลินปิดปากของตัวเอง และมองไปที่หนิงเส่าเฉินอย่างเหลือเชื่อ บ้าจริงหรือแกล้งบ้า นี่มันหมายความว่ายังไง ?
ชายคนนั้นเดินถอยหลังโซเซ และหันศีรษะไปมองหมอที่ยืนอยู่ข้างกายและตบศีรษะของเขาอย่างแรง “เขาถามคุณ ? คุณก็พูดสิ ?”
คนที่โดนตีคนนั้น ก็คือคนที่เพิ่งลากเกาไห่ออกไปคนนั้น
เขาก้มศีรษะลง และกระชับแฟ้มไว้ในอ้อมแขนเล็กอย่างแน่น
“บอส แต่ว่าคุณหนูเกา………..”
“แม่เจ้าคุณยังดูสถานการณ์นี้ไม่ออกเหรอ ยังจะคุณหนูเกาอะไรอีก ? รีบบอกมา คุณเขาอยากรู้อะไร คุณก็พูดไป ”ไอ้นักเลงคนนั้นตะคอกและทุบตีใส่หมอคนนั้น
เย่หลินเหลือบมองไปที่หนิงเส่าเฉิน ในสายตาไม่เพียงแต่ชื่นชมมากเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าพวกนักเลงนี้ ไม่ใช่แค่เงินก็สามารถทำอะไรได้ ถ้าหากว่าให้แค่เงินพวกเขา แต่ด้วยลักษณะของพวกเขาแล้ว อาจจะเป็นเพียงการขู่กรรโชกหรือความโลภที่มุ่งร้าย จ่ายเงินไปแล้ว ยังไม่แน่เลยว่าวันนี้จะพาเกาไห่ออกไปได้
ดังนั้น หนิงเส่าเฉินที่เพิ่งมาถึงเมือง S ก็เลยไปจ้างคนกลุ่มนี้มาก่อน
และผลที่ได้ ก็สองเท่าจากความพยายามเพียงครึ่งเดียว
“ถึงแม้เขาจะดูงงๆ แต่ จากการสังเกตของฉัน อาการป่วยของเขา อันที่จริงเขามาที่นี่ได้ไม่นานก็หายดีแล้ว เพียงแต่ เขาเป็นคนที่แปลกมาก เห็นได้ชัดว่าอาการป่วยหายเป็นปกติแล้ว แต่ทุกครั้งเมื่อมีคนมา เขาก็จะแกล้งป่วย”
เมื่อหมอพูดถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบมองไปที่หนิงเส่าเฉินโดยไม่รู้ตัว “ถึงแม้ว่าพวกคุณอยากจะพาเขาออกไป ผมว่าเขาก็คงไม่เต็มใจที่จะไปกับพวกคุณ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการออกไปจากที่นี่ ”
เมื่อเย่หลินได้ยินอย่างนี้ก็ตกใจ สถานที่นี้ อย่าพูดถึงคนมีปัญหาทางจิตเลย แม้แต่คนปกติ เมื่อมาถึงที่นี่ ก็เดาได้ว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่เป็นบ้าก็บ้าแล้ว
เพียงแต่ ทำไมเกาไห่ถึงไม่อยากออกไปจากที่นี่ ?
ในเมื่อเขาสบายดีแล้ว ก็หมายความว่าเขายังสามารถกลับไปที่ตระกูลเกาได้ กลับไปเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเกา
เขาไม่อยากไปจากที่นี่ นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ต่อมา ก็พิสูจน์ได้ว่าหมอคนนั้นไม่ได้พูดโกหก
ทันทีที่เกาไห่ได้ยินว่าพวกเขามารับเขาออกไป เขาก็แทบคลั่งและทุบศีรษะของตัวเอง บังคับให้ตาย
เย่หลินกลัวว่าจะทำร้ายเขา จึงทำได้เพียงประนีประนอมเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เดิมทีเธอต้องการที่จะแข็งแล้วค่อยอ่อน แต่ เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เกาไห่คนนั้นก็ตะโกนเสียงดัง ทำให้เธอไม่มีโอกาสที่จะพูด
เขา เขากำลังผลักตัวเองไปยังเส้นทางที่เด็ดขาด
“ให้ฉันคุยกับเขาคนเดียวหน่อนได้ไหม”เย่หลินมองหนิงเส่าเฉิน และถามอย่างนุ่มนวล
หนิงเส่าเฉินเลิกคิ้วมองเธอ และส่ายหัวอย่างมุ่งมั่น :“เขาอันตรายมาก”
“ได้โปรด พวกคุณก็รออยู่ข้างนอก ถ้าหากได้ยินเสียงดังอะไร พวกคุณก็รีบเข้ามา ตกลงไหม ?”เธอพนมมือสองข้าง ขอร้องหนิงเส่าเฉิน
หนิงเส่าเฉินหันศีรษะ ก้มศีรษะลงอ่านหนังสือ ไม่สนใจเธอ
เย่หลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็บีบต้นขาด้ายในของตัวเอง ความเจ็บปวดทำให้รอยยิ้มบนหน้าของเธอ ในขณะนี้ ได้มีน้ำตาไหลลงมา
“เขาอาจจะเป็นญาติคนเดียวของฉันบนโลกนี้ คุณอยากจะให้ฉันไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตจริงๆเหรอ ?”
ถ้าหากเย่หลินรู้ว่า คำวิงวอนของเธอในตอนนี้ แปรเปลี่ยนมาเป็นความเมตตาและการแก้แค้นของใครบางคน เธอคิดว่า ตัวเองจะต้องรู้สึกเสียใจ
เมื่อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของเกาไห่ เย่หลินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สำหรับหนิงเส่าเฉิน น้ำตาเป็นสิ่งที่ใช้ได้ผล
เมื่อผลักประตูเข้าไป กลิ่นฉุนก็ลอยออกมา
เธอขมวดคิ้ว และมองไปที่ห้องนี้
ทั้งห้องมีแสงไฟสลัว ห้องไม่ใหญ่ ประมาณสิบกว่าตารางเมตร ภายในห้องมีกลิ่นอับ และผนังก็เลอะไปด้วยปากกาสีดำแดง
ตกแต่งห้องได้เรียบง่ายมาก เตียงหนึ่งตัว โซฟาที่ขาดอย่างเห็นได้ชัดหนึ่งตัว และโต๊ะธรรมดาหนึ่งตัว
สิ่งเดียวในห้องนี้ที่สามารถนับได้ว่าสมบูรณ์ ก็คือเตียงไม้ที่เขานอนเตียงนั้น
ด้านบนเตียงมีผ้าห่มหนึ่งผืนวางอยู่
ใกล้กับเพดาน มีหน้าต่างแคบๆหนึ่งอัน
สถานที่พักฟื้น เหอะเหอะ สภาพนี้ พักฟื้น พูดฟังยากหน่อย คุกยังดีกว่าสภาพแวดล้อมที่นี่อีก ?
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมแบบนี้ เกาไห่อยู่มานานถึงสองปีกว่า และไม่ยอมออกไป ทำไมกันล่ะ ?
เมื่อมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ที่เธอเปิดประตูเขามา เกาไห่ก็กระโดดลงจากเตียงมาที่พื้น เท้าเปล่า จับแขนและนั่งหมอบอยู่ที่มุมกำแพง
ผมยาวที่ยุ่งเหยิงร่วงลงมาปิดตาครึ่งหนึ่งของเขา ดังนั้น แม้ว่าเขาจะจ้องมองตัวเองอยู่ในขณะนั้น แต่เย่หลินก็ไม่สามารถมองเห็นแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน
เธอก้าวไปหาเขาสองก้าว
เกาไห่ไม่มีปฎิกิริยาอะไร เธอรู้สึกดีใจ และเข้าไปใกล้อีกสองก้าว เกาไห่ก็ยังคงสงบมาก
เธอไม่ลืมคำแนะนำของหนิงเส่าเฉิน อย่าเข้าใกล้เกาไห่มากเกินไป
ในขณะนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือคนที่มีสายเลือดเดียวกับเธอ เป็นพี่ชายของเย่หลิน และเป็นผู้ชายคนที่โทรจิตกับเธอ
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เธอเดินไปข้างหน้าของเกาไห่ นั่งยองยองและวางมือสองข้างที่บนไหล่ของเขา
เธออ้าปาก อยากเรียกเขาว่าพี่ชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยเสียง ก็ถูกผู้ชายตรงหน้าคว้าคอไว้ และบีบแน่นทันที……..
มันเร็วมาก จนเธอไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงออกมา
มือ กำลังต่อสู้ แต่ก็ขัดกับความแข็งแกร่งของชายคนนั้น
เย่หลินรู้สึกว่าเขาอยากจะฆ่าเธอให้ตาย ดังนั้น เธอลมหายใจของตัวเธอก็แทบถูกตัดขาดในทันที
ในขณะที่การมองเห็นเริ่มพล่ามัว
เธอก็ยอมแพ้ และน้ำตาก็ไหลลงมาจากตาทั้งสองข้างที่ละหยด ติ๋ง !ติ๋ง !