เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 498 สุราอายุยืนที่เหลือ
ตอนที่ 498 สุราอายุยืนที่เหลือ
……………………………………………………………………..
จี้หยวนหารือกับขอทานชราในลานอย่างออกรสออกชาติ ระหว่างนั้นข้ารับใช้ชราของตระกูลเฉียวยกอาหารเช้ามาวางไว้ในลาน
ตอนสองคนปรึกษากันถึงการหลอมวัตถุพลัง หน้าตระกูลเฉียวต้อนรับการมาเยือนของขอทานชรา เป็นขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ชรานามว่ากงซุ่น
เฉียวหย่งนำทุกคนในตระกูลเฉียวไปรับราชโองการที่หน้าจวน
“ข้าเชื่อในชะตาสวรรค์ รู้ว่าเฉียวหย่ง อดีตพลเรือเอกของกองเรือตะวันตกเป็นผู้ซื่อสัตย์และชอบธรรม บัดนี้กลับบ้านพักผ่อนอยู่หลายปีแล้ว ข้าปรารถนาให้เจ้าพักผ่อนมากๆ ทว่าธุระของราชสำนักและประชาชนวุ่นวาย ยากนักจะหาขุนนางผู้จงรักภักดีกลับเข้ารับราชการช่วยเหลืออาณาจักร…ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปขอสั่งเจ้ากลับเข้าราชสำนักอีกครั้ง…”
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ให้เขารับราชการอีกครั้ง ถึงขนาดอนุญาตให้กลับคืนตำแหน่งเดิม
แม้คาดเดาไว้อยู่แล้วก็ยังคงทำให้ทั่วทั้งตระกูลเฉียว รวมถึงเฉียวหย่งตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง เท่ากับว่ากลับสู่สังคมชั้นสูงอีกครั้งอย่างแท้จริง ถึงคนตระกูลเฉียวไม่ได้กินอยู่อย่างลำบาก แต่ใครเล่าไม่หวังให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ยิ่งหวังว่าความรุ่งโรจน์จะมาถึงตัว
ขันทีชราอ่านเสียงดัง จนกระทั่งพยางค์สุดท้ายแล้ว คนตระกูลเฉียวถึงกล่าวขอบคุณเสียงดัง
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เฉียวหย่งสูดลมหายใจเข้า ตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองขันทีอ่านราชโองการ ฝ่ายหลังเก็บราชโองการเบาๆ ก่อนยื่นให้เขาด้วยสองมือ
“ฮ่าๆๆ…ใต้เท้าเฉียว”
เฉียวหย่งรีบคารวะแล้วเข้าใกล้ขันทีชรา รับราชโองการไว้ด้วยสองมือเช่นกัน
“ลำบากกงกงแล้ว ข้าคนแซ่เฉียว สถานการณ์ครอบครัวของข้าคนแซ่เฉียว…”
ขันทีระดับสูงถ่ายทอดราชโองการแล้วมักได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ขันทีประเภทนี้บางครั้งอาจมีบทบาทที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะกงซุ่นที่ได้รับความโปรดปรานอย่างมากต่อหน้าฮ่องเต้
กงซุ่นเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าเฉียวหย่งกระวานกระวายใจ จึงรีบโบกสองมือปฏิเสธ
“นี่ๆ ใต้เท้าเฉียวคิดมากเกินไปแล้ว ข้าทำทุกอย่างอย่างเป็นกลาง ไม่มีความคิดอื่นใด จริงๆ ก่อนมาฝ่าบาทฝากคำพูดมากบอกกับใต้เท้าเฉียวด้วย”
“กงกงเชิญพูด!”
ขันทีชรามองไปทางลานหลังของตระกูลเฉียว กล่าวเสียงเบาว่า
“ท่านเซียนทั้งสองยังอยู่กระมัง ฝ่าบาทอยากถามว่าเมื่อใดจะได้พบท่านเซียนทั้งสองอีก พระองค์ต้องการสอบถามเรื่องมรรคเซียน”
เฉียวหย่งเข้าใจเจตนาของฮ่องเต้ ย่อมพยักหน้ารับปาก
“กงกงโปรดกลับไปทูลฝ่าบาทว่าข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทแล้ว เพียงแต่เทพเซียนทำสิ่งใดมนุษย์ยากคาดเดา ทว่าข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“เฮ้อ ใต้เท้าเฉียวไม่จำเป็นต้องกังวล ตอนนี้ฝ่าบาทโปรดปรานท่านนัก”
“เอ่อ ต้องให้กงกงช่วยเหลือแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ พูดได้ดีๆ…”
ตอนนี้เฉียวหย่งเข้าใจแล้ว เพื่อหนทางในราชสำนัก แข็งแกร่งซื่อตรงเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม หาได้ยากยิ่งเช่นเดียวกัน ทว่าผ่านไปนานเข้าโอนอ่อนโดยง่าย นอกเสียจากฮ่องเต้และขุนนางราชสำนักมีนิสัยแข็งกร้าว ไม่เช่นนั้นก็ยากจะอยู่ได้นาน
เมื่อขันทีถ่ายทอดราชโองการไปแล้ว เฉียวหย่งรีบไปที่เรือนพักแขกตรงลานหลัง คนยังไม่ถึงที่เสียงก็ดังไปก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้ล้วนเรียกว่าท่านเซียน แต่ภายหลังจี้หยวนให้เขาเรียกว่าท่านจี้ก็พอ ขอทานชรายิ่งให้เขาเรียกว่าผู้ชรา เรียกท่านจี้พอได้อยู่ แต่จะให้เรียกว่าผู้ชราออกจะไม่เคารพกันเกินไปหน่อย คนตระกูลเฉียวไม่กล้า จึงเรียกเขาว่าท่านหลู่เสียเลย
“ท่านจี้ ท่านหลู่ ท่านจี้ ท่านหลู่ ข้าคนแซ่เฉียวมารบกวนแล้ว ทั้งสองท่าน…”
เสียงของเฉียวหย่งหยุดชะงัก ตอนอ้อมประตูลานเข้าไปเห็นกลางลานของเรือนรับแขกไร้ร่องรอยของจี้หยวนกับขอทานชรา หนึ่งเค่อก่อนที่เขาจะมา ทั้งสองคนยังสนทนากันอยู่แท้ๆ พูดถึงดินถึงน้ำอะไรสักอย่าง
“หรือว่าไปแล้ว”
เฉียวหย่งพลันเศร้าใจ เขาเพิ่งสัญญาว่าจะนำคำพูดมาบอก เดิมทีบอกกว้างๆ เอาไว้ ไม่กล้ารับปากเป็นมั่นเหมาะ คิดว่าตอนนี้แม้แต่บอกคำพูดก็ไม่ได้บอกแล้ว
เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เรือน ดูที่เรือนพักแขกสองฟากก่อน ประตูปิดสนิทดี จากนั้นมองบนโต๊ะหินกลางลาน ถ้วยชามอาหารเช้าวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โจ๊กและอาหารแห้งบนนั้นหายไปจนเกลี้ยง
เฉียวหย่งไม่ตัดใจ เดินไปเปิดประตูเรือนของจี้หยวนก่อน ข้างในถูกเก็บกวาดเรียบร้อย ภายในห้องเป็นระเบียบยิ่งนัก ไม่มีสิ่งของใดเหลือทิ้งไว้ สุดท้ายเร่งฝีเท้าเดินไปที่เรือนของขอทานชรา ที่นั่นเหมือนกับไม่มีใครมาอยู่เช่นเดียวกัน
“เฮ้อ…ท่านเซียนทั้งสองไปแล้ว…ขะ ข้าจะทูลฝ่าบาทอย่างไรดี!”
เฉียวหย่งเดินไปถึงกลางลานอย่างเซื่อมซึม เตรียมเก็บชามกับตะเกียบ แต่เข้าใกล้แล้วถึงพบว่ายังมีบางอย่างถูกถ้วยชามกับถาดรองบังไว้ข้างหลัง เป็นขวดหยกขนาดเล็กกับกระดาษเขียนตัวอักษรเอาไว้
เขาดีใจราวกับได้ของมีค่า โดยเขาเลือกไม่สนใจขวดหยกก่อน แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่ออ่านอย่างละเอียดแล้วพ่นลมหายใจยาว อย่างน้อยก็มีอะไรไปบอกฮ่องเต้แล้ว
เฉียวหย่งที่วางกระดาษลงหยิบขวดหยกเล็กบนโต๊ะหินขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ขวดหยกนี้ยาวประมาณครึ่งฝ่ามือ หนาสองนิ้วมือ เขย่าดูแล้วรู้สึกได้ถึงของเหลวที่อยู่ข้างใน น่าจะมีปริมาณหนึ่งแก้ว
‘นี่คือสุราอำพันมังกรที่ท่านจี้เขียนไว้ในจดหมายหรือ’
เห็นรอบๆ ไม่มีใคร เฉียวหย่งลอบดึงจุกปิดขวดหยกเล็กออก ทันใดนั้นกลิ่นสุราเข้มข้นสายหนึ่งโชยออกมา เทียบกับสุราที่จี้หยวนเทให้เมื่อวานแล้วเข้มข้นกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยิ่งดมเฉียวหย่งก็ยิ่งวูบวาบในใจ
เฉียวหย่งตัวสั่นก่อนรีบปิดจุกขวดหยกเล็กดังเดิม ด้วยกลัวว่าตนเองทนความเย้ายวนไม่ไหวแล้วดื่มเข้าไปเอง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม กลางห้องทรงอักษรในวังหลวง มีเพียงฮ่องเต้ชราและขันทีชรากงซุ่น ไปจนถึงเฉียวหย่งและโหรหลวงเหมินอวี้ทงสี่คน
ฮ่องเต้ชราหยิบจดหมายจี้หยวนอ่านอยู่สองรอบ กระทั่งอ่านรอบที่สามจนแน่ใจแล้วว่าไม่ตกหล่นคำพูดใดไปค่อยวางลง
“เฮ้อ ท่านเซียนจี้กับท่านเซียนหลู่จากไปไม่บอกลา แม้ท่านเซียนจี้บอกว่าจะช่วยบอกกล่าวเรื่องที่พวกเราตามหาเกาะหมอกเซียนไม่เจอให้พวกเขาฟัง แต่ไม่รู้ว่าเซียนเกาะหมอกเซียนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร…สุราเซียนนั่นอีก…โหรหลวง เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
ฮ่องเต้ชรามีสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง สุราเซียนย่อมเป็นของดี แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยดื่ม โหรหลวงเคยใช้วิชาหลอมปราณวิญญาณเติมเข้าสุราโดยเฉพาะ ทำให้สุราหมักจากชาวบ้านธรรมดากลายเป็นสุราเซียน ดื่มแล้วสบายตัวจริง ทว่าก็ไม่สบายตัวอยู่ในทีเช่นกัน
ตอนนี้เหมินอวี้ทงกำลังสังเกตขวดหยกเล็ก ได้ยินฮ่องเต้ชราพูดแล้วพลันรู้ว่าเขาลังเลใจ จึงรีบเข้าไปใกล้แล้วอธิบาย
“ฝ่าบาท เรื่องเกาะหมอกเซียนกระหม่อมไม่กล้ายืนยัน แต่มีคำพูดของท่านเซียนแล้ว เห็นทีจะมีความหวังเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง ส่วนสุรานี้เป็นสุราเซียนของจริง แตกต่างกับวิธีลวกๆ อย่างการใช้วิชาหลอมปราณวิญญาณใส่สุราอย่างยิ่งยวด สุราเซียนของแท้นั้นตั้งแต่การเก็บวัตถุดิบจนวิธีกลั่นและกลายเป็นสุรา ทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นวิชาวิเศษอัศจรรย์ ในบางระดับเหมือนกับหลอมโอสถ นอกจากนี้…”
พูดแล้วเหมินอวี้ทงก็ดึงจุกปิดขวดหยกเล็กออกอย่างระมัดระวัง
“นอกจากนี้…ท่านจี้ยังบอกอีกว่า ‘หลอมอย่างตั้งใจโดยประมุขแม่น้ำ’ ฝ่าบาท ท่านจี้ใช้คำว่า ‘ประมุข’ ไม่ใช่ ‘เทพ’…”
“เอ่อ แตกต่างกันตรงไหนหรือ”
ฮ่องเต้ชราผายมือไปทางขวดหยกเล็กตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลและคาดหวัง
“แน่นอนว่าแตกต่างกัน…แตกต่างกันมากยิ่งนัก…”
เหมินอวี้ทงประคองขวดหยกส่งให้ฮ่องเต้ชรา พยักหน้าก่อนอธิบาย
“ในผืนน้ำปัจจุบันนี้เคารพนับถือเผ่ามังกร ประมุขผู้มีคุณสมบัติในแม่น้ำและหนองนั้น นั่นเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมังกรแท้! ฝ่าบาท สุรานี้เป็นมังกรแท้หลอมเองอย่างตั้งใจ มีชื่อว่าอำพันมังกร บางทีแม้แต่มังกรแท้เห็นสุรานี้แล้วก็ต้องน้ำลายไหล! พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือนี่เป็นสุราอายุยืนของแท้พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้สะท้านไปทั้งร่าง จับขวดหยกในมือแน่นขนัด ควบคุมความต้องการดื่มมันลงไปอย่างแรงกล้าทันที กระนั้นยังไม่ลืมถาม
“โหรหลวง สุรานี้ต้องใช้ร่วมกับสมุนไพรใด ข้าดื่มไปโดยตรงคงเสียประสิทธิภาพกระมัง”
“ฝ่าบาทโปรดวางใจ ไม่มีคำแนะนำพิเศษในการดื่มสุรานี้ นั่นเป็นเพราะดื่มได้โดยตรง เอ่อ หากฝ่าบาทสะดวกล่ะก็ เหลือส่วนหนึ่งให้กระหม่อมไปศึกษาต่อได้หรือไม่ ไม่ต้องมาก เพียงสองสามหยดก็พอพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ชราอดไม่ไหวอยู่บ้าง กระนั้นพยักหน้าให้โหรหลวงก่อนกลืนน้ำลาย จากนั้นนำขวดหยกเล็กจ่อปาก แล้วเงยหน้ากระดื่มสุราในขวด ระหว่างดื่มสุรา กลิ่นสุราอำพันมังกรยิ่งเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า
“อึก…อึก…”
นี่เป็นเสียงฮ่องเต้ชรากลืนอำพันมังกร
“อึก…”
“อึก…”
ส่วนนี่เป็นเสียงเฉียวหย่งกับขันทีชรากงซุ่นกลืนน้ำลาย แม้แต่ลูกกระเดือกของเหมินอวี้ทงที่อยู่ข้างๆ ก็ขยับเล็กน้อยเช่นกัน
ดื่มสุราไปอึกหนึ่งแล้ว ฮ่องเต้ชรารู้สึกว่ามีกระแสความร้อนสายหนึ่งไหลลงไปถึงท้อง จากนั้นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายในทันที กระจายไปทั่วทั้งแขนขาและกระดูกทุกท่อน มีกระแสความร้อนไหลเวียนทั้งร่างไม่ขาดสาย เส้นเอ็นกระดูกเหมือนกับถูกเผา กระนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด กลับสบายตัวมากเสียด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันในสติเริ่มพร่าเลือน เวียนศีรษะขึ้นมาแล้ว
“สุรา…ดี…”
พูดออกมาได้เพียงสองคำ ฤทธิ์สุราที่เกินจริงของอำพันมังกรก็เอ่อขึ้นมา ฮ่องเต้ชราซวดเซอยู่สองหนก่อนล้มลง
“ฝ่าบาท!”
เฉียวหย่งกับขันทีชราต่างก็ก้าวเท้าออกไป ประคองฮ่องเต้ชราที่ล้มลงทางซ้ายและขวา ฝ่ายเหมินอวี้ทงรีบยื่นมือไปรับขวดหยกเล็กที่หล่นจากมือฮ่องเต้ชรา
เมื่อมองในขวดอย่างละเอียด เหมินอวี้ทงถอนใจเล็กน้อย บอกแล้วว่าให้เหลือไว้สองสามหยด ทว่าตอนนี้เหลือเพียงกลิ่นแล้ว…
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหมินอวี้ทงยังคงรีบใช้จุกปิดขวดหยก ไม่อาจสิ้นเปลืองกลิ่นเล็กน้อยนี้ได้
“ใต้เท้าโหรหลวง ฝ่าบาทไม่เป็นไรกระมัง”
ขันทีชราถามอย่างเป็นกังวล ฝ่ายเหมินอวี้ทงยิ้ม
“ดื่มสุรา เมาฤทธิ์สุราแล้ว จะเป็นอะไรได้เล่า ส่งฝ่าบาทกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก นอนหลับอย่างสั้นหนึ่งวัน อย่างยาวสามวันห้าวัน พระองค์ต้องฟื้นอย่างแน่นอน”
“ขอรับ!”
ขันทีชรากับเฉียวหย่งค่อยคลายใจ
…
จี้หยวนและขอทานชราจากมาไม่ใช่เพราะรู้สึกได้ว่าถูซือเยียนฟื้นแล้ว แต่เป็นเพราะการหารือเรื่องการหลอมสมบัติพลังค่อนข้างร้อนแรง สถานที่อย่างลานหลังของตระกูลเฉียวไม่ค่อยเหมาะสมแล้ว และความจริงสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดคือเขาเก้ายอด
ทว่าก่อนหน้านี้สองคนย่อมไปที่เขาลาดชันสักครั้ง แม้ไม่มีเค้าลางบอกว่าถูซือเยียนจะฟื้นขึ้นมาในทันที แต่จิ้งจอกตนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ ควรไปดูสักหน่อยอยู่แล้ว
เป็นดังที่คาดไว้ ยิ่งเข้าใกล้เขาลาดชัน จี้หยวนกับขอทานชรายิ่งรู้สึกได้เลือนราง รู้ว่าจิ้งจอกตนนี้ฟื้นแล้ว
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
เมื่อเข้าสู่หน้านิยายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด