เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - บทส่งท้าย 37
ตอนพิเศษ 37 ปู่จิ่วขอหมั้นหมาย เป่าล่วงรู้อนาคต
บรรยากาศงานเลี้ยงชวนอึดอัด แต่สมแล้วที่เด็กน้อยเป็นเด็กน่ารักของทุกคน จู่ๆ เขาก็กลับมาตัวใหญ่เหมือนเดิม เสียงดัง ตุ๊บ
หรงเจ๋อที่ไม่ทันตั้งตัวเกือบจะทำเด็กน้อยตกลงบนพื้น โชคดีที่เขาตั้งสติได้ไว รับตัวเป่าตุ้ยนุ้ยที่ร่วงลงกลางคันไว้อีกครั้ง
หรงเจ๋อกลัวว่าตนเองจะทำเจ้าตัวน้อยตกจึงรีบอุ้มเข้ามาและยังลูบก้นน้อยๆ ของเจ้าตัวน้อย “อยู่นิ่งๆ”
เสี่ยวเป่าผู้อ่อนโยนที่อยู่นิ่งๆ ทันทีเงยหน้ามองท่านปู่น้อยของเขา ดวงตากลมโตทั้งใหญ่และสุกใส ดูเป็นเด็กดีมาก
หรงเจ๋อผ่อนแรงลงด้วยสัญชาติญาณ กลัวจะทำให้หลานชายน้อยคนนี้ตกแตก เสือดาวดุร้ายเช่นอี้เอ๋อร์คงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่
หลังจากที่เสี่ยวเป่าผู้น่ารักสบตาเขาแล้วก็เรียกด้วยเสียงหน่อมแน้มว่า “ปู่รอง…”
“จ้า” หรงเจ๋อยิ้มกว้าง “ปากหวานจริงๆ น่ารักกว่าท่านพ่อเจ้าตอนเด็กเสียอีก” แต่เล่นกับอี้เอ๋อร์สนุกกว่ามาก ทั้งดุร้ายและพาออกไปลุยได้ คนนี้ตัวเล็กเกินไปและยังอ่อนโยนมากนัก ขนาดเขาอุ้มยังรู้สึกกลัวเลย
แอนนาเห็นท่าทางเงอะงะของเขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ครานี้นางไม่ได้ค่อนแคะอะไร เพราะว่านางดูออกว่าแม้เจ้าคนโง่คนนี้จะดูเงอะงะ แต่ก็มีความอดทนและใส่ใจมาก ท่าอุ้มเด็กน้อยก็ดูใช้ได้
ส่วนเจ้าลูกเจี๊ยบที่น้ำตาคลอ มันก็พูดเสียงสะอึกสะอื้นว่า “พี่เป่ากลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
เสี่ยวหรงเยี่ยนที่เพิ่งตั้งสติได้มองไปที่มือของตนเองทันที ก่อนจะมองไปรอบๆ และมองไปที่ท่านปู่น้อยที่อุ้มเขา เขาหัวเราะ ‘ฮ่า’ ออกมาทันที รอยยิ้มสดใสและอ่อนโยน ทำเอาหรงเจ๋อรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
แอนนาเกือบจะหัวเราะออกมา รู้สึกว่าท่าทางเงอะงะของหรงเจ๋อในยามนี้ช่างดูโง่เขลามากเสียจริงๆ
หรงเจ๋อไม่รู้ตัว เขายังตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ อย่างระมัดระวัง การกระทำที่แข็งทื่อและระมัดระวังนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพ่อครั้งแรก
พรวด อวิ๋นจื่อซีหัวเราะบุตรชายผู้โง่เขลาอย่างไม่เกรงใจ “เงอะงะจริงๆ” มิน่าแอนนาจึงไม่ชอบ ดูเงอะงะไปหมด ดีที่หน้าตายังพอใช้ได้
บรรยากาศที่น่าอึดอัดเมื่อครู่นี้ถูกบรรเทาลงด้วยเสียงหัวเราะของอวิ๋นจื่อซี ทุกคนปล่อยผ่านเรื่องของคลานคลานชั่วคราว แต่ทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจว่าหลังจากงานเลี้ยงต้องทำอะไรบ้าง
เสี่ยวหรงเยี่ยนและเจ้าลูกเจี๊ยบยังเป็นเด็ก แม้จะเสียใจกับการจากไปของคลานคลาน แต่ยังไม่สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ ความสนใจจึงถูกเบี่ยงเบนไปได้ง่ายๆ พวกเขาไม่ได้พูดถึงคลานคลานอีก
เมื่อสิ่งของสำหรับพิธีจับเสี่ยงทายของเด็กน้อยถูกยกขึ้นมา เขาที่เห็นสิ่งของระยิบระยับกองหนึ่ง ย่อมถูกดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปและเริ่มหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ อีกครั้ง
“เจ้าเด็กคนนี้ซื้อง่ายจริงๆ” หรงอี้พูดถึงเด็กน้อยที่อยู่บนนั้นอย่างไม่ค่อยชอบพอนัก แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งก็ประสานกับมือของเยี่ยนอวี๋ไว้แน่น
เยี่ยนอวี๋ทนฟังเขาว่าเด็กน้อยไม่ดีไม่ได้จึงตอบว่า “หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นเด็กดีและอ่อนโยน เจ้าผู้เป็นพ่อจะมายืนตรงจุดๆ นี้ได้ง่ายๆ หรือ”
“…” หรงอี้ที่รู้สึกจุกไม่สามารถแย้งกลับได้ เดิมทีหนทางการจีบภรรยาของเขาประสบความสำเร็จเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะลูกจอมเซ่อคนนี้อยู่แล้ว
บัดนี้ที่จริงเขายังจำได้อย่างแม่นยำว่า ครั้งแรกที่เจอเด็กน้อย เขาตัวน้อยๆ พยายามกระดึ๊บมาหาเขาอย่าง ‘สุดชีวิต’ เพียงใด เขาไม่มีวันลืมสายตาสว่างสุกใส บริสุทธิ์และน่าชื่นชมของลูกคนนี้ได้
แน่นอนว่าสิ่งที่จำได้แม่นเช่นกันคือใบหน้ามอมแมมของเจ้าตัวน้อย แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด ปล่อยให้เด็กน้อยที่ตัวสกปรกมอมแมมนั่นกอดขาของเขาแน่น
เมื่อย้อนคิดแล้ว… สายตาที่หรงอี้มองเด็กน้อยก็อ่อนโยนลง “โชคดีที่เด็กน้อยปกป้องและช่วยข้าจริงๆ มิเช่นนั้นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คงไม่ชอบข้า”
“…ก็ไม่แน่หรอก” เยี่ยนอวี๋รู้จักหัวใจและนิสัยของตนเองดี นางรู้ดีว่าแม้จะไม่มีเด็กน้อย นางก็จะถูกเขาดึงดูด เหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรก
แม้นางจะคาดเดา สงสัยและหวาดกลัว แต่สุดท้ายแล้วยังคงหวั่นไหวเพราะเขา ถึงอย่างไรเขาก็แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นางเคยสัมผัสมาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นนางจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าถึงอย่างไรเขาก็จะดึงดูดนางได้
หรงอี้เห็นนางตอบเสร็จ จู่ๆ ก็เขินอายขึ้นมา อดเปลี่ยนจากจับมือเป็นโอบเอวอันบอบบางของนางไม่ได้ เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมอก หัวใจและร่างกายถูกเติมเต็ม
…
หลุมฝังศพของคลานคลาน พิกซีน้อยสร้างให้มันเสร็จนานแล้ว พิกซีน้อยใส่ใจดี รู้ว่าลูกเจี๊ยบให้ความสำคัญกับคลานคลาน ดังนั้นแม้จะไม่ได้รายงานเรื่องของคลานคลานให้เยี่ยนอวี๋และหรงอี้ แต่มันกลับสร้างสุสานฝังเสื้อและหมวกของคลานคลานไว้แล้ว
ถึงอย่างไรดวงจิตของคลานคลานก็สูญสิ้น ไม่มีร่างจึงทำได้เพียงสร้างสุสานฝังเสื้อและหมวกให้ ครอบครัวหนึ่งเดียวของมันคือ ท่านแม่ของมันซึ่งจากไปนานแล้ว ส่วนท่านพ่อม้าเช่นนั้นของมันและพี่น้องนับไม่ถ้วนของมันไม่นับว่าเป็นครอบครัว
ดังนั้นผู้ที่คลานคลานใกล้ชิดมากที่สุดก็มีเพียงลูกไก่สีเหลือง มันจุดธูปให้ลคลานคลานและยังสวดอธิษฐานขอให้ชาติหน้าคลานคลานได้เกิดมาเป็นลูกน้องของมันอีก
ผู้คนในนั้นไม่กล้าบอกลูกไก่สีเหลืองว่าคลานคลานไม่มีชาติหน้าแล้ว เพราะว่ามันสูญเสียดวงจิตไปแล้ว
ลูกไก่สีเหลืองจึงยังคงอธิษฐานไม่หยุด ขอให้คลานคลานมาหามันและยังพูดกับพี่เป่าว่า “คลานคลานดีที่สุดเลย มันอยู่เป็นเพื่อนข้าตั้งแต่ที่ข้ากลับถึงอาณาจักรมาร”
เอาเข้าจริงแล้ว อันที่จริงลูกไก่สีเหลืองก็ไม่มีครอบครัว อีกทั้งหนทางของมันถูกลิขิตไว้แล้วว่ามันจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวพี่เป่า ดังนั้นหลังจากที่ถึงอาณาจักรมาร ผู้ที่ใกล้ชิดกับมันมากที่สุดจึงกลายเป็นคลานคลานผู้ที่มันเคยมีโอกาสได้ขี่
ลูกไก่สีเหลืองเป็นลูกไก่ที่ไม่ลืมมิตรภาพเก่าๆ ผู้คนที่อยู่รอบๆ มันตอนที่มันฟักออกมาล้วนถูกมันมองเป็นครอบครัวที่มั่นคง สำหรับมันแล้วอันที่จริงคลานคลานก็เป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัวเหมือนกับเด็กน้อย เยี่ยนอวี๋และหรงอี้ หลังจากไหว้คลานคลานเสร็จ ลูกไก่สีเหลืองก็เสียใจไปหลายวัน
เสี่ยวหรงเยี่ยนในครานี้มีความเป็นพี่ชายสูงมาก เขารู้ว่าต้องปลอบลูกไก่สีเหลือง นอกจากจะพามันออกไปเล่นแล้ว ยังแบ่งปันของขวัญครบเดือนของตนเองกว่าครึ่งให้มันด้วย ทำเอาเจ้าเหมียวสีขาวน้อยใจ
ในขณะที่เจ้าตัวน้อยกำลังเล่นด้วยกับลูกเจี๊ยบ จิ่วอิงก็เข้ามาขอร้องบางอย่างกับเยี่ยนอวี๋อย่างขี้ขลาดว่า “ภรรยาอี้เอ๋อร์ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องให้เจ้าช่วยเหลือ”
อันที่จริงเยี่ยนอวี๋รู้อยู่แก่ใจดี แต่กลับตีหน้าซื่อถามว่า “ปู่จิ่วกล่าวเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรหรือ”
“ชะ ช่วย…” จิ่วอิงที่เป็นคนดุร้ายมาแต่ไหนแต่ไรหวาดกลัวจนพูดตะกุกตะกัก ทำให้อวิ๋นจื่อซีที่บังเอิญแวะมาหาหลานสะใภ้ประหลาดใจ “อาจิ่ว เจ้าทำอะไรน่ะ”
เดิมทีจิ่วอิงหวาดกลัวอยู่แล้ว ทันทีที่ได้ยินเสียงของอวิ๋นจื่อซี มันก็ยิ่งหวาดกลัว แต่ว่า…
เมื่อคิดถึงซีหวังหมู่ที่ช่วงนี้ชอบขลุกตัวอยู่กับฝูเหอหมอดูเถื่อนคนนั้น มันก็คิดว่าจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ จึงโพล่งพูดขึ้นว่า “ข้าอยากสู่ขอซีหวังหมู่”
อวิ๋นจื่อซีที่ค่อยๆ ตั้งสติได้หัวเราะ เสียงหัวเราะนั่นแปลกประหลาด ถึงอย่างไรจิ่วอิงก็รู้สึกเช่นนั้น ทำเอาเขาขนหัวลุกไปหมด
อวิ๋นจื่อซีกลับพูดว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าอย่าหยวนให้เพียงเพราะอาจิ่วเป็นลูกสมุนของข้า ข้าน่ะเคยเห็นซีหวังหมู่ของเจ้าแล้ว ช่างน่ารักน่าชังจริงๆ หากมันไม่เต็มใจ เจ้าไม่ต้องสนใจอาจิ่วก็ได้”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น จิ่วอิงก็รู้สึกว่าแย่แล้ว นายหญิงคนนี้ของมันไม่อยากเห็นมันได้ดี เป็นเช่นนี้มาตลอด…
กว่ามันจะอยากสู่ขอภรรยา นางกลับไม่ช่วยมัน น่าโมโหจริงๆ แต่ก็ทำอะไรนางไม่ได้ น่าโมโหยิ่งกว่า
เยี่ยนอวี๋ขบขันกับท่าทางโมโหแต่ไม่กล้าทำอะไรของจิ่วอิง แต่นางไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงแค่ปรบมือสองสามที ทำเอาจิ่วอิงชะงักงัน
ซีหวังหมู่กลับเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านหลังของเยี่ยนอวี๋ ทันทีที่มันออกมาก็ใช้สายตาแปลกประหลาดมองจิ่วอิง
จิ่วอิง หนีไปตอนนี้ยังทันหรือไม่นะ?
ทว่า… ซีหวังหมู่กลับมองจิ่วอิงและถามว่า “เจ้าชอบข้าหรือ”
“…ใช่” เมื่อตอบเสร็จ จิ่วอิงรู้สึกว่าไม่ได้ ดูอ่อนแอเกินไป นังตัวแสบแบบนี้ต้องตะโกนกลับไป “ใช่ ข้าชอบเจ้า”
“อ๋อ” ซีหวังหมู่บอกว่ารับรู้แล้วและไม่ได้ตกใจกับพลังดุร้ายของจิ่วอิง สายตากลับยิ่งดูยิ่งประหลาดใจ
จู่ๆ จิ่วอิงก็รู้สึกไม่มั่นใจ ขี้ขลาดขึ้นมาทันที “แล้วเจ้าเล่า”
“ข้าทำไม” ซีหวังหมู่ย้อนถาม
จิ่วอิงทำเสียงดุอีกครั้ง “ชอบข้าหรือไม่ เจ้าวางใจเถอะ ปู่จิ่วข้าไม่ใช่คนโอ้เอ้ หากเจ้าไม่ชอบ เรื่องนี้ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูด”
แม้จะอ่านออกแล้ว แต่อวิ๋นจื่อซีไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่นั่งลงข้างกายเยี่ยนอวี๋ แทะเมล็ดทานตะวันพลางดูละคร ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปยุ่งเลย
ช่วงที่ผ่านมานี้เยี่ยนอวี๋อยู่ร่วมกับครอบครัวของสามีจนคุ้นชินแล้ว อีกทั้งนางเป็นคนใจกว้าง ไม่ขี้อายและเป็นคนเปิดเผย เข้ากันได้ดีกับ ‘ท่านย่า’ อวิ๋นจื่อซีและท่านแม่เยี่ยเชียนหลีคนนี้เป็นอย่างดีโนเวลพีดีเอฟ
จิ่วอิงในครานี้ มันกลับอธิบายให้ซีหวังหมู่ฟังอย่างอดทน ซึ่งเกินความคาดเหมายของอวิ๋นจื่อซีมาก “ก็อย่างเช่นข้า ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูดีมากเลย อยากอยู่กับเจ้า”
“เช่นนั้นข้าคงไม่ได้ชอบเจ้า” ซีหวังหมู่พูดอย่างลังเลว่า “ข้ารู้สึกว่านายท่านของเราดูดีมาก อยากอยู่กับนายท่านของเรามาก ข้าคงชอบนายท่านแน่ๆ”
พรวด อวิ๋นจื่อซีพ่นหัวเราะออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว รู้สึกเพียงว่าซีหวังหมู่นี่ก็มหัศจรรย์จริงๆ
เยี่ยนอวี๋นวดระหว่างคิ้วเบาๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
จิ่วอิงกลับพูดขึ้นเองว่า “จะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า ภรรยาอี้เอ๋อร์คือเจ้านายของเจ้า เหมือนกับเจ้านายของข้า แม้ข้าจะบ่นนางบ่อยๆ แต่ก็ยังอยากติดตามนาง มันไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“ไม่เหมือนกันตรงไหน” ซีหวังหมู่ยังคงไม่เข้าใจ
จิ่วอิงรู้สึกว่าอธิบายอย่างไรก็คงไม่รู้เรื่องจึงถามว่า “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอยู่กับข้าแล้วรู้สึกอย่างไร ช่วงนี้ข้ามักพาเจ้าออกไปเล่น สนุกหรือไม่”
“ก็สนุกดีนะ” ซีหวังหมู่พูดตามตรง ถึงอย่างไรมันก็มีนิสัยเข้ากับจิ่วอิงได้ จิ่วอิงอยากได้เมีย ย่อมปฏิบัติกับมันอย่างดีพิเศษ มันย่อมสนุกมาก
“ก็แค่นั้นแหละ เจ้าออกไปกับอสูรตัวผู้สนุกเช่นนี้หรือไม่” จิ่วอิงค่อยๆ โน้มน้าว
อวิ๋นจื่อซีอยากแทรก รู้สึกว่าจิ่วอิงคิดไม่ดี มันกำลังจะหลอกล่อซีหวังหมู่ชัดๆ
เยี่ยนอวี๋กลับห้ามนาง ให้นางคอยดูเงียบๆ ต่อไป
ซีหวังหมู่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตอบว่า “อยู่กับเจ้าสนุกกว่า พวกเทพอัสนีกลัวข้า”
“ก็นั่นไง แต่งงานกับข้าเถอะ” ศีรษะทั้งเก้าของจิ่วอิงฮึกเหิม “ถึงอย่างไรต่อไปข้าจะคอยติดตามอี้เอ๋อร์ เจ้าเองก็อยากติดตามภรรยาอี้เอ๋อร์ เราจะได้เล่นด้วยกันบ่อยๆ”
“เช่นนั้นเจ้าต้องเชื่อฟังนายท่านของข้า”
“ไม่มีปัญหา”
“ก็ได้”
“ตกลงตามนี้นะ?” จิ่วอิงรู้สึกเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นเช่นนี้
ซีหวังหมู่กลับมองมันอย่างพิลึก “ไม่เช่นนั้นเล่า เจ้าคิดจะคืนคำ?”
“ไม่มีเสียหน่อย ข้ากลัวเจ้าจะคืนคำมากกว่า”
“เจ้าดูถูกใครอยู่น่ะ ข้ารักษาคำพูดที่สุด ตกลงแล้วไม่เคยกลับคำ”
“ดี ดี ข้าจะไปเตรียมสินสอดเดี๋ยวนี้ เจ้าชอบอะไร”
“นายท่าน”
“…” จิ่วอิงพูดไม่ออก
อวิ๋นจื่อซีตบโต๊ะหัวเราะอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป “ฮ่าๆๆๆ…” อสูรสองตัวนี้จริงจังใช่หรือไม่ เหตุใดนางจึงรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันกำลังเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่เลย?
เยี่ยนอวี๋เองก็อยากหัวเราะ เสียงของนางแฝงรอยยิ้มพูดว่า “ซีซีมานี่สิ”
“เจ้าค่ะ” ซีหวังหมู่เชื่อฟังเยี่ยนอวี๋ที่สุด มันรีบไปหานางทันที
เยี่ยนอวี๋ลูบผมหนาของมัน “ปู่จิ่วเป็นคนดี เจ้าแต่งงานกับมันก็ดี แต่ต่อไปหากเจ้ารู้สึกไม่อยากอยู่กับมันแล้ว ชอบอสูรตัวผู้ตัวอื่น เจ้าก็ทิ้งมันแล้วเปลี่ยนใหม่นะ”
คำพูดนี้ทำให้จิ่วอิงที่เดิมทีกำลังดีใจสะท้าน “ภรรยาอี้เอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร” มีแบบนี้ที่ไหนกัน ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ เลยก็พูดถึงเรื่องทิ้งเสียแล้ว?
แต่มันเพิ่งพูดเสร็จ ซีหวังหมู่ก็จ้องมันกลับอย่างโมโห “เจ้าดุนายท่าน?”
“เปล่า” จิ่วอิงรีบปฏิเสธ “ข้าแค่ถามดู อาจจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร ข้าจะแก้เดี๋ยวนี้”
ทันทีที่พูดจบ นอกจากจิ่วอิงจะเปลี่ยนน้ำเสียงแล้ว ยังเปลี่ยนคำพูดด้วย “ภรรยาอี้เอ๋อร์ เจ้าพูดถูก”
เยี่ยนอวี๋หัวเราะออกมา รู้ว่าในวันข้างหน้าจิ่วอิงต้องดีกับซีหวังหมู่แน่นอน ซีหวังหมู่ก็ไม่ใช่คนฝืนทน หากอนาคตเข้ากันไม่ได้ก็แยกย้ายกันไป มีนางคอยดู ไม่เสียเปรียบแน่นอน
อวิ๋นจื่อซีจึงพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่กำหนดชั่วชีวิตเสียหน่อย หากรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ จะหย่ากันเมื่อใดก็ได้”
“…” จิ่วอิงรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่มันไม่กล้าพูด กลัวซีหวังหมู่จะกลับคำ
ทว่าหรงหวงที่เพิ่งมาหาภรรยาได้ยินคำพูดของเหลนสะใภ้หมดแล้ว เขาจึงเลิกคิ้วมองเสือดาวน้อยที่อยู่ข้างกาย “คุมประพฤติภรรยาเจ้าบ้าง”
หรงอี้กลับพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นเด็กดี”
“มีเมียแล้วลืมแม่ คนอกตัญญู” หรงหวงโต้กลับอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินไปหาภรรยาของตน
หรงอี้รู้สึกพูดไม่ออก เพราะว่าเขาไม่สามารถแย้งได้ ถึงอย่างไรท่านปู่หวงของเขาก็เป็นคนไม่มีแม่ตั้งแต่กำเนิด…
ทว่าทันทีที่หรงอี้คิดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าท่านปู่หวงของเขาน่าสงสารมากเลย ช่างเถอะ ไม่ถือสาเอาความเขา
หรงอี้ที่คิดเช่นนี้เพิ่งจะก้าวเข้าไปในตำหนักพร้อมท่านปู่หวงก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของเด็กน้อยจากในตำหนักดังขึ้น “พ่อ”
เสี่ยวหรงเยี่ยนที่เล่นไปเล่นมากอดลูกไก่สีเหลืองและเจ้าเหมียวสีขาวผล็อยหลับไป เขาสะดุ้งตื่น ตัวน้อยๆ ของเขายังลุกนั่งตัวตรงขึ้นมา