เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 282 อ้อนต้าซือมิ่งเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋จำต้องเก็บจิตสังหารกลับ แต่ต้าซือมิ่งบางคนรู้สึกถึงจิตสังหารที่คนในอ้อมกอดของเขาเพิ่งปล่อยออกไป “เจ้าเกลียดชังนางมากหรือ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ไม่ปฏิเสธ
ต้าซือมิ่งไม่ได้ถามอะไรอีก แต่เขาเข้าใจดีว่าการที่สามารถทำให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาเกลียดชังจนอยากจะสังหารนั้น เกรงว่าคงจะมีอะไรมากกว่านี้ เพียงแต่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ถามต่อไป .
นี่คือสิ่งที่ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกสบายใจ แม้ว่าบางครั้งต้าซือมิ่งคนนี้จะรับมือยาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมในบางเรื่องและรู้ที่จะไม่ถามในเรื่องที่ทำให้นางไม่มีความสุข
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้…
เยี่ยนอวี๋พบว่า ต้าซือมิ่งผู้นี้รู้จักพอประมาณและหยุดเมื่อสมควรหยุด และมักจะทำให้ช่วงที่นางเกือบจะอารมณ์เสีย แต่สุดท้ายก็ ‘ทำอะไรเขาไม่ได้’ทุกครั้ง
เหมือนกับว่า…
ลูกน้อยที่รู้วิธีอ้อนนางอย่างไรอย่างนั้น!
นางตามใจเขาเกินไปหรือเขาจับจุดได้ดีเกินไปกันแน่ หรือว่า…
“ฝ่า…บาท…”
เสียงร้องอันเย้ายวนจากกู้หยวนซูปลุกเยี่ยนอวี๋ให้ตื่นจากภวังค์ทันที ทำเอานางรู้สึกไม่สบายอย่างมาก และหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของต้าซือมิ่งอย่างไม่รู้ตัว
ต้าซือมิ่ง “…”
เขายกริมฝีปากขึ้นอย่างเงียบๆ และกอดนางแนบชิดยิ่งขึ้น
“นางทำอะไร” เยี่ยนอวี๋ผู้ไม่รู้อะไรเลยยังคงถาม แต่ดวงตากลับพบโดยบังเอิญว่ากู้หยวนซูโผเข้าไปในอ้อมกอดของหยวนคังฮ่องเต้ ทั้งยังเปิดหัวไหล่ออกมาให้เห็นอีกด้วย
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางเข้าใจแล้ว
แต่ต้าซือมิ่งบางคนยังคงอธิบายอยู่ข้างหูของนางอีก “กำลังยั่วยวนหยวนคังฮ่องเต้อยู่”
และหยวนคังฮ่องเต้ผู้ซึ่งไม่ได้พบกู้หยวนซูมาเกือบสองวันตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กอดหญิงสาวที่โผเข้ามาในอ้อมกอดไว้แน่น รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้เปลี่ยนไปมาก!
หลังจากนั้น…
ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว
ฉากที่ไม่กลมกลืนเหล่านั้น ทำให้ปฐมราชินีบางคนรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก และอยากออกจากที่นี่ทันที! ไม่อาจทนต่อไปได้อีกแม้วินาทีเดียว
…
“อัปยศ!” เยี่ยนอวี๋สบถออกมาอย่างไม่พอใจหลังจากที่ออกจากวังแล้ว แม้ว่านางจะรู้ว่าเป็นนางและต้าซือมิ่งบางคนที่ทำไม่ถูกที่ไป ‘แอบดู’ คนอื่นก็ตาม…
แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับเห็นด้วยอย่างจริงจัง “ใช่! หน้าไม่อาย!”
“หึ!” เยี่ยนอวี๋จ้องไปที่ชายตรงหน้า รู้สึกว่าเขาเองก็หน้าไม่อายเช่นกัน! แต่นางไม่มีหลักฐาน
แต่ในขณะเดียวกัน คนสองคนที่มาถึงในจวนอ๋องอินแล้วได้ยินเสียงร้องของเจ้าตัวน้อยว่า “แม! พ่อ!”
เยี่ยนอวี๋ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยบางคนที่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นพบว่า ‘คนข้างหมอน’ ผิดแปลกไป และกลัวว่าลูกน้อยจะร้องไห้เยี่ยนอวี๋จึงรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๋ๆ เสี่ยวเป่านอนกับท่านลุงรองไม่ดีหรือ” เยี่ยนจื่อเสาที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเกลี้ยกล่อมหลานชายตัวน้อยของเขา
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เพิ่งตื่นนอนยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย เขาขยี้ตาด้วยมือเล็กๆ ของเขา “อ้ะเนะ? แม!” ทำไมเสี่ยวเป่านอนข้างท่านแม่ แต่ตื่นมาข้างท่านลุงรองได้
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่สามารถเข้าใจได้ยกก้นน้อยๆ ของเขาขึ้น แล้วคลานไป ยังคงจะหาท่านแม่หรือไม่ก็ท่านพ่อของเขา จากนั้นเขาก็หาพบจริงๆ เพราะเยี่ยนอวี๋ปรากฏตัวแล้ว
“แม!” ดวงตามัวหมองของเยี่ยนเสี่ยวเป่าเปิดขึ้นด้วยรอยยิ้ม และเข้าไปหามารดาของเขาแล้ว
เยี่ยนอวี๋อุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอดของนาง และตบหลังอันอ่อนนุ่มของลูกน้อย “โอ๋ๆ”
“หาว!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังหาวถึงได้หลับตาลงอย่างสบายใจ แล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เยี่ยนจื่อเสาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง “ติดแม่ขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เขายังเด็กอยู่” เยี่ยนอวี๋ตบหลังลูกน้อย รู้สึกว่าลูกน้อยเป็นเด็กดีมากพอแล้ว
ต้าซือมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เมื่อเขาเห็นว่าลูกน้อยหลับสนิทแล้วจึงได้สัมผัสศีรษะโล้นของเขา “ช่างไหวพริบดีจริงๆ กลิ่นอายของข้าปกคลุมไว้ เขายังสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติได้”
“พูดถึงเรื่องนี้ พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ว่าเสี่ยวเป่าไม่มีเส้นผมขึ้นเลย” เยี่ยนจื่อเสาคิดเกี่ยวกับคำถามนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถามเลย
ต้าซือมิ่งที่เก็บมือเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่เยี่ยนอวี๋กล่าวว่า “เด็กทารกทุกคนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ”
“จริงหรือ” เยี่ยนจื่อเสาผู้ซึ่งไม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน รู้สึกว่าผิดปกติ
“ปกติ แม้ว่าเด็กคนอื่นๆ จะไม่ใช่ เสี่ยวเป่าของเราจะแตกต่างจากคนอื่นก็ไม่เป็นไร ข้าและบิดาของเขาก็ไม่ได้เป็นคนศีรษะล้าน เสี่ยวเป่าจะมีผมขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว” เยี่ยนอวี๋ไม่กังวลเลย
ต้าซือมิ่งบางคนเห็นด้วย “อีกไม่นานเกินรอ อาจเป็นเพราะสมรรถภาพทางกาย”
“เอาล่ะ ไม่มีปัญหาอะไรก็ดี ข้าเพียงแค่เป็นห่วงว่าร่างกายไม่ดีหรือเปล่า” เยี่ยนจื่อเสาแค่เตือน และไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากนั้นก็แนะนำให้ทั้งสามคนออกไปโดยเร็ว เขาจะนอนแล้วเช่นกัน
“ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก เมื่อคืนยังถูกท่านพ่อลากตัวไปทุบตีอีก ท่านพ่อที่เป็นบ้าจากการดื่มสุราไม่เอาแล้ว ข้าต้องนอนพักสักครู่ พวกเจ้าไม่ต้องนอนก็ไปเล่นกันนะ” เยี่ยนจื่อเสาได้ผลักครอบครัวน้องสาวออกไปทั้งสามคน แล้วไปนอนพักต่อไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแล้ว แต่มีท่านพ่อที่เป็นบ้าจากการดื่มสุรานั้น เขาก็ค่อนข้าง ‘เศร้า’ เช่นกัน วันนี้ก็เจอเรื่องตกใจอีก ต้องนอนเพื่อชดเชยความเหนื่อยล้าทางจิตใจของเขา
และต้าซือมิ่งที่ถอยออกมาก็จำบางสิ่งได้ และอธิบายว่า “ข้าจะกลับไปที่ตำหนักซือมิ่งสักรอบ เจ้าและ เสี่ยวเป่ากลับไปนอนก่อนเถอะ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดมีอะไรไม่ปกติ
แต่เม่ยเอ๋อร์ที่กลับจากการฝึกดาบแล้วรู้สึกว่าต้าซือมิ่งคนนี้กำลังเอาเปรียบคุณหนูใหญ่อีกแล้ว ทำเหมือนคุณหนูใหญ่กำลังรอให้เขาเข้านอนอย่างนั้นล่ะ!
ต้าซือมิ่งพูดขึ้นอีกว่า “เช่นนั้นข้าไปแล้ว”
“ได้” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้คิดมาก และกล่าวว่าอีกว่า “ต้องการอะไรก็ว่ามาได้”
“ได้” ต้าซือมิ่งซึ่งคิ้วและดวงตาเจือไปด้วยรอยยิ้มเดินออกไปด้วยความพึงพอใจ
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สังเกตว่าบทสนทนาระหว่างทั้งสอง ดูเหมือนเป็นคู่รักกันมากนัก
“อืออ!” และเจ้าตัวน้อยที่หลับสนิทดูเหมือนจะรู้สึกว่าบิดาของเขาจากไปแล้ว เริ่มมีท่าทีจะตื่นขึ้น
เยี่ยนอวี๋เกลี้ยกล่อมเบาๆ ทันที “โอ๋ๆ”
เจ้าตัวน้อยบางคนค่อยๆ ผล็อยหลับไป เยี่ยนอวี๋จุมพิตลูกน้อย “เจ้าเด็กดื้อ”
จุ๊บ! เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เม้มริมฝีปากขณะหลับกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของมารดาอย่างน่ารักน่าชัง ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่หลงลูกชายยิ่งโงหัวไม่ขึ้น
หากไม่ใช่เพราะเม่ยเอ๋อร์เตือน เยี่ยนอวี๋อาจยังคงยืนอยู่นอกประตูห้องพี่รอง และมองดูลูกน้อยอีกนาน
และเยี่ยนจื่อเสาที่ยังไม่หลับกำลังมองขึ้นไปบนหลังคาและถอนหายใจ “น้องเขยคนนี้ ปกติแล้วดูฉลาดมาก แต่ครั้งนี้กลับทิ้งเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไว้ แล้วหนีไปคนเดียวเสียอย่างนั้น!”
เยี่ยนจื่อเสาที่ยังเป็นกำลังใจให้กับต้าซือมิ่งบางคน ทั้งหวังให้น้องสาวอย่าได้แต่งงานเร็วนักนอนไม่หลับ ดังนั้นเมื่อเขาตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สองในตอนเช้า จิตใจจึงยังคงเฉื่อยชาอยู่บ้างเล็กน้อย
ตรงกันข้ามกับอินหลิวเฟิงที่ร่าเริง “พี่รองเสา อย่าหาว่าข้าพูดเลยนะ! ท่านไปทำอะไรมาเมื่อคืนอย่างนั้นรึ”
“ข้ากำลังคิดถึงครอบครัวของข้า” เยี่ยนจื่อเสาขยี้ตาอันแห้งกร้าน คิดว่าโชคดีที่การฝึกฌานของเขาในตอนนี้ยังดี ไม่เช่นนั้นคงจะศีรษะล้านจริงๆ แล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ คนใช้ก็มารายงานแล้ว “นายน้อย ต้าซือมิ่งมาแล้วขอรับ”
“โอ้” อินหลิวเฟิงอยากจะเข้าไปต้อนรับเขา แต่พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาจัดให้ต้าซือมิ่งอาศัยอยู่ในจวน “ต้าซือมิ่งออกไปแล้วหรือ”
“นายน้อย มาแล้วขอรับ ไม่ใช่ออกไป”
“ข้ารู้! ข้าหมายความว่าเขาเคยออกไปแล้วหรือ”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ท่านเองก็ไม่ได้บอกให้ข้าน้อยคอยเฝ้าต้าซือมิ่งไว้ ข้าน้อยจึงไม่กล้า” ทหารเฝ้าจวนอ๋องอินทำเอาอินหลิวเฟิงหมดคำจะพูด จนต้องโบกมืออย่างเงียบๆ “ไปเถอะ”
“ขอรับนายน้อย” ทหารเฝ้ายามก้าวถอยหลังทันที
เอ้อร์เหมาเปิดปาก “นายน้อย ท่านอยากให้ซานเหมามาเป็นองครักษ์ของท่านมิใช่หรือ ท่านดูเจ้าเถี่ยโถวนี่ฝึกฝนมาพร้อมกับซานเหมา ท่านยังต้องการหาซานเหมาอีกหรือไม่”
อินหลิวเฟิง “…”
เหตุใดเขาที่เป็นถึงนายน้อยแห่งโยวตู! จึงไม่พบองครักษ์ที่พอใจเลย!
ช่างเถอะ…ช่างเถอะ…
ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าอินหลิวเฟิงผู้โศกเศร้ากุมหน้าผากและสั่ง “ไปเตรียมรถม้า ประเดี๋ยวเราจะไปที่สถานศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์กัน”
“ได้เลย!” เอ้อร์เหมาได้ยินก็รู้ทันที องครักษ์ข้างกายของเขาคนนี้ไม่มีทางอ่อนไหวอีก เขาตะโกนไปพลางเตรียมรถม้าอย่างมีความสุข
อินหลิวเฟิงหลับตาด้วยความเจ็บปวด “พี่รองเสาหัวเราะ จวนอ๋องของเรานี่จริงๆ เลย …”
“ดีมากทีเดียว” เยี่ยนจื่อเสากลั้นรอยยิ้มเอาไว้ รู้สึกว่าเขาจะสามารถหัวเราะได้ทั้งวัน เพียงแค่ดูนายบ่าวประลองฝีปากกันเช่นนี้ ไม่รู้ว่าโยวตูอ๋องไปเอากลุ่มบ่าวที่น่าสนใจมากเพียงนี้มาจากที่ใดกัน ล้วนแต่มีนิสัยเป็นเอกลักษณ์
อินหลิวเฟิงจับหน้าอก ไม่รู้จะอธิบายให้คนเข้าใจได้อย่างไร ‘ความคับข้องใจ’ ที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาสงสัยว่าเขาไม่ใช่นายน้อย
แต่เถี่ยโถวบางคนกลับไม่รู้ว่านายน้อยของเขากำลัง ‘รังเกียจ’ เขา เอ่ยรายงานอีกครั้งว่า “นายน้อย เมื่อครู่ข้าลืมเอาจดหมายที่ท่านอ๋องวานให้ข้ามาให้ท่าน”
อินหลิวเฟิงไม่มีแรงที่จะเอื้อมมือออกไป แต่เมื่อเขาเปิดจดหมาย สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยน “ไปเร่งเอ้อร์เหมาให้เร็วกว่านี้หน่อย! ข้าต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”
เขาคาดไม่ถึงเลย…
ในสำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถูกลอบสังหารได้อีกหรือ!