เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 20 อีกหนึ่งความทรงจำ!
ภาพความทรงจำที่ปรากฏขึ้นมากมายตั้งแต่เจอกู้หยวนเหิงครั้งแรก บัดนี้ได้ปะติดปะต่อจนเป็นเรื่องราว นั่นคือฉากที่เยี่ยนจื่ออวี๋ถูกจัดให้อยู่ในค่ายกลที่ถูกฉวยโชคและพรสวรรค์ อีกทั้งยังถูกขังตายอีก?
เยี่ยนอวี๋เห็นภาพแม่สาวน้อยที่มิสามารถขยับเขยื้อนตัว สีหน้าทุกข์ทรมานราวกับถูกควักเอาหัวใจออกไป จากนั้นนางก็เห็นว่าร่างกายส่วนล่างของนางมีเลือดกำลังไหลออกมา!
นี่มัน…
นี่มันถูกคนวางยาทำแท้งชัดๆ!
“เสี่ยวเป่า…” เยี่ยนอวี๋คิดถึงเจ้าตัวน้อยทันทีพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตรงทรวงอกจนนางต้องยกมือขึ้นมากุมหัวใจ แต่กลับมิสามารถหยุดความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงนี้ได้
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและสีหน้าซีดเผือดของนาง ทำให้เยี่ยนชิงตระหนกตกใจ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?!”
“ใครก็ได้! ใครก็ได้! รีบไปเชิญประมุขแห่งหอโอสถมา! เร็วเข้า…” เยี่ยนชิงประคองตัวลูกสาวไว้ด้วยมือไม้ที่อ่อนระทวย โชคดีที่ไม่เผลอปล่อยเยี่ยนเสี่ยวเป่าหลุดมือ เพราะเด็กน้อยบังเอิญส่งเสียงร้องอย่างร้อนรนจึงรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
ชุ่ยชุ่ยและเม่ยเอ๋อร์ต่างตกใจ! ชุ่ยชุ่ยตกใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนเม่ยเอ๋อร์ตกใจเพราะไม่เคยพบเห็นสีหน้าไม่ดีเช่นนี้ของคุณหนูใหญ่มาก่อน
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ก็หายตัวไป ไปเชิญประมุขแห่งหอโอสถมาอย่างรวดเร็ว เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันตั้งสติได้ประมุขแห่งหอโอสถก็มาถึงแล้ว
“…” ประมุขแห่งหอโอสถยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เม่ยเอ๋อร์ก็พูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ยังไม่รีบดูอาการให้คุณหนูใหญ่อีกรึ!”
“ขอรับๆ…” ครั้นประมุขแห่งหอโอสถกำลังจะตรวจชีพจรให้เยี่ยนอวี๋ด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงอยู่นั้น
เยี่ยนอวี๋กลับไม่ยอมยื่นมือให้ “ไม่เป็นไร”
เยี่ยนชิงร้อนรนทันที “ไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่าดื้อเลย ให้ประมุขแห่งหอโอสถตรวจเสียหน่อยเถิด”
“อ้ะเนะเนะ!” เจ้าตัวน้อยก็ส่งเสียงร้องขึ้นอย่างร้อนรนเช่นกัน มือน้อยๆ ของเขากำหมัดแน่นและทำสีหน้าจริงจัง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยนอวี๋กลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดได้เพลาลงไปแล้ว แต่ในดวงตางดงามของนางกลับปรากฏแววเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางมั่นใจว่าภาพที่นางเห็นเมื่อครู่นี้คือภาพที่เยี่ยนจื่ออวี๋ถูกบังคับทำแท้งแน่ๆ
แต่เท่าที่นางรู้ แม่สาวน้อยไม่เคยถูกทำแท้งมาก่อน ในเมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าอยู่ในท้องของนางตลอด และนางก็ไม่เคยทำให้เจ้าตัวน้อยประสบภัยอันตรายใดๆ แต่ ‘ความทรงจำนี้’ ช่างเหมือนจริงและแจ่มชัดเหลือเกิน…แจ่มชัดจนทำให้เยี่ยนอวี๋ที่มีอาการทุเลาลงแล้วกอดเจ้าตัวน้อยตรงหน้าเข้ามาแนบแน่นกว่าเดิม และหอมแก้มเขาไปฟอดหนึ่งทันที!
“เสี่ยวเป่า” ความนุ่มนิ่มที่สัมผัสได้จริงนั้น ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้ว่าแม้ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ แต่เสี่ยวเป่าของนาง นางคลอดออกมาแล้วจริงๆ
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกหอมจนงงงวย “อ้ะเนะเนะ…” ท่านแม่คนงามดีขึ้นแล้วหรือ ไม่เจ็บๆ แล้วหรือ กอดๆ หอมๆ ข้าที่ตกใจเช่นนี้ได้แล้วหรือ
เยี่ยนอวี๋ยิ้มมองสายตาแสดงความเป็นห่วงของเยี่ยนเสี่ยวเป่า เมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในใจอีกครั้ง จิตใจก็สงบลง ทว่านางยังคงอยากรู้ว่าภาพความทรงจำเมื่อครู่นี้คืออะไรกันแน่
เสียดายที่พลังของนางในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ ต้องรอให้พลังของนางฟื้นฟูถึงขั้นก่อนจะจุติเสียก่อน นางจึงจะสามารถทะลุข้ามสามโลกเพื่อสืบหาชีวิตที่เยี่ยนจื่ออวี๋ควรมีได้
ใช่แล้ว เยี่ยนอวี๋ในตอนนี้กำลังสงสัยว่าภาพที่นางเห็นเมื่อครู่นี้น่าจะหมายความว่า หากนางไม่ได้เกิดใหม่ แม่สาวน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋จะประสบเรื่องราวเช่นนี้
แต่ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล นางมีภาพความทรงจำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“…” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกอดเด็กน้อยในอ้อมอกไว้แน่น
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?” เยี่ยนชิงร้อนรน เพราะเขาไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักของตนไม่เป็นอะไร
ประมุขแห่งหอโอสถที่ยังงุนงงอยู่นั้นกลับคิดว่าเยี่ยนอวี๋ลูกสาวแท้ๆ ของจอมมารน่าจะไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังเสนอว่า “หรือจะให้ข้าตรวจดูเสียเล็กน้อย”
“มิต้อง พวกเจ้าออกไปเถิด ข้าอยากคุยกับท่านพ่อเล็กน้อย” เยี่ยนอวี๋กล่าวปฏิเสธ
ประมุขแห่งหอโอสถทำท่าจะพูดอะไรขึ้น แต่เม่ยเอ๋อร์กลับนำตัวเขาออกไปแล้ว แม้ชุ่ยชุ่ยยังคงเป็นห่วง แต่ก็ออกไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อออกไปกันหมดแล้ว เยี่ยนชิงก็ถามขึ้นอย่างจริงจังและกระวนกระวายใจว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เยี่ยนอวี๋กลับเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดว่า “ท่านพ่อมิแปลกใจหรือว่าเหตุใดข้าจึงสามารถปรุงยาได้”
“หืม?” เยี่ยนชิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ใช่! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้าปรุงยาเป็นได้อย่างไร พ่อลืมถามเสียเลย”
“หากข้าบอกว่า จู่ๆ ก็เป็นเอง ข้าก็มิรู้เพราะเหตุใด ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่” เยี่ยนอวี๋ถามกลับ
“หืม?” เยี่ยนชิงชะงักอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “อ้อ! เชื่อสิ!”
เยี่ยนอวี๋มองบิดาคนนี้อย่างอดสงสัยไม่ได้ เห็นนัยน์ตาอันแน่วแน่ของเขาเข้าก็ทำให้นางตั้งคำถามว่าบิดาเชื่อง่ายดายเช่นนี้จริงๆ หรือ
หารู้ไม่ว่าในสายตาของเยี่ยนชิง ลูกสาวสุดที่รักเป็นที่หนึ่งสำหรับเขาเสมอ การที่จู่ๆ ก็ปรุงยาเป็นนั้นไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอันใด ทว่า…
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้าไม่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญด้านใดเลย การปรุงยาคงลำบากสำหรับเจ้ามากใช่หรือไม่ เช่นนั้นเราไม่ฝึกแล้วดีหรือไม่” เยี่ยนชิงยังคงจำได้ก่อนหน้านี้ที่เขาจับชีพจรของลูกสาว เขาคิดว่าความอ่อนแอของลูกสาวเกิดจากการถูกข่มเหงรังแกเสียอีก
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ชะงักถามขึ้นว่า “ข้าปรุงยาเป็นไม่ดีต่อท่านหรือเจ้าคะ” เป็นเจ้าสำนักที่มีลูกสาวเพียบพร้อมพรสวรรค์ย่อมมีศักดิ์ศรีมากกว่ามิใช่หรือ
“ดีอันใดกัน!” เยี่ยนชิงกลับเข้าใจผิด “พ่อจะสั่งให้ทุกคนบอกว่าเมื่อก่อนเจ้าศึกษาวิชาปรุงยามาตลอด เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่เห็นแจ้งเพิ่งจะสำเร็จเมื่อเร็วๆ นี้ กลายเป็นว่าเก่งทะลุฟ้า แต่การฝึกฝนปรุงยาเหนื่อยเช่นนี้ เราจะบอกพวกเขาว่าปรุงยาหนึ่งครั้งจำเป็นต้องพักสิบปี! อืมไม่ ยี่สิบปีดีกว่า ไม่ได้ๆ สามสิบปีดีกว่า…”
เยี่ยนอวี๋ “…”
จู่ๆ นางก็ไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว ขอเพียงเยี่ยนชิงมีแผนในใจก็พอ นางเปลี่ยนเรื่องถามขึ้นว่า “เรื่องของหลิงตันเมี่ยวเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“นางตายแล้ว…” เยี่ยนชิงที่กำลังสับสนถูกตัดบทขึ้น เมื่อครั้นเขากำลังจะอธิบาย ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักนายหนึ่งก็เข้ามารายงานอย่างเร่งรีบว่า “ท่านเจ้าสำนัก ไม่ดีแล้ว!”
“ไม่เห็นว่าข้ากำลังคุยกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่หรือ” เยี่ยนชิงไม่พอใจ
ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักกลับจำเป็นต้องพูดต่อ “คุณชายรองถูกจับกุมตัวเข้าเมืองแล้วขอรับ!”
“ไม่ต้อง…” เยี่ยนชิงกล่าวอย่างไม่สนใจใยดีว่า “ไม่ต้องสนใจเขา”
ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักพูดต่อไปอย่างไม่สนใจว่า “คุณชายรองมีขนเหมือนกับหมูป่าขึ้นตามลำตัว ลักษณะเหมือนมนุษย์วานรหวาไหวในบันทึกโบราณเลยขอรับ”
เยี่ยนชิงจึงขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “พูดต่อไป”
ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักถอนหายใจโล่งอก รีบอธิบายต่ออย่างละเอียดว่า “มีข่าวลือในเมืองว่าคุณชายรองมีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหว ข้าน้อยจึงสั่งให้จับตัวคนปล่อยข่าวลือพวกนี้แล้ว แต่ยังคงมีคนมากมายปล่อยข่าวลือเช่นนี้อยู่ขอรับ”
“สอบสวนผู้ปล่อยข่าวลืออย่างเคร่งครัด!” เยี่ยนชิงรับรู้ถึงความรุนแรงและถามขึ้นด้วยความเกรงขามอีกว่า “คนที่จับกุมตัวจื่อเสาไปคือคนของใครกัน”
“กำลังสืบหาอยู่ขอรับ แต่สันนิษฐานเบื้องต้นว่าคือคนของหัวหน้าสำนักฝ่ายนอกที่ผู้อาวุโสใหญ่ส่งออกไป…เยี่ยนฉี่ซานขอรับ” ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักค่อนข้างกังวล “เกรงว่าเป็นคนรับช่วงต่อของผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสเก้า มิน่าพวกเขาถึงไม่สะทกสะท้านนัก”
ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักคนนี้รู้ดีว่าสัตว์ประหลาดอย่างมนุษย์วานรหวาไหวที่อยู่ในบันทึกโบราณนี้มีชื่อเสียงไม่พึงประสงค์นัก เมื่อใดที่มันปรากฏตัวย่อมหมายถึงว่าใต้หล้าจะตกอยู่ในความโกลาหล เป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายที่จักรพรรดิใดๆ ต่างก็เกลียดชัง
ไม่ว่าคุณชายรองจะเป็นอย่างไร ครั้นเมื่อจักรพรรดิองค์ปัจจุบันทราบข่าวลือนี้ สิ่งที่รอคอยท่านเจ้าสำนักทั้งครอบครัวก็คือความหายนะ!
แต่แล้วยอดฝีมือที่แสดงความกังวลคนนี้กลับไม่ทันสังเกตเห็นแววประกายฉายวาบในดวงตาของเยี่ยนอวี๋ เมื่อนางได้ยินคำว่า ‘มนุษย์วานรหวาไหว’ นางก็ลุกขึ้นแล้วถามว่า “อยู่ที่ใด”
(ps. ก่อนหน้านี้บอกไว้ว่าคืนนั้นเจ้าของร่างเดิมหายไป แต่เยี่ยนอวี๋อยู่ เพราะฉะนั้นคนที่อยู่กับพระเอกก็คือเยี่ยนอวี๋)