เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2171 ผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับเทพนักรบ / ตอนที่ 2172 นั่นกลายเป็นของข้าแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2171 ผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับเทพนักรบ / ตอนที่ 2172 นั่นกลายเป็นของข้าแล้ว
ตอนที่ 2171 ผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับเทพนักรบ
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ปราชญ์เซียนชายวัยกลางคนหน้าเครียด ไอพิฆาตอันน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายรอบตัว เขาจ้องชายชุดคลุมสีดำที่ถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือ ครั้นเพ่งมอง สีหน้าก็พลันหนักอึ้งทันใด
“ผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับเทพนักรบหรือนี่!”
ผู้ฝึกพลังเร้นลับให้ความสำคัญกับทักษะการต่อสู้และเรี่ยวแรงเป็นหลัก การฝึกวรยุทธ์มีพัฒนาการที่เชื่องช้า ปกติจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกเซียน แต่คนคนนี้อายุกระดูกเพียงยี่สิบกว่าปี กลับเป็นถึงผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับเทพนักรบแล้ว!
ต้องรู้ว่าระดับของผู้ฝึกพลังเร้นลับจากต่ำสุดถึงสูงสุด ไล่จากระดับนักรบ ปรมาจารย์นักรบ ยอดปรมาจารย์นักรบ บรรพชนนักรบ จักรพรรดินักรบ นักรบทรงเกียรติ ปราชญ์นักรบ เทพนักรบ สอดคล้องกับระดับของผู้ฝึกเซียนไล่จากระดับผู้ฝึกพลังวิญญาณ ระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณ ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ระดับสร้างรากฐาน ระดับหลอมแก่นพลัง ระดับกำเนิดวิญญาณ ระดับเซียนเหิน ระดับปราชญ์เซียน
ด้วยพลังของผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับปราชญ์นักรบ มีคุณสมบัติที่สามารถสู้กับเขาได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพลังต่อสู้ของคนคนนี้จะเป็นเช่นไร?
นึกมาถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนที่เป็นปราชญ์เซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย คนของหอยาสวรรค์รับมือยากอยู่แล้ว ยามนี้จู่ๆ ก็มีชายคนนี้โผล่มาอีกคน ส่วนเฟิ่งจิ่วผู้นั้นจนป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามา ไม่รู้ว่าวางแผนอะไรอยู่ที่ใดหรือไม่?
“พี่ใหญ่กวน” เหลิ่งหวาเห็นเขาก็เผยยิ้ม
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” กวนสีหลิ่นหันมองเขา เห็นบนตัวเขามีรอยแผลหลายเส้น เลือดสีแดงสดท่วมเสื้อคลุม อดขมวดคิ้วไม่ได้ สายตาคมปลาบแฝงไอสังหารตวัดมองผู้ฝึกตนเหล่านั้น
“กลืนเมฆา เจ้าถ่วงเวลาเขาไว้ รอกำจัดคนพวกนี้เมื่อใด ค่อยสังหารเจ้าลูกลิงนั่น!”
เสียงเย็นชาของกวนสีหลิ่นเปล่งออกไป นาทีถัดมา เขาตวัดดาบพุ่งออกไป การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก ลงมือด้วยกระบวนท่าดุดันเอาชีวิต ซ้ำยังเป็นพลังของผู้ฝึกพลังเร้นลับระดับปราชญ์นักรบ แม้ผู้ฝึกตนเหล่านั้นตั้งรับการต่อสู้ไว้แล้ว แต่ก็ยังยากจะต้านทานผู้ฝึกตนที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้ หนึ่งในนั้นหลบเลี่ยงไม่ทัน ถูกสังหารในพริบตา
ความดุดันของกวนสีหลิ่น ทำให้ผู้ฝึกตนสำนักปัญจพิษเหล่านั้นอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พลางหันไปมองชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้า วันนี้พวกเขาตั้งใจมาหยั่งเชิงพลังของอีกฝ่ายเท่านั้น หรือต้องสู้รบต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ? คนที่พวกเขาพามาวันนี้นับว่าล้วนมีพลังที่ไม่ธรรมดา แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งจิ่วยังไม่ทันออกมา กวนสีหลิ่นที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดก็มีพลังต่อสู้ที่พรั่นพรึงถึงเพียงนี้แล้ว หากยังสู้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาแต่ละคนคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
“ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง! ดูสิว่าเจ้าจะมีปัญญาสักแค่ไหนกันเชียว!” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย โฉบกายพุ่งเข้ามา แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกกลืนเมฆาขวางไว้ก่อน
กวนสีหลิ่นที่สังหารผู้ฝึกตนสำนักปัญจพิษสองคนตายในคราวเดียวได้ยินอย่างนั้น หันไปมองชายวัยกลางคนและแค่นเสียงว่า “ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้เอง! กลืนเมฆา เจ้าไปสู้กับพวกลูกสมุนตัวเล็กๆ พวกนั้นกับเหลิ่งหวา เจ้าลูกลิงนี่ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
ดาบใหญ่ในมือของเขาตวัดโบก ฟาดฟันไปทางชายวัยกลางคน กลิ่นอายพลังเร้นลับอันแข็งแกร่งพุ่งออกไป ดุจคมดาบอันน่าสะพรึงกลัว ชายวัยกลางคนรีบใช่กระบี่ยาวในมือต้านรับ หลังจากปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย เขารวมพลังลอยตัวกลางอากาศ กระบี่ยาวตวัดพลังกระบี่เส้นหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกไป
“ชิ้ง!”
“ต้องการฆ่าข้า? อย่างนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญานั้นหรือไม่!”
ไอสังหารรอบกายชายวัยกลางคนพลุ่งพล่าน เขาตวัดกระบี่ปะทะกับดาบใหญ่ที่กวนสีหลิ่นตวัดฟันเข้ามา ดาบและกระบี่กระแทกกัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่น พลังเร้นลับและพลังวิญญาณถ่วงดุลกันอย่างดุดัน เกิดเป็นสะเก็ดไฟ
ข้างกายทั้งสองคน กระแสพลังสองขุมปะทะกันจนกลายเป็นเส้นโค้ง ไม่มีใครยอมใคร ขณะเดียวกันทางด้านหลัง กลืนเมฆากระโดดกลางอากาศพุ่งใส่ผู้ฝึกตนสำนักปัญจพิษคนหนึ่ง เหลิ่งหวากับพวกตวัดกระบี่พุ่งเข้าไป ชั่วขณะหนึ่งนั้นทุกคนสู้กันชุลมุนวุ่นวาย…
………………………………….
ตอนที่ 2172 นั่นกลายเป็นของข้าแล้ว
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ณ สำนักตะวันฉาย บรรยากาศกำลังตึงเครียด หลังจากที่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ในหมู่พวกเขา ไป๋ชิงเฉิงที่นั่งอ่อนแรงอยู่บนพื้น หลังจากถูกเฟิ่งจิ่วประทับตราบนร่างก็ได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น ส่วนเจ้าเขาโอสถหลังจากตกตะลึง สายตาก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่? เจ้าไม่บอกว่าเจ้าคือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว! หากเจ้าบอกว่าเจ้าคือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว ขะ ข้า…” เขาโมโหจนหน้าแดง รู้สึกเหมือนถูกหลอก
เดิมทีนึกว่าเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกฝ่าย แต่ใครจะรู้มาถึงตอนสุดท้ายเด็กหนุ่มกลับจงใจปิดบังเพื่อเอาเปรียบเขา! เขาวางแผนมาก่อนแล้วชัดๆ! เขาตั้งใจวางแผนมาหลอกเอาหญ้าเจ็ดดาราของเขา!
ชะ ช่างไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด! ภูตหมอเฟิ่งจิ่วกลับไร้ยางอายถึงเพียงนี้!
“เจ้าเขาเยี่ย วาจาของท่านช่างพูดได้ไร้เหตุผลนัก!” เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ย “ตั้งแต่ต้นจนจบท่านไม่เคยถามข้าว่าเป็นใคร? อีกอย่าง หากข้าบอกว่าข้าคือเฟิ่งจิ่ว ท่านจะไม่กล้าแข่งกับข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอหยักยิ้มมุมปาก “การประลองของเราครั้งนี้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้เล่นสกปรกแม้แต่น้อย วันนี้หากข้าแพ้ ข้าก็จะไม่พูดอะไรสักคำอย่างแน่นอน”
“จะ เจ้าตั้งใจชัดๆ…”
เขาพูดไม่ออก รู้สึกเพียงเพลิงโทสะสุมในอก หรือหากเขารู้ว่านางคือเฟิ่งจิ่วเขาจะไม่กล้าแข่งกับนางแล้วอย่างนั้นหรือ? เขารู้ดี แม้เขาจะรู้ก่อนเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้นาง ยิ่งไม่มีทางคิดว่าตนเองจะแพ้นาง!
แต่ตอนนี้ สถานการณ์ตอนนี้…
ครั้นนึกถึงเรื่องที่เขาต้องสูญเสียหญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีต้นหนึ่งไป เขาก็รู้สึกเสียดายนัก โดยเฉพาะยิ่งเขารู้สึกว่าถูกภูตหมอเฟิ่งจิ่วหลอกเอาไป ก็ยิ่งโมโห
นี่เป็นการแข่งขันที่พ่ายแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่านางคือภูตหมอเฟิ่งจิ่วก็เรื่องหนึ่ง แต่ครั้นรู้ว่านางคือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว กอปรนึกถึงเรื่องนี้ เขามีหรือจะไม่รู้ว่าคนอื่นเขาขุดหลุมรอให้เขากระโดดเข้าไป
“ข้าเห็นว่าฟ้าก็มืดแล้ว เจ้าเขาเยี่ย เราไปขุดยากันเถิด!” เฟิ่งจิ่วหันไปยิ้มตาหยีพลางเอ่ยกับเจ้าเขาเยี่ย
ได้ยินดังนั้นเจ้าเขาโอสถตัวแข็งทื่อ ขุดยาหรือ…
ใช่แล้ว หญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีต้นนั้นที่เขาเฝ้าถนอม นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้แก่เฟิ่งจิ่ว หญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีต้นนั้นก็ไม่ใช่ของเขาแล้ว…
นึกมาถึงตรงนี้ เขาปวดใจด้วยความเสียดาย อดหันไปมองเฟิ่งจิ่วด้วยความขุ่นเคืองไมได้ “หญ้าเจ็ดดาราต้นนั้นเป็นหนึ่งในยาแก้พิษระดับเจ็ด เจ้ากลั่นยาแก้พิษระดับเจ็ดไม่ได้เสียหน่อย ขุดไปแล้วเจ้าจะใช้ทำอะไรได้?”
“หึๆ…”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาหรี่เล็ก ยิ้มร่า “หญ้าเจ็ดดาราต้นนั้นเป็นของข้าแล้ว เจ้าเขาเยี่ย ข้าจะทำอะไรกับเขา ก็ไม่เรื่องของท่านเจ้าเขาแล้ว”
เมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาแข็งกระด้าง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย หญ้าเจ็ดดาราของเขา…เขามีหญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีเพียงต้นเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องแพ้ให้เจ้าหนู…ไม่สิ แม่หนูคนนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาแพ้แล้ว ซ้ำยังแพ้จนหมดสภาพถึงเพียงนี้…
เจ้าสำนักที่ยืนมองอยู่ด้านหนึ่ง เขากระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ เหล่าเยี่ย ท่านพาสหายน้อยเฟิ่งไปขุดหญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีต้นนั้นของท่านเสียเถิด! นี่เป็นเดิมพันที่ตกลงกันไว้ก่อนการประลองแล้ว เมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับผล รีบไปเถิด”
เจ้าเขาโอสถได้ยินก็หนวดกระตุก ถลึงตาจ้องเฟิ่งจิ่ว สะบัดเสียงสั่ง “ตามข้ามา!”
………………………………….