เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2009 เรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่ว / ตอนที่ 2010 กลุ่มทหารรับจ้างแมงป่อง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2009 เรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่ว / ตอนที่ 2010 กลุ่มทหารรับจ้างแมงป่อง
ตอนที่ 2009 เรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่ว
ด้วยเหตุนี้ คนจากสองกลุ่มมานั่งล้อมวงเพื่อพักผ่อน คนบางส่วนไปเติมน้ำที่แหล่งน้ำ เงาร่างสีเขียวจึงแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้เอง
“เติมน้ำเสร็จแล้วหรือยัง? ข้ายิงหมูป่าได้ตัวหนึ่ง เอากลับไปย่างแล้วแบ่งกันกิน” เฟิ่งจิ่วลากหมูป่าน้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยจินมา ก่อนถามคนที่กำลังเติมน้ำอยู่
พวกเขามองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มใสซื่อ รูปร่างไม่ได้สูงใหญ่กำยำแต่กลับลากหมูป่ามาด้วยหนึ่งตัว จึงก้าวเข้าไป “มาๆ ข้าช่วย! เติมน้ำเต็มแล้ว หมูป่าตัวใหญ่เพียงนี้สหายล่ามันมาได้อย่างไรกัน?”
“ข้าไม่กล้าแบกรับคำเรียกขานว่าสหายจากพี่ชาย เรียกข้าเสี่ยวจิ่วก็พอ” เธอคลี่ยิ้ม เกาหัวพร้อมกับเผยยิ้มใส่ซื่อ “ข้าก็แค่โชคดี หมูป่าตัวนี้ตอนโดนจับก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงจับไม่ได้ง่ายๆ เช่นนี้”
“เสี่ยวจิ่ว? ชื่อจำง่ายเหมือนกันนะ” ชายฉกรรจ์ยิ้มเอ่ย ก่อนจะหามหมูป่าที่เฟิ่งจิ่ววางไว้บนพื้น
“พี่ชายเล่า? ท่านชื่ออะไร?” เธอยิ้มถาม มองชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมส่วน
“ข้าแซ่ไฉ เป็นลูกหลานตระกูลไฉ ครั้งนี้ข้าออกมาฝึกฝนพร้อมกับพวกเขา เจ้าเรียกข้าว่าพี่ไฉก็พอ” ชายหนุ่มตอบ พลางเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วว่า “ไป พวกเรากลับกันเถิด! ตอนนี้พวกเราอยู่รอบในแล้ว คราวหน้าเจ้าอย่าได้ออกไปล่าสัตว์ตัวคนเดียวไกลนักเล่า เผื่อเจออันตรายใดเข้า”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี “ขอบคุณพี่ไฉที่เตือนสติ ข้าจำไว้แล้ว” เธอเดินตามเขากลับไป ระหว่างทางยังพูดคุยหัวเราะไปด้วยกัน
กลุ่มคนที่นั่งล้อมวงพักผ่อนกันอยู่เห็นพวกเขาหามหมูป่ากลับมา ก็อดตะลึงไม่ได้ ชายวัยหลางคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มตระกูลไฉถามชายหนุ่ม “พวกเจ้าไปจับหมูป่ามาจากที่ใดกัน?” บริเวณนี้พบเห็นหมูป่าได้น้อยมาก ตลอดเส้นทางพวกเขาไม่เห็นแม้แต่ตัวเดียว
“ข้าไม่ได้ล่ากลับมา เป็นเสี่ยวจิ่วล่าได้” ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนหันไปตบไหล่เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็บอกชายวัยกลางคนว่า “ท่านลุงสอง พวกข้าจะไปจัดการหมูป่าก่อนแล้วค่อยนำมาย่างแบ่งกันกิน พวกท่านพักอีกเดี๋ยวเถิด”
ชายวัยกลางคนมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่มีรอยยิ้มใสซื่อแวบหนึ่ง ก่อนจะเผยยิ้มตอบว่า “ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเถิด!” เขาพยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดคุยกับชายหญิงกลุ่มนั้น
ทว่าในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วกลับเดินเข้ามา ยิ้มมองชายคนหนึ่งในนั้น “พี่ฝาน ท่านไปเก็บกิ่งไม้มาทำฟืนกับข้าหน่อยได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มอายุน้อยที่ถูกเรียกชะงักไปเล็กน้อย มองเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มใสซื่อแวบหนึ่ง “ได้สิ” เขาลุกขึ้นหันไปยิ้มให้คนที่เหลือ ก่อนจะเดินเข้าป่าไปพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว
“เจ้าชื่อเสี่ยวจิ่ว?” ฝานอี้ซิวเอียงคอมองเฟิ่งจิ่ว ก่อนถาม
“ใช่แล้ว! พี่ฝานเรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่วก็พอ” เธอยิ้มตาหยีขณะตอบ เก็บกิ่งไม้แห้งในป่าไปพลาง ครั้นเห็นกิ่งไม้บนต้นไม้มีกิ่งแห้งอยู่ด้วย จึงกระโดดขึ้นไปหักลงมา
ทั้งสองพูดคุยกัน พลางเก็บกิ่งไม้แห้งกลับไปด้วยจำนวนหนึ่ง ครั้นถึงที่พัก เฟิ่งจิ่วรับกิ่งไม้จากมืออีกฝ่าย บอกว่า “พี่ฝาน ท่านไปพักก่อนเถิด! ย่างเนื้อเสร็จแล้วข้าจะเอาไปให้พวกท่าน” เอ่ยจบก็หันตัวอุ้มกิ่งไม้เดินไปยังจุดที่กำลังย่างหมู
ฝานอี้ซิวชะงัก ได้แต่มองเด็กหนุ่มที่พูดจาเหมือนสนิทสนมกัน เขางงงัน รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ปกติ แต่กลับบอกไม่ถูก
“ศิษย์พี่ใหญ่ นั่งเถิด! ดื่มน้ำสักหน่อย” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ยื่นถุงใส่น้ำให้ฝานอี้ซิว
………………………………….
ตอนที่ 2010 กลุ่มทหารรับจ้างแมงป่อง
“ขอบใจ” ฝานอี้ซิวรับน้ำไปดื่ม สายตาเหลือบมองเด็กหนุ่มเสื้อเขียวที่กำลังง่วนอยู่กับการย่างเนื้อทางนั้น
คุณชายรองที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองตามสายตาของเขาไป ก่อนจะหยุดมองที่เด็กหนุ่มเสื้อเขียวเช่นกัน ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “เสี่ยวจิ่วเป็นเด็กนิสัยน่าคบหานัก จริงใจต่อคนอื่น”
“นั่นสิ!” ฝานอี้ซิวพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนละสายตากลับมาคุยเรื่องศิลาเพลิงกับคุณชายรองไฉ
ส่วนทางนั้น เฟิ่งจิ่วอาศัยการย่างเนื้อตีสนิทกับคนของตระกูลไฉ เธอเรียกพวกเขาว่าพี่ชาย พี่สาว ฟังแล้วจิตใจชื่นบานนัก คนพวกนั้นจึงดูแลเธอเป็นพิเศษ
“เนื้อย่างมาแล้วขอรับ พวกท่านมาชิมเนื้อย่างดู เพิ่งย่างเสร็จ รสชาติดีเชียวล่ะ” เฟิ่งจิ่วยกเนื้อย่างมาให้พวกเขา ก่อนจะวิ่งกลับไปช่วยย่างเนื้อต่อ ชั่วขณะหนึ่ง กลิ่นหอมของเนื้อย่างกระจายไปทั่วป่า รวมถึงเสียงพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะด้วย
หลังจากกินเนื้อย่างเสร็จ คุณชายรองไฉยิ้มเอ่ย “ควรออกเดินทางได้แล้ว รั้งอยู่ที่นี่นานนักไม่ได้”
“ก็ดีเหมือนกัน” ไฉอี้ซิวพยักหน้ารับ ก่อนหันไปสั่งทุกคน จากนั้นก็เดินเข้าป่าไปพร้อมกับกลุ่มตระกูลไฉ
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในกลุ่มตามติดชายหนุ่ม ทั้งสองพูดคุยหัวเราะ ไม่ได้เดินรั้งท้ายสุด แต่ก็ไม่ได้เดินอยู่ด้านหน้าสุด แต่อยู่ตรงกลาง
ทันใดนั้น กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าชะงักหยุด คุณชายรองไฉยกมือส่งสัญญาณ จากนั้นทุกคนก็เริ่มตั้งท่าระวังตัว หันหลังชนกันหันหน้าเผชิญรอบข้าง ขณะเดียวกัน มือหนึ่งก็วางบนอาวุธบนเอว เตรียมตัวลงมือได้ทุกเมื่อ
กลุ่มของพวกฝานอี้ซิวก็มองไปรอบๆ พวกเขาถูกทหารรับจ้างคุ้มกันอยู่ตรงกลาง เพียงแต่แม้อย่างนี้พวกเขาก็ยังไม่กล้าวางใจ กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
ระหว่างเสียงหัวเราะดังขึ้น ป่ารอบด้านมีชายฉกรรจ์ใส่ชุดทหารรับจ้างกรูกันออกมา แต่ละคนพลังอยู่ในระดับเซียนเหินทั้งนั้น อีกทั้งรังสีอำมหิตและไอสังหารรอบกายชัดเจน ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายรางๆ
ทหารรับจ้างที่คุ้มกันพวกฝานอี้ซิวรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร อดสูดหายใจไม่ได้ “ทหารรับจ้าง พวกเขาหน้าซีดเผือด ในดวงตาปรากฏความหวาดกลัว
ทหารรับจ้างที่อยู่แถวนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันโหดร้ายที่ดังกระฉ่อนของทหารรับจ้าง คนพวกนี้เชี่ยวชาญการปล้นชิง หนำซ้ำไม่เคยปฏิเสธเหยื่อ ผู้ชายส่วนใหญ่ถูกฆ่า ทรัพย์สินถูกปล้น ผู้หญิงจุดจบยิ่งน่าอนาถ หญิงงามทั่วไปพวกเขาเล่นสนุกจนพอใจก็ฆ่าทิ้ง หากเป็นหญิงงามมีระดับกลับเล่นสนุกจนพอใจจากนั้นก็ขังผู้หญิงเหล่านั้นไว้เป็นของเล่น จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิต ผู้ใดได้ยินชื่อล้วนอกสั่นขวัญผวา
“ทหารรับจ้าง?” ลูกศิษย์หญิงจากสำนักดาราจักรไม่รู้เรื่อง อดถามเสียงเบาไม่ได้
เพียงแต่ ทหารรับจ้างที่กำลังคุ้มกันเขาได้แต่เม้มปาก สีหน้าย่ำแย่ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ฝานอี้ซิวเคยได้ยินชื่อเสียงของทหารรับจ้าง ยามนี้เมื่อเห็นบนใบหน้าของคนพวกนั้นมีรอยสักรูป หัวใจพลันหนักอึ้ง เขาพูดกับคนข้างๆ เสียงเบา “อีกเดี๋ยวหากเห็นท่าไม่ดี พวกเจ้าหนีไปก่อน วิ่งออกจากป่าภูเขาไฟไปให้เร็วที่สุด อย่าหยุด”
ลูกศิษย์ชายอีกสองคนเห็นสีหน้าทหารรับจ้างไม่ปกติ แม้แต่สีหน้าของศิษย์พี่ใหญ่ก็ดูไม่ค่อยดี หัวใจพลันหนักอึ้งไปด้วย
ดูท่าพวกเขาคงเจอปัญหาเข้าแล้ว เพียงแต่ นึกไม่ถึงว่าเพิ่งเข้ามารอบในไม่นานก็เจอกับปัญหารับมือยากแล้ว
………………………………….