เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1945 หอยาสวรรค์ / ตอนที่ 1946 ทะเลสาบ
ตอนที่ 1945 หอยาสวรรค์
“ยากตรงไหนกัน?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างมั่นใจ อธิบายว่า “ที่นั่นตอนนี้ไม่มีคนเลย ท่านรอดูเถอะ! พวกเราจะเปิดกิจการภายในครึ่งเดือน และใช้เวลาไม่ถึงอีกครึ่งเดือน ร้านรวงที่อยู่รอบๆ ร้านเราจะต้องเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ที่นั่นจะต้องคึกคักขึ้นแน่นอน”
หว่างคิ้วของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในใจมีแผนการนานแล้ว เขาจึงวางใจ “เช่นนั้นข้าจะรอดูผลงานหลังเปิดกิจการครึ่งเดือน” เขาเชื่อ วันเปิดกิจการจะต้องคึกคักแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้คึกคักได้ด้วยวิธีใด
ทั้งสองเดินเที่ยวตลาดอยู่ครู่หนึ่ง ซื้อของเล็กน้อย ก่อนจะไปกินข้าวที่หอสุรา หลังจากดื่มชาถ้วยหนึ่งก็จูงมือกันเดินทอดน่องไปยังตลาดตะวันตก
“ท่านว่า พวกเราตั้งชื่อร้านว่าอย่างไรดี?” เฟิ่งจิ่วมองเขาที่อยู่ข้างกาย ถามขึ้น
เขาครุ่นคิด ตอบว่า “เจ้าว่าหอยาสวรรค์เป็นอย่างไร? ใช้คำว่าสวรรค์จากชื่อวังกำเนิดสวรรค์ของเจ้า บวกกับคำว่ายา กลายเป็นหอยาสวรรค์ หมายความยาจากสวรรค์ ล้ำค่าไม่ธรรมดาได้ด้วย”
“หอยาสวรรค์…” เธอพึมพำเบาๆ เผยยิ้มออกมา “อืม เอาชื่อนี้แหละ”
ทั้งสองมาถึงตลาดตะวันตก ครั้นเดินไปถึงอาคารหลังนั้น เห็นประตูปิดอยู่ ข้างในกลับมีเสียงก่อสร้างดังออกมา ทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนเรียกคนข้างใน
“ตู้ฝาน”
ประตูถูกเปิดออก ตู้ฝานเดินออกมา “นายท่าน เจ้าตำหนัก พวกท่านมาแล้วหรือ!”
“ข้าแวะมาดูหน่อย ทางนี้ตกแต่งไปถึงไหนแล้ว?” เฟิ่งจิ่วถาม
ตู้ฝานยิ้มตอบ “นายท่านวางใจ ข้าสั่งให้พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลาพวกเราจัดแต่งกันอีกหน่อย ใช้เวลาทั้งหมดประมาณครึ่งเดือนก็สามารถเปิดกิจการได้แล้ว”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วเอ่ยอีกว่า “ตอนนี้ข้างในค่อนข้างรก อีกสองสามวันนายท่านกับเจ้าตำหนักค่อยมาดูผลลัพธ์จะดีกว่า”
ได้ยินอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วยิ้ม “ก็ได้ อย่างนั้นที่นี่ก็มอบให้พวกเจ้าแล้วกัน พวกข้าไปก่อนล่ะ” เธอเอ่ย ก่อนจะกลับไปพร้อมกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
“กลับตอนนี้ยังเร็วไป พวกเราไปเดินเล่นข้างทะเลสาบกันเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อชวน
เฟิ่งจิ่วตอบรับ ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบต่อ
หลังจากเดินผ่านป่าไผ่สีเขียวขจี ก็เห็นผิวทะเลสาบสีเขียวระยิบระยับ ต้นไผ่เหล่านั้นที่อยู่ริมทะเลสาบขับเน้นให้ผิวน้ำยิ่งดูเขียวธรรมชาติ สายลมพัดผ่านเบาๆ เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปบนผิวน้ำ เห็นเพียงแสงระยิบระยับงดงามน่ามอง
แม้ทิวทัศน์ไม่เลว แต่ที่นี่ไม่มีคน ยามทั้งสองเดินจูงมือกันเดินทอดน่องมาถึงที่นี่ รอบด้านเงียบสงบ บรรยากาศชวนให้เพลิดเพลินใจยิ่งนัก
“ที่นี่ทิวทัศน์ไม่เลวเลยจริงๆ” เฟิ่งจิ่วปล่อยมือที่จูงมือเขา สูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง ได้กลิ่นหอมที่กระจายอยู่ทั่วป่าไผ่แห่งนี้ มองดูทะเลสาบที่ถูกไผ่ล้อมรอบ เธอหรี่ตา ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในสมอง
“ข้าอยากทำให้ที่นี่กลายเป็นของข้า ทำอย่างไรดี?” เธอเอื้อมมือไปกอดเอวของเขา อิงแอบในอ้อมอกของเขา แล้วยิ้มบอก
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกระตุกมุมปาก นัยต์ตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ “จะยากอะไรกัน” สิ้นเสียง เขาก็ขานเรียก “อิ่งอี”
“ขอรับ นายท่าน” อิ่งอีปรากฏกายจากมุมมืด มายืนอยู่ข้างทั้งสอง
“ซื้อที่นี่เสีย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยเสียงเข้ม ออกคำสั่งตรงๆ
“ขอรับ!” อิ่งอีรับคำ ก่อนจะโฉบกายหายไป
เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีมองเขา ถามว่า “บางทีคนอื่นเขาอาจจะไม่ขายก็ได้ สถานที่ที่ติดกับทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้มีน้อยๆ เลยนะ”
………………………………….
ตอนที่ 1946 ทะเลสาบ
“ขอเพียงรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ย่อมไม่มีการซื้อขายไหนไม่สำเร็จ” น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มือหนึ่งยกขึ้นลูบหัวของเธอ ลูบไล้เรือนผมอันนุ่มลื่นของเธอเบาๆ “ในเมื่อชอบที่นี่ เช่นนั้นก็เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นที่ของเรา”
“อืม” เธออิงแอบอยู่ในอ้อมอกของเขาขณะรับคำ กอดเอวเขา ชมทิวทัศน์งาม สูดดมกลิ่นหอม อารมณ์เบิกบานกว่าปกติ
“ท่านว่าที่นี่มีปลาหรือไม่?” เธอถาม สายตาหมุนกลอก ปล่อยเขาแล้วเดินไปดูริมทะเลสาบ เห็นว่าริมฝั่งมีปลาฝูงหนึ่งกำลังว่ายอยู่ในนั้น ก็อดยิ้มตาหยีไม่ได้ “นั่น มีปลาด้วย! ถ้าอย่างไร เรามาตกปลากันดีหรือไม่? ตกปลาขึ้นมาย่างกินกัน?”
“เจ้าพกเบ็ดตกปลามาด้วยหรือ?” เขาเดินเข้ามาถาม
“พกมาสิ! ข้าเก็บไว้ในห้วงมิติตลอดเลย!” เธอกล่าว พลางหยิบเบ็ดตกปลาออกมาจากห้วงมิติ “แต่ท่านต้องช่วยข้าขุดเหยื่อปลา”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อยิ้มๆ เอาดาบสั้นออกมาจากห้วงมิติ เดินไปยังพื้นหญ้าที่ค่อนข้างชื้นตรงริมทะเลสาบ จากนั้นก็เริ่มขุด
เฟิ่งจิ่วหันไปมอง เห็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำหรูหรากำลังนั่งยองใช้ดาบสั้นขุดหาเหยื่อปลาให้เธอ ครั้นเห็นภาพนั้น เธอก็อดยิ้มไม่ได้ นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ใต้หล้านี้ เดาว่าคงมีแค่เธอที่ทำให้เขานั่งลงไปขุดหาเหยื่อปลาให้โดยไม่สนภาพลักษณ์อย่างนี้
มองอยู่ครู่หนึ่ง เธอวางเบ็ดตกปลาไว้ด้านหนึ่ง ยกชายประโปรงขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างเขา จากนั้นหยิบขวดออกมาจากห้วงมิติขวดหนึ่ง
“ขุดได้แล้วหรือยัง? ไม่ต้องมาก แค่นิดเดียวก็พอแล้ว”
“ตรงนี้” เขาใช้ดาบสั้นเขี่ยใส่ขวด ท่าทางเหมือนรังเกียจ
เฟิ่งจิ่วเห็นก็หัวเราะเบาๆ ใช่แล้ว เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเป็นโรครักความสะอาดด้วย!
“เอาล่ะ ที่เหลือข้าเอง” เธอเก็บเหยื่อปลาใส่ขวด จากนั้นก็หยิบขึ้นมาสองตัวเอามาคล้องกับตะขอเบ็ดสองอัน ก่อนจะยื่นให้เขา “เอ้า หากตกได้เยอะ พวกเราก็เอากลับไปทำอาหารด้วย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยักยิ้มมุมปาก รับไปแล้วก็เหวี่ยงเบ็ดลงไปในทะเลสาบ เฟิ่งจิ่วที่ยืนเคียงไหล่อยู่เห็นแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเหวี่ยงเบ็ดตามเขาไป ทั้งสองยืนอยู่ข้างกัน พลางพูดคุยกันเสียงเบา
ไม่นานก็มีปลามาติดเบ็ด เฟิ่งจิ่วกระตุกเบาๆ ก็ดึงปลาขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือขึ้นมาได้หนึ่งตัว เธอตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ว้าว! ท่านดู ปลาตัวนี้ไม่เล็กเลยล่ะ!”
ขณะกล่าวก็เห็นเขากระตุกเบ็ด ดึงปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าของเธอถึงสองเท่าอย่างเห็นได้ชัดขึ้นมาหนึ่งตัว ครั้นเห็นปลาตัวนั้น เธอรีบเก็บปลาของตนเอง จากนั้นก็ไปช่วยเขาแกะปลาออกจากตะขอ
“ไม่นึกเลยว่าในทะเลสาบนี้จะมีปลาใหญ่ขนาดนี้อยู่ด้วย? แค่ตัวนี้ก็พอให้พวกเราสองคนกินแล้ว” เธอยิ้มบอก ใช้สองมือประคองปลาตัวใหญ่โดยไม่กลัวว่ามือจะเหม็นคาว ตรงกันข้าม เซวียนหยวนโม่เจ๋อตกปลาขึ้นฝั่งได้แล้วก็รีบถอยกรูด เลี่ยงไม่ให้โดนน้ำกระเด็นใส่
แถวนี้ไม่มีกิ่งไม้ มีแค่ต้นไผ่ ด้วยเหตุนี้ หลังจากเฟิ่งจิ่วฟันไผ่มาต้นหนึ่ง ก็เริ่มลงมือจัดการปลา เธอไม่ได้ใช้กิ่งไม้จุดไฟ แต่รวบรวมพลังธาตุไฟเพื่อใช้ย่างปลาโดยตรง
ยามกลิ่นหอมของปลาและกลิ่นหอมของไผ่กระจายไปในอากาศ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็กำลังเดินมาทางนี้พอดี ครั้นได้กลิ่นหอมของปลาที่ลอยโชยมา พวกเขาชะงักเท้าหยุด
“น่าแปลก ทำไมที่นี่จึงมีกลิ่นหอมของเนื้อปลา?” ชายคนหนึ่งในกลุ่มสูดจมูก หันไปมองชายในชุดผ้าไหมที่อยู่ข้างๆ “เจ้าบอกว่าที่ดินแถบทะเลสาบเป็นของบ้านเจ้าไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมจึงมีกลิ่นหอมของเนื้อปลาที่นี่?”
กลุ่มชายหญิงที่ได้ยินคำถามนั้น ต่างหันไปมองชายในชุดผ้าไหมคนนั้น
………………………………….