เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1939 เจ้ากล้าตีข้า / ตอนที่ 1940 ยิ้มอ่อนโยน
ตอนที่ 1939 เจ้ากล้าตีข้า / ตอนที่ 1940 ยิ้มอ่อนโยน
ตอนที่ 1939 เจ้ากล้าตีข้า
เฟิ่งจิ่วที่กำลังคุยกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินหยางเสี่ยวเอ้อร์ถามก็หันไปมองร้านที่นางชี้ เพียงมองแวบเดียว เธอก็ส่ายหน้า “ไม่ดี”
ร้านค้านี้เป็นร้านค้าสามชั้น แต่ตำแหน่งร้านค้าอยู่ตรงมุมถนน ทิศประตูร้านไม่ดี ไม่ใช่ร้านที่เธอต้องการ
“งั้นหรือ! งั้นก็ไปดูอีกก็แล้วกัน! ข้างหน้าก็มี แต่ไม่มีร้านที่สูงสามชั้นแล้ว แถบนี้เป็นพื้นที่รุ่งเรือง อาคารสูงสามชั้นที่นี่ล้วนเป็นกิจการของพวกตระกูลใหญ่ต่างๆ พวกเขาไม่ขายแล้วก็ไม่เช่าด้วย”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เดินตามนางไปข้างหน้า สำรวจร้านค้าในพื้นที่เจริญแถบนี้ทั้งหมดหนึ่งรอบ แม้จะมีหลายที่เหมาะสม แต่ก็เหมือนที่เสี่ยวเอ้อร์บอก ร้านเหล่านั้นล้วนเป็นกิจการของตระกูลใหญ่ จึงไม่มีใครยอมขายให้
“เลือกสถานที่ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่เจริญอย่างเดียว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยขึ้น มองเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะเสนอว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า แม้จะอยู่ในซอกหลืบก็ต้องมีคนมาหาถึงที่แน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “อืม ข้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ในเมื่อหาที่นี่ไม่ได้ งั้นก็ไปที่อื่นแล้วกัน”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง หยางเสี่ยวเอ้อร์กลอกตาไปมา เสนอว่า “พี่สาวเฟิ่ง งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ข้าพาพวกท่านไปดูอาคารหลังหนึ่งของตระกูลข้า ข้าคิดว่าที่นั่นก็ไม่เลวเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใช่พื้นที่เจริญ ปกติมีคนไม่ค่อยมาก หากพวกท่านชอบ ข้าจะหารือกับท่านพ่อดู เขาเป็นคนพูดง่ายมากเลยล่ะ”
“นางอ้วนหยาง? ไม่นึกว่าเจ้าจะยังมีหน้าออกมาอีก?”
ขณะกำลังอธิบายก็ได้ยินเสียงร้ายกาจเสียงหนึ่งดังมา เงยหน้ามองไป เห็นเป็นหญิงสาวในชุดหรูหราเดินมาทางนี้พร้อมกับหญิงรับใช้สองคน มองหยางเสี่ยวเอ้อร์ด้วยสายตาดูถูก
หยางเสี่ยวเอ้อร์ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็กลอกตา “พี่สาวเฟิ่ง เราไปกันเถิด” นางขี้คร้านจะสนใจนกยูงทองตัวนั้น
“นางอ้วนหยาง ได้ยินว่าคุณชายตระกูลหร่าวหนีงานแต่ง? ก็จริง เจ้าอ้วนขนาดนี้ อัปลักษณ์ขนาดนี้ ใครจะกล้าแต่งกับเจ้ากัน!” หญิงชุดหรูถือพัดลวดลายประณีตอันเล็กพัดไปพัดมาเบาๆ พร้อมกับยังไม่วายพูดจาเสียดสีหยางเสี่ยวเอ้อร์
พวกเฟิ่งจิ่วยืนนิ่งไม่ขับ ไม่ได้ยื่นมือยื่นปากเข้าไปแทรก เพียงดูอยู่เงียบๆ
เดิมทีหยางเสี่ยวเอ้อร์ไม่ได้อยากถือสานางแม้แต่น้อย แต่พออยู่ต่อหน้าพี่ชายเหลิ่งหวาที่นางชอบแล้วถูกนางนกยูงทองต่อว่าเช่นนี้ ก็อดอับอายขายหน้าไม่ได้ ใช่ หยางเสี่ยวเอ้อร์ยอมรับว่าตนเองอ้วน แต่นางน่ะสิอัปลักษณ์!
เพราะอับอายขายหน้า ฉะนั้นนางที่มีนิสัยตรงไปตรงมาจึงหันหลังกำหมัดเหวี่ยงออกไป หญิงชุดหรูอยู่ใกล้ กอปรกับหยางเสี่ยวเอ้อร์หันมาก็เหวี่ยงหมัดใส่ทันที ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกหมัดซัดใส่ หญิงชุดหรูกรีดร้อง อยากจะหลบแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว
“พลั่ก!”
“ซี๊ด!”
“คุณหนู!”
เสียงกระแทกพลั่กดังขึ้น รวมถึงเสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงร้องด้วยความตกใจของสองสาวรับใช้ที่ดังขึ้นพร้อมกัน ภาพที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัวนี้ ไม่เพียงหญิงชุดหรูเท่านั้นที่อึ้งงัน แม้แต่พวกเฟิ่งจิ่วก็ตะลึงเช่นกัน
“นางนกยูงทอง เจ้ากล้าด่าว่าข้าอัปลักษณ์! คอยดูเถอะ ข้าจะตีเจ้าให้กลายเป็นตัวอัปลักษณ์เสีย!”
หยางเสี่ยวเอ้อร์ถลึงตากว้าง สองมือถลกแขนเสื้อ ครั้นเห็นหญิงชุดหรูถูกนางต่อยจนตาบวมทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง ครานี้ สาวรับใช้สองคนคนหนึ่งรีบเข้าไปขวาง อีกคนรีบดึงคุณหนูของตนเองถอยหลัง
“นางอ้วนหยาง! นางอ้วนบัดซบ! เจ้ากล้าตีข้า!” หญิงชุดหรูมือข้างหนึ่งกุมเบ้าตาที่บวมแดง อีกมือชี้หน้าด่าหยางเสี่ยวเอ้อร์
………………………………….
ตอนที่ 1940 ยิ้มอ่อนโยน
หลังจากดึงมือของสาวรับใช้ออก หญิงชุดหรูก็พุ่งตัวเข้าไปทะเลาะตบตีกับหยางเสี่ยวเอ้อร์ ร้องด่าไปพร้อมกับกระชากผม
เห็นการทะเลาะวิวาทที่เหมือนหญิงปากตลาด พวกเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งได้แต่อึ้งงัน นี่อย่างไรทั้งสองก็เป็นบุตรีของตระกูลผู้นี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดยามลงมือจึงได้โหดร้ายเช่นนี้?
เห็นคนมายืนดูผสมโรงมากขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งจิ่วจึงออกคำสั่ง “จับพวกนางแยก”
เหลิ่งหวากับเหลิ่งซวงที่ยืนอยู่ข้างหลังรีบก้าวเข้าไป เหลิ่งหวาดึงตัวหยางเสี่ยวเอ้อร์ “แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ อย่าทะเลาะกันอีกเลย”
ส่วนเหลิ่งซวงก็ดึงหญิงชุดหรูออก ก่อนจะผลักไปทางสองสาวรับใช้ จากนั้นก็ตวัดมองทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา “ดูนางให้ดีๆ!”
หยางเสี่ยวเอ้อร์เบิกตากว้างด้วยความโมโห เห็นเสื้อผ้าใหม่ที่ตนเองตั้งใจใส่มาวันนี้ถูกกระชากขาด และทรงผมที่สั่งให้สาวรับใช้หวีอย่างประณีตอยู่นานสองนานถูกกระชากจนยุ่งเหยิง หนำซ้ำยังขายหน้าต่อหน้าพี่สาวเฟิ่งกับพี่ชายเหลิ่งหวา ก็อดกัดริมฝีปากไม่ได้ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว
“แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ ไม่ได้บาดเจ็บกระมัง?” เหลิ่งหวาเห็นแม่นางน้อยก้มหน้าก้มตา ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ จึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่ชายเหลิ่งหวา นางกระชากผมข้า ทำทรงผมใหม่ของข้ายุ่งเหยิงไปหมด แล้วยังทำเสื้อผ้าใหม่ของข้าขาดด้วย” หยางเสี่ยวเอ้อร์เบะปาก ยิ่งคิดก็ยิ่งอัดอั้น นางอยากแต่งสวยมาพบเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว
พี่ชายเหลิ่งหวาก็คิดว่านางอ้วนมาก แล้วก็อัปลักษณ์มากใช่หรือไม่? นึกมาถึงตรงนี้ นางก็ยิ่งปวดใจ น้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลรินไม่ขาดสาย
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร พวกเราไปหาที่ทำผมใหม่ข้างหน้าก็ได้แล้ว” เขาเบนสายตาไปที่ข้อมือของนาง หลังมือของนางถูกข่วนจนถลอก เป็นแผลเลือดซึมสองสามเส้น
“หลังมือท่านเลือดออก ข้าช่วยท่านทำแผลก็แล้วกัน!” เอ่ยจบเขาก็หยิบผงยาและผ้าออกมา หลังจากโรยยาเสร็จก็ใช้ผ้าพันแผลที่หลังมือ การกระทำของเขาทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน ใบหน้ายังประดับไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้มเสมอ หยางเสี่ยวเอ้อร์อดไม่ได้ที่จะจ้องมองจนเหม่อลอย
แม้แต่หญิงชุดหรูที่ถูกสาวรับใช้สองคนประคองอยู่ข้างๆ ที่เห็นภาพนั้น ก็ยังโมโหจนต้องขบกราม ทั้งเดือดดาล และอิจฉา นางอ้วนหยางอ้วนขนาดนี้ อัปลักษณ์ขนาดนี้ เด็กหนุ่มที่รูปงามขนาดนี้เหตุใดต้องอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนั้น? น่าชังนัก!
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง คนหนึ่งใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ อีกคนยิ้มร่า ยามนัยน์ตาจับจ้องไปที่ทั้งสอง ก็ลอบคิดในใจ เครื่องหน้าของหยางเสี่ยวเอ้อร์ประณีตมากทีเดียว แค่อ้วนไปหน่อยเท่านั้น หากผอมจะต้องเป็นหญิงงามคนหนึ่งแน่นอน และที่สำคัญ นิสัยของหยางเสี่ยวเอ้อร์ นางยิ่งดูก็ยิ่งชอบ
เหลิ่งซงที่อยู่ข้างๆ เห็นน้องชายช่วยหยางเสี่ยวเอ้อร์ทำแผล เพียงสายตาไหวระริกเล็กน้อย กลับไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนอยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วเงียบๆ
หลังผูกปมผ้าพันแผลอย่างสวยงามเสร็จ เหลิ่งหวาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสร็จแล้ว” เขาดึงมือกลับ ก่อนจะหันไปมองหญิงชุดหรู ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่นางท่านนี้ แผลที่ตาของท่านเริ่มบวมแดงแล้ว อย่างไรรีบกลับบ้านไปทายาลดบวมก่อนดีกว่า”
หญิงชุดหรูเดิมยังรู้สึกคับแค้น แต่ครั้นเห็นเด็กหนุ่มรูปงามส่งยิ้มให้นาง ก็พลันชะงักงัน ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ กว่านางจะตั้งตัวได้ กลับเห็นพวกเขาเดินจากไปแล้ว
“คุณหนูๆ?” สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ขานเรียกอย่างระมัดระวัง
“อะไร!” หญิงชุดหรูถมึงตาอย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าพอเบิกตา ก็อดซี๊ดปากด้วยความเจ็บไม่ได้
………………………………….