เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1094 ปฏิเสธจักรพรรดินี
บทที่ 1094 ปฏิเสธจักรพรรดินี
……….
บทที่ 1094 ปฏิเสธจักรพรรดินี
ซูอันไม่ได้พูดอะไรในขณะที่ใช้ตราหยกควบคุมสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรอบตัวเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ โชคไม่ดีที่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมากตกใจกลัวเมื่อกลุ่มทูตยุทธ์เสื้อแพรบุกเข้ามา แม้จะเหลือแมลงบางชนิดอยู่เล็กน้อย แต่เขามองผ่านตาพวกมันไม่เห็นอะไรมากนัก
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเหรียกหมี่ลี่ “พี่หญิงใหญ่ ช่วยข้าดูรอบ ๆ หน่อยว่าใครกำลังสอดแนมอยู่”
หมี่ลี่พูดอย่างเกียจคร้าน “ข้ากำลังหลับอยู่เจ้าหาเองเถอะ”
ซูอันพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ต้องได้รับบทเรียนเด็ด ๆ สักวันหนึ่ง! แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางไม่ต้องการให้เขาพึ่งพามากเกินไปเพราะนั่นจะส่งผลต่อรากฐานเต๋า แต่ก็มีบางครั้งที่เขาอยากจะฟาดนางสักที ส่วนข้าจะตีนางด้วยอะไร? คงไม่จำเป็นต้องถามจริงไหม?
“ระวังตัวด้วย! ดูรอบ ๆ ให้ดี” ซูอันเตือน น่าเสียดายที่แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่กลับตรวจไม่พบสิ่งใดในบริเวณโดยรอบ
เขาได้กลิ่นหอมจาง ๆ ที่คลุมเครือ แต่ไม่แน่ใจว่ามันมาจากดอกไม้ในทุ่งหรือเปล่า แม้ว่ากลิ่นจะรู้สึกคุ้นเคยด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยได้กลิ่นที่ไหน
“หัวหน้า มีอะไรเหรอ?” ไต่ที่เจ็ดและเฉินที่แปดถามขณะที่พวกเขาไม่พบสิ่งใดจากการค้นหาเช่นกัน
“ข้ารู้สึกเหมือนมีคนกำลังติดตามเรามา” ซูอันตอบขณะคิดกับตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้หรอกหัวหน้า ใครจะกล้าลองดีกับทูตยุทธ์เสื้อแพร? นับประสาอะไรกับการที่เรายังคงอยู่ในเขตใกล้เมืองหลวง” พวกเขาสองคนไม่สามารถเชื่อเรื่องเช่นนี้ได้
ซูอันหัวเราะ ทูตยุทธ์เสื้อแพรเคยชินกับการมีสถานะสูงส่งและแข็งแกร่งมากเสียจนรู้สึกมั่นใจในตนเองเกินไปจนกลายเป็นความประมาท สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งหวงฮุ่ยฮงพาซูอันมายังเมืองหลวง ซึ่งตอนนี้วัชพืชคงขึ้นทั่วหลุมฝังศพเขาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซูอันยังคงนิ่งเงียบและสั่งให้ลูกน้องของเขาเฝ้าระวัง จากนั้นเขาจึงกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง แม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ประตูเมืองได้ปิดลงแล้ว แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรมีสถานะพิเศษ หลังจากตรวจสอบตราคำสั่งแล้ว ทหารเฝ้าประตูเมืองได้เปิดประตูด้านข้างเล็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาเข้าไป
ความรู้สึกที่ถูกจับตามองของซูอันได้หายไปแล้ว เขาส่ายหัว ข้าเครียดมากจนกลายเป็นหวาดระแวงไปหรือเปล่า?
เขาตัดสินใจกลับไปที่ตำหนักถักแพรก่อน และเห็นเซียวเจียนเริ่นกำลังพลิกดูข้อมูลในกองเอกสารปึกใหญ่ เนื่องจากไม่มีข้อมูลคืบหน้าใด ๆ เขาจึงสั่งให้ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อน แล้วจึงดำเนินการสอบสวนต่อในวันพรุ่งนี้
เซียวเจียนเริ่นพยักหน้าแสดงความเข้าใจ แต่ดวงตาของเขายังคงพุ่งไปที่กองเอกสารบนโต๊ะ ใจยังคงจดจ่ออยู่กับข้อมูลที่กำลังตรวจสอบอย่างชัดเจน
ซูอันหัวเราะเบา ๆ ชายคนนี้บ้างานจริง ๆ ข้าแน่ใจว่าพวกนายทุนทั้งหลายในโลกก่อนหน้าชอบพนักงานประเภทนี้อย่างยิ่ง
เมื่อเขาออกจากตำหนักถักแพร ซู่อันคิดกับตัวเองว่า มันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านพักนอกเมือง ดังนั้นเขาจึงออกจากวัง ตั้งใจจะกลับไปพักผ่อนที่นั่น
แต่เมื่อไปถึงตรอกใกล้ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วทันที รู้สึกว่ามีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ข้างหน้า คราวนี้เขาจะจับคนลึกลับนี้ได้หรือไม่?
ซูอันเดินไปอย่างใจเย็น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสน เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนี้รู้ว่าข้ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ด? ไม่ควรเป็นอย่างนั้นใช่ไหม? แต่แล้วทำไมคน ๆ นี้ถึงคอยซุ่มโจมตีข้าล่ะ?
เมื่อเขารู้สึกว่าอยู่ใกล้พอ ซูอันก็จู่โจมโดยการจับไหล่ของบุคคลนั้น เอ๊ะ? ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดา…?
“โอ๊ย!” เสียงร้องดังขึ้น แต่เมื่อบุคคลนั้นเห็นว่าเป็นซูอันเสียงตะโกนของเขาก็หยุดลงด้วยเสียงฮึดฮัด “ท่านซู ในที่สุดท่านก็กลับมา”
“จั้วน้อย?” ซูอันตกใจ นี่คือขันทีน้อยจากวังไร้พิพาท การโจมตีของนักฆ่าก่อนหน้านี้ทำให้สูญเสียขันทีไปจำนวนมาก ดังนั้นทั้งจั้วน้อยและกุ้ยน้อยจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาพูดต่อ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ตอนดึก ๆ แบบนี้” อีกฝ่ายไม่ได้สวมชุดขันที ดังนั้นจึงดูเหมือนสามัญชนทั่วไป
จั้วน้อยตอบว่า “แน่นอน ข้ากำลังรอท่านซู แต่ท่านไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแล้ว”
“เจ้ามาหาข้าทำไม?” ซูอันถาม
“จักรพรรดินีบอกให้ข้ามาส่งข่าว พระนางเชิญท่านซูไปช่วยตรวจสอบสมบัติวิเศษ” จั้วน้อยตอบอย่างเหม่อลอย เขาไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดินีถึงถามหาท่านซู อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะไม่คิดมากเกินไป เรื่องในวังยิ่งรู้น้อยยิ่งดี
ซูอันเกือบจะหัวเราะออกมา จักรพรรดินีองค์นั้นร้างลากิจกรรมหฤหรรษ์มาเป็นเวลานานจนครั้งล่าสุด เขาทำให้นางติดงอมแงม
ทันใดนั้น หมี่ลี่ก็พูดขึ้นว่า “หลิวหนิงเป็นความอัปยศของเหล่าจักรพรรดินีจริง ๆ น่าละอายอย่างยิ่ง”
ซูอันยิ้มขบขัน เขาตอบกลับหมี่ลี่ “ท่านไม่ได้บอกว่านางจะใช้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บภายในเหรอ? มันอาจจะไม่แย่เท่าที่ท่านพูดก็ได้”
“นางต้องการการรักษา แต่การเรียกหาเจ้าบ่อย ๆ ก็หมายความว่านางมีความต้องการอย่างอื่นเช่นกัน” หมี่ลี่ไม่พอใจ ขนาดของผู้ชายคนนี้มโหฬารเหมือนม้า! ไม่น่าแปลกใจที่หลิวหนิงนางจิ้งจอกตัวนั้นไม่สามารถลืมรสชาติได้หลังจากสัมผัสมันเพียงครั้งเดียว
ซูอันหัวเราะเบา ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของนาง เขาบอกกับจั้วน้อยว่า “ข้าจะรบกวนเจ้าให้รายงานจักรพรรดินีว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสมบัติวิเศษ เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ”
จั้วน้อยตื่นตระหนกและถามว่า “พวกเราจะปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดินีได้ยังไง?”
ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เจ้าแค่ต้องรายงานคำพูดของข้าให้พระนางฟัง พระนางจะไม่ตำหนิเจ้า” จั้วน้อยไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ จึงได้แต่จากไปอย่างประหม่า
หมี่ลี่ถามด้วยความสงสัย “ทำไมเจ้าไม่ตามเขากลับไปล่ะ? แม้ว่านางจิ้งจอกนั่นจะงี่เง่าไปหน่อย แต่นางก็ดูดี นอกจากนี้ข้าแน่ใจว่าการได้หลับนอนกับนางนั้นให้ความรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์”
ซูอันยิ้มให้นางอย่างอบอุ่น “ในเมื่อท่านไม่ชอบ ข้าก็ไม่ไป ข้าจะอยู่ที่นี่กับท่านแทน”
แก้มใสของหมี่ลี่แดงอย่างรวดเร็ว “ผะ ผิดแล้ว! ใครต้องการเจ้า? ข้าไปล่ะ!” นางพูดตะกุกตะกักและหายไปในควัน
แม้ว่าปกติแล้วผู้หญิงคนนี้จะดุร้าย แต่ซูอันได้เรียนรู้วิธีจัดการกับหมี่ลี่จากการอยู่ใกล้นางมาระยะหนึ่งแล้ว สำหรับสาเหตุที่เขาปฏิเสธหลิวหนิงเหตุผลหลักก็คือเขาไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือของจักรพรรดินี
เมื่อกลับถึงบ้าน ซูอันสังเกตเห็นแสงไฟสว่างไสว เขารีบวิ่งเข้าไปข้างในอย่างมีความสุข ร่างในชุดสีฟ้าเย็นตายืนอยู่ตรงนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะตะครุบนางจากด้านหลังและเริ่มจูบอย่างอ้อยอิ่ง
ฉู่ชูเหยียนสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ร่างกายของนางก็อ่อนลงและต้อนรับเขาโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองสวมกอดกันนานขึ้น ทันใดนั้น นางก็จำอะไรบางอย่างได้ นางผลักซูอันออกไปและพูดเสียงกระเส่าว่า “มีคนอื่นอยู่ด้วย…”
……….