เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2055 ความรุ่งเรืองในอดีต
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็รับทราบเช่นกันว่าตนเองแสดง ความรู ้สึกออกมามากเกินไปแล้ว
เขารีบกลับมาตั้งสติ ถอนหายใจด้วยความเศร ้าและบอกเล่า ต่อไปว่า “น่าเสียดายที่ความรุ่งเรืองในอดีตเหล่านั้นไม่ได้คงอยู่อีก ต่อไป เมื่อไม่มีองค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คอยดูแล บรรดาคนใหญ่คน โตก็เกิดความแตกแยกและแย่งชิงอ านาจกันอย่างดุเดือด ส่วน อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน มีกลุ่มขั้วอานาจใหญ่อยู่ด้วยกันสาม กลุ่ม อันประกอบไปด้วยกลุ่มของขุนนางในสภาศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มของ ขั้วอานาจเก่าและกลุ่มของกองทัพประจาเมืองไห่เหยา”
“สภาศักดิ์สิทธิ์มีหน้าที่รับผิดชอบความเป็ นระเบียบเรียบร ้อยของ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์โดยรวม เรียกได้ว่าเป็ นกลุ่มคนที่มีอานาจสูงสุด ในเส้นทางดาราจักร เป็ นผู้มีอิทธิพลที่ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้ ต่อให้ เป็ นขุนนางชั้นต่าต้อย แต่หากได้ทางานให้แก่สภาศักดิ์สิทธิ์ก็จะมี สถานะสูงส่งยิ่งนัก”
“ส่วนกลุ่มขั้วอานาจเก่าเป็ นทายาทผู้สืบทอดสายเลือดจาก บรรพบุรุษทั้งยี่สิบสี่ท่าน กลุ่มขั้วอานาจเก่านี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกัน ทั้งสิ้นยี่สิบสี่คน แต่ละคนต่างก็เป็ นตัวแทนของบรรพบุรุษจากยี่สิบสี่ สายเลือด ในอดีต พวกเขาเคยครองความยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่เมื่อ
กาลเวลาผ่านไป เหลือสมาชิกในกลุ่มอานาจเก่าอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น และนั่นก็ทาให้พวกเขาไม่สามารถต่อรองกับผู้ใดได้อีก…”
“ทางด้านกองทัพประจ าเมืองไห่เหยา พวกเขาเป็ นกลุ่มกองก าลัง ที่ไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใด ในอดีตกองทัพนี้เคยอยู่ในการบังคับบัญชาของ องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่บัดนี้ภายในเมืองไห่เหยาเกิดความ แตกแยก กองทัพของพวกเขาจึงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเก่าก่อน ฝีมือ ในการต่อสู้เสื่อมถอยลงอย่างน่าใจหาย…มีเพียงขุมกาลังเดียวเท่านั้น ที่ยังพอจะมีฝี มืออยู่บ้างและนั่นก็คือหน่วยที่เรียกว่าหน่วยพยัคฆ์ พิทักษ์มังกร ซึ่งเคยเป็ นหน่วยองครักษ์ขององค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ มี ข่าวลือว่าในยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองนั้น หน่วยพยัคฆ์พิทักษ์มังกรไม่ เคยต้องเกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายที่นับตั้งแต่องค์จักรพรรดิ ศักดิ์สิทธิ์เก็บตัว หน่วยพยัคฆ์พิทักษ์มังกรก็ไม่เคยได้แสดงฝีมืออีก เลย สุดท้าย พวกเขาเองก็เลือกที่จะเก็บตัวตัดขาดจากโลกภายนอก เช่นกัน”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็ไม่ได้กล่าว อะไรต่อไปอีก
เพราะเขาเพิ่งจะนึกได้ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่สิ่งที่หลินเป่ ยเฉินอยากจะรู้ก็เป็ นได้
แต่ไม่ทราบว่าเป็ นเพราะเหตุใด ทางเจ้าของร้านจึงรู้สึกคันปาก อยากจะเล่าเหลือเกิน
บางทีอาจเป็ นเพราะว่าเขาต้องเก็บง าความลับทุกอย่างเอาไว้กับ ตัวเองมานานมากเกินไป เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจึงอยากจะ บอกเล่าความรุ่งเรืองในอดีตของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อื่นได้รับฟัง บ้าง ในที่สุด บรรยากาศการพูดคุยระหว่างพวกเขาจึงกลายเป็ นชั้น เรียนวิชาประวัติศาสตร ์ไปโดยไม่รู ้ตัว
แต่เมื่อเงยหน้ามอง เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็พบว่าหลิน เป่ยเฉินกาลังรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
นี่ยิ่งทาให้เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรรู ้สึกประทับใจในตัว ของหลินเป่ยเฉินมากขึ้นไปอีก
บุรุษหนุ่มรูปงามที่ชื่นชอบเรื่องราวในประวัติศาสตร ์ย่อมต้องเป็ น คนดีอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่อยู่ในความคิดของหลินเป่ ยเฉิน ณ ขณะนี้ก็คือ ‘หน่วย พยัคฆ์พิทักษ์มังกรอย่างนั้นหรือ? หากเราสามารถน ามาเป็ นองครักษ์ พิทักษ์เราได้ เราก็คงไม่ต้องกลัวใครอีกแล้วสินะ?’
แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ…
เอ่อ เขาอาจจะคิดแบบมักง่ายเกินไปหน่อยกระมัง
หน่วยองครักษ์ที่เคยทางานรับใช ้องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ ยอมมาท างานรับใช้เขาอยู่แล้ว
“ท่านเล่าต่อเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเร่งเร ้า
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจึงถามกลับมาว่า “คุณชายคง รู ้จักเผ่ามนุษย์ทะเลทรายแล้วใช่หรือไม่?”
หลินเป่ ยเฉินตอบว่า “ย่อมรู ้จัก ข้ารู ้จักพวกมันดีเกินไปด้วยซ้า น่าเสียดายที่ผู้คนจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายเป็ นพวกที่ไม่เหมาะ ส าหรับการคบหาเป็ นมิตรสหายสักเท่าไหร่…”
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะ บอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้หลินเป่ยเฉินรับฟังต่อไป
“ก่อนยุคสมัยแห่งการล่มสลายครั้งที่สองจะมาถึง เผ่ามนุษย์ ทะเลทรายเป็ นกลุ่มคนที่ครองอานาจและความยิ่งใหญ่ ทั้ง ๆ ที่พวก เขามีสายเลือดและต้นกาเนิดเดียวกับมนุษย์ทั่วไป แต่เผ่ามนุษย์ ทะเลทรายมักจะแอบอ้างว่าตนเองมีสายเลือดที่บริสุทธิ์มากกว่า พวก เขาอ้างตัวว่าตนเองเป็ นสิ่งมีชีวิตที่มีความสูงส่งกว่าผู้อื่น ในบรรดา บรรพบุรุษยี่สิบสี่สายเลือดนั้น บรรพบุรุษของสายเลือดผู้ใช ้พิษ บรรพ บุรุษของผู้ใช ้สายเลือดผู้ควบคุมอสูร บรรพบุรุษของสายเลือดผู้ ควบคุมปีศาจ บรรพบุรุษของสายเลือดผู้แปลงกาย บรรพบุรุษของ สายเลือดผู้กลืนกินและบรรพบุรุษของสายเลือดผู้ใช ้ราคะ ต่างก็มีต้น ก าเนิดมาจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายทั้งสิ้น”
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงไม่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
นี่คือความลับ ความลับที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
นักพรตหญิงชินไม่เคยพูดถึงข้อมูลเหล่านี้เลย มิน่าล่ะ พวกมนุษย์ทะเลทรายถึงยโสโอหังยิ่งนัก ที่แท้ก็เป็ นเช่นนี้นี่เอง นับว่าเป็ นครอบครัวใหญ่อย่างแท้จริง หลินเป่ยเฉินเริ่มรู ้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาเป็ นห่วงหวังจง
ไม่ทราบเลยว่าหากหวังจงต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษที่มาจาก เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเหล่านั้น เขาจะยังสามารถรับมือด้วยการโขก ศีรษะค านับได้อยู่อีกหรือไม่?
พลังการค านับพิฆาตของหวังจงจะใช ้ได้ผลกับบรรพบุรุษ เหล่านั้นหรือไม่?
เมื่อความคิดดาเนินมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ได้ยินเจ้าของร ้าน เพื่อนพ้องพี่น้องโจรบอกเล่าต่อไปว่า “นับตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิ ศักดิ์สิทธิ์เก็บตัวอยู่ในวิหาร และหน่วยพยัคฆ์พิทักษ์มังกรเข้าจ าศีล เผ่ามนุษย์ทะเลทรายก็เรืองอานาจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาแทรก ซึมเข้าไปในสภาศักดิ์สิทธิ์และกลุ่มขั้วอานาจเก่า ข้าจะยกตัวอย่าง ง่าย ๆ ให้คุณชายฟังก็แล้วกัน ในสภาศักดิ์สิทธิ์จะมีขุนนางระดับ
สามัญอยู่ด้วยกันทั้งหมดหนึ่งพันสามร ้อยคน แต่เป็ นผู้ที่มาจากเผ่า มนุษย์ทะเลทรายไปแล้วห้าร ้อยคน ส่วนตาแหน่งขุนนางระดับสูงที่มี สามร ้อยหกสิบคน ก็มีผู้ที่มาจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายถึงหนึ่งร ้อย แปดสิบสองคน ส่วนตาแหน่งเสนาบดีที่มีอยู่เก้าคน ก็เป็ นคนจากเผ่า มนุษย์ทะเลทรายไปแล้วถึงหกคน….”
หลินเป่ยเฉินเกือบจะอุทานค าหยาบออกมา
นี่ไม่ใช่สภาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องเรียกว่าเป็ นสภาส่วนตัวของพวก มนุษย์ทะเลทรายต่างหาก
หลินเป่ยเฉินยิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
“ส่วนกลุ่มขั้วอานาจเก่าซึ่งมีสมาชิกอยู่ยี่สิบสี่คนนั้น สิบเอ็ดคน ได้กลายเป็ นพวกเดียวกับเผ่ามนุษย์ทะเลทราย ไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้ง สิบเอ็ดคนนั้นถูกกุมความลับอันใดเอาไว้ พวกท่านถึงได้ยอมก้มหัว ให้กับพวกมัน”
“มีเพียงกองทัพในเมืองไห่เหยาเท่านั้นที่เผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่ สามารถยื่นมือเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะพวกเขาเป็ นเมืองของชาย ชาติทหาร พวกเขายินดีต่อสู้และสละชีวิตเพื่อความมั่นคงของ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงกองทัพเป่ ย เฉินของฮันปู้ ฟู่เท่านั้นที่สามารถสร ้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ใกล้เคียง กับกองทัพไห่เหยา บัดนี้ เมืองไห่เหยาแบ่งแยกออกเป็ นหกเขต
ปกครองสาคัญ แม้พวกเขาจะเกิดความแตกแยก แต่ก็ยังเป็ นเรื่อง ยากที่คนนอกจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงได้อยู่ดี”
เจ้าของร ้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรกล่าวอย่างไม่รู ้สึกเหน็ดเหนื่อย
หลินเป่ ยเฉินยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางถามว่า “เดี๋ยว ก่อนนะ ทาไมพี่ใหญ่ถึงต้องเล่าเรื่องน่ากลัวเหล่านี้ให้ข้าฟังด้วยเนี่ย? ไม่ทราบว่าท่านมีงานอดิเรกเป็ นการข่มขวัญผู้อื่นหรืออย่างไร?”
เจ้าของร้านเพื่อนของพี่น้องโจรจ้องมองเข้าไปในดวงตาของ หลินเป่ ยเฉินและอธิบายว่า “ที่ข้าบอกเล่าทุกอย่างให้ท่านฟังนั้น ก็ เพราะข้าอยากให้ท่านรู ้ว่า ขุมกาลังที่ถูกส่งมาเพื่อทาการลอบสังหาร ท่านในวันพรุ่งนี้มีความน่ากลัวมากเพียงใด หากท่านยังไม่อยากตาย ก็จงรีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ”
หลินเป่ยเฉินรู ้สึกร ้อนใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“หรือว่าจะมีชนชั้นบรรพบุรุษของพวกเผ่ามนุษย์ทะเลทราย ปรากฏตัวออกมา?”
เขาถามด้วยน้าเสียงแหบแห้ง
หากมนุษย์ทะเลทรายสามารถอัญเชิญบรรพบุรุษแห่งยี่สิบสี่ สายเลือดที่เป็ นพวกของตนเองออกมาได้ นั่นก็นับว่าเป็ นเรื่องที่น่า กลัวมากแล้ว
คงไม่สามารถหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากหวังจงได้อีกต่อไป
แม้ว่าการค านับของหวังจงจะมีประสิทธิภาพแข็งแกร่งและร ้าย กาจ แต่ที่ผ่านมาคู่ต่อสู้ยังเป็ นชนชั้นยอดฝีมือทั่วไป แต่นี่อีกฝ่ายเป็ น ถึงชนชั้นบรรพบุรุษด้วยกัน หากเกิดการลอบโจมตีขึ้นมา…
ในหัวสมองของหลินเป่ ยเฉินพลันปรากฏภาพแห่งความสยอง ขวัญผุดขึ้นมามากมาย