เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2039 การแสดงของหลิงเฉิน
หืม?
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้เมื่อได้ยินคาพูดนั้น
องค์จักรพรรดิหลิงจิว…
ก็เป็ นพวกมนุษย์ทะเลทรายเช่นกันหรือ?
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
และในเวลาเดียวกันนี้ หลิงเฉินก็ไม่ได้มีท่าทางประหลาดใจแต่ อย่างใด ชุดเสื้อคลุมของนางปลิวไสวตามพลังปราณที่ระเบิดออกมา นางเดินออกมาข้างหน้าพร ้อมกับกล่าวว่า “ดูเหมือนสิ่งที่ข้าคิดไว้จะ ถูกต้องทุกประการ ที่แท้ท่านก็เป็ นหุ่นเชิดของพวกมนุษย์ทะเลทราย จริง ๆ
องค์จักรพรรดิหลิงจิวเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “หุ่น เชิด? นี่จะเรียกว่าเป็ นหุ่นเชิดได้อย่างไร ในเมื่อบรรพบุรุษแห่งผู้แปร ธาตุเลือกที่จะละทิ้งพวกเราไปก่อน และข้าก็พบว่าเป้ าหมายของ ตนเองกับเผ่ามนุษย์ทะเลทรายนั้นเป็ นเป้ าหมายเดียวกัน… อีกไม่นาน ยุคสมัยขององค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็จะจบสิ้นลง หลังจากนั้นก็จะ เหลือเพียงเผ่ามนุษย์ทะเลทรายที่ครอบครองความยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้ เดียว”
“หากเป็ นเช่นนั้น ท่านก็ต้องถูกลงโทษ”
หลิงเฉินลอยตัวขึ้นไปในอากาศและคารามว่า “ด้วยนามของ บรรพบุรุษแห่งผู้แปรธาตุ ท่านมีความผิดโทษฐานท าให้สายเลือดผู้ แปรธาตุต้องแปดเปื้อน โทษของท่านคือการถูกไฟอมตะเผาไหม้เพื่อ ช าระบาปของตนเอง”
ค้อนคว่านภาพลันปรากฏขึ้นข้างกายเด็กสาว
หลิงเฉินยื่นมือของนางไปจับค้อนแน่น
พลังเวทมนตร ์ระเบิดออกมาจากค้อนวิเศษนั้น
คลื่นพลังกดดันแผ่ไปรอบบริเวณ
“ฮ่า ๆๆๆ…”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวระเบิดเสียงหัวเราะราวกับได้รับฟังเรื่องตลก ที่สุดในโลก “ของเด็กเล่นเช่นนั้นเจ้าคิดหรือว่าจะสามารถนามาต่อสู้ กับข้าได้? ข้าเป็ นผู้ควบคุมไฟอมตะ ข้าคือบรรพบุรุษแห่งผู้แปรธาตุ คนปัจจุบัน…”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
หลิงเฉินฟาดค้อนคว่านภาในมือลงไปทันที
หลังจากนั้น ภาพมายาของค้อนขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นใน อากาศ มวลอากาศสั่นไหว องค์จักรพรรดิหลิงจิวระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นและพ่นเปลวไฟออกมาจากฝ่ามือ
เปลวไฟที่ถูกพ่นออกมาเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็ นกาปั้นเพลิงที่มี ขนาดใหญ่ยักษ์เข้าปะทะกับภาพมายาของค้อนคว่านภา
“ระวัง!”
หลินเป่ยเฉินร ้องเตือนเสียงดัง เขาเองก็เตรียมตัวที่จะเข้าร่วมวง ต่อสู้แล้วเช่นกัน
ในสายตาของชายหนุ่ม ต่อให้หลิงเฉินจะเตรียมตัวมาดีเพียงใด แต่นางก็ยังไม่ใช่คู่มือขององค์จักรพรรดิอยู่ดี…
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกังวานไปทั่ววิหารแห่งผู้แปรธาตุ
ในลมหายใจต่อมานั้นเอง…
ฟู่!
โลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากศีรษะและปากขององค์จักรพรรดิห ลิงจิวในขณะที่ตัวคนลอยกระเด็นไปทางด้านหลัง
แต่หลิงเฉินไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว
นางยังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ในมือถือค้อนคู่ใจ ผมสีด ายาว ปลิวไสวไม่ต่างจากเปลวไฟทมิฬ ตัวคนระเบิดพลังกดดันคุกคามแรง กล้า มีความน่าเกรงขามไม่ต่างจากเป็ นบรรพบุรุษผู้แปรธาตุเกิดใหม่
“เป็ นไปได้อย่างไร?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวก้มมองไฟอมตะในมือของตนเองด้วยความ ไม่อยากเชื่อ
“ผู้คิดคดทรยศต่อสายเลือดของตนเองยังเข้าใจว่าตนเองจะ สามารถควบคุมไฟอมตะได้อยู่อีกหรือ?”
ดวงตาของหลิงเฉินเป็ นประกายด้วยความเหยียดหยาม “เหตุใด ท่านจึงคิดว่าตนเองจะสามารถครอบครองพลังทั้งหมดของไฟอมตะ ได้เล่า?”
ขาดค า
ค้อนคว่านภาในมือของนางก็โบกสะบัดเล็กน้อย
วูบ!
แล้วเปลวไฟอมตะที่อยู่ในคบเพลิงวิเศษก็พุ่งออกมาปิดล้อมค้อน ในมือของนางราวกับเป็ นสัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
หลังจากนั้น เปลวไฟเหล่านั้นก็ไหลรินเข้าไปสู่ด้ามจับของตัว ค้อน
ก่อนที่เปลวไฟจะไล้ไปที่ฝ่ ามือ ข้อมือ ท่อนแขน ลาคอ ศีรษะ ช่วงเอว ช่วงขา ฝ่าเท้า…
ตลอดร่างกายของนางปกคลุมด้วยไฟอมตะ
ต้องไม่ลืมว่าไฟอมตะเหล่านี้มีอิทธิฤทธิ์มากพอที่จะสังหารยอด ฝีมือในระดับจอมเทพอสงไขย แต่มันกลับไม่สามารถท าอันตรายหลิง เฉินได้เลยแม้แต่น้อย
และเมื่อร่างกายถูกปกคลุมด้วยไฟอมตะ หลิงเฉินกลับดูมีสง่า ราศีไม่ต่างจากเป็ นราชินีแห่งโลกใบใหม่
บัดนี้ ใบหน้าขององค์จักรพรรดิหลิงจิวซีดขาวมากแล้ว ดวงตา ของเขาเบิกโตด้วยความตกตะลึงและโกรธแค้น “เพราะเหตุใด? เจ้า ควบคุมเปลวไฟอมตะได้อย่างไร? เจ้ายังไม่ได้เข้าใกล้คบเพลิงวิเศษ เลยด้วยซ้า เจ้า… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ผู้ใดบอกท่านว่าต้องเข้าใกล้คบไฟวิเศษเท่านั้นจึงจะสามารถ ควบคุมไฟอมตะได้?”
หลิงเฉินเคลื่อนกายเข้าไปหาชายชราอย่างช ้า ๆ พร ้อมกับกล่าว ว่า “อ้อ ข้ารู ้แล้ว คงมีบันทึกลับของบรรพบุรุษแห่งผู้แปรธาตุฉบับ หนึ่งเก็บอยู่ในราชสานักและท่านก็ค้นพบมันโดยบังเอิญสินะ? น่า เสียดายที่เป็ นข้าทิ้งบันทึกฉบับนั้นเอาไว้เอง และคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ ค้นพบจะเป็ นท่าน ซ้ายังหลงเข้าใจว่าข้อมูลในบันทึกเหล่านั้นเป็ น ความจริง”
“ฟู่! เจ้า…”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวกระอักเลือดออกมาด้วยความช้าใจ “เจ้า มันเป็ นนางมารร ้าย”
มีผู้ใดสามารถคาดคิดได้บ้างว่าผู้ที่ควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ อย่างองค์จักรพรรดิหลิงจิว กลับพลาดท่าเสียทีให้แก่เด็กสาวผู้มา จากดินแดนอันไกลโพ้นผู้หนึ่ง?
แต่ยังมีปริศนาอีกหลายข้อที่เขาไม่อยากทาความเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าควบคุมไฟอมตะได้อย่างไร?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวถามด้วยความปวดร ้าว
หลิงเฉินตอบด้วยเสียงเรียบว่า “นับจากประตูวิหารสู่เปลวไฟ อมตะ นับจากทางเดินทองคาจรดประตูโลหะบานแรก ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็ นเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุที่สามารถอ่านจิตใจของมนุษย์ได้ และวิหารหลังนี้จะเชื่อฟังท่านก็ต่อเมื่อท่านหลั่งเหงื่อเสียเลือดเนื้อ ให้แก่มันเท่านั้น นี่เป็ นวิธีเดียวที่ท่านจะสามารถควบคุมไฟอมตะ”
“นี่คือข้อความบรรทัดแรกในบทบันทึกของบรรพบุรุษผู้แปรธาตุ และเป็ นสิ่งที่ผู้แปรธาตุทุกคนย่อมรู ้ดี เจ้าจงอธิบายมา…”
องค์จักรพรรดิก าลังจะตอบโต้กลับไปโดยไม่รู ้ตัว
แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค ตัวคนก็สะดุ้งเฮือกราวกับถูกสายฟ้ า ฟาด
เพราะว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวเข้าใจแล้ว
การหลั่งเหงื่อเสียเลือดเนื้อให้แก่วิหารแห่งผู้แปรธาตุนั้นมี ความหมายว่าอย่างไรกันแน่?
บัดนี้ องค์จักรพรรดิหลิงจิวทราบแล้วว่าเพราะเหตุใดยามที่หลิง เฉินเปิดประตูแต่ละบาน นางถึงต้องยอมสูญเสียเลือดมากมายขนาด นั้น
การยอมหลั่งเหงื่อเสียเลือดเนื้อให้แก่วิหารหลังนี้ คือวิธีเดียว เท่านั้นในการควบคุมไฟอมตะ
วิธีเดียวที่จะควบคุมไฟอมตะได้ก็ก็คือการหลั่งเหงื่อและหลั่งเลือด ลงบนประตูของวิหาร
นับตั้งแต่ประตูบานแรกเปิดออก หลิงเฉินก็สามารถควบคุมไฟ อมตะได้แล้ว
นางสามารถควบคุมวิหารหลังนี้ได้ตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วนางมัวท าอะไรอยู่?
หลิงเฉินแสร ้งเล่นละครต่อไป รอคอยจนเปิดประตูบานสุดท้ายได้ ส าเร็จ
องค์จักรพรรดิหลิงจิวเกือบจะเป็ นลมด้วยความตกตะลึงสุดขีด
นี่ไม่ใช่การแสดงละครอีกต่อไป!
แต่เป็ นการหยามเกียรติสติปัญญาของเขาโดยตรงต่างหาก!!!
“เพราะเหตุใด?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวร ้องถาม “เจ้ารู ้เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ อย่างไร?”
ในฐานะนักแปรธาตุอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร องค์จักรพรรดิห ลิงจิวคือผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เขารู ้ความลับที่คนอื่นไม่รู ้ เขามี ประสบการณ์ผ่านชีวิตมาอย่างยาวนานหลายร ้อยปี แต่ก็ยังไม่ทราบ ความลับของวิหารแห่งผู้แปรธาตุ แล้วหลิงเฉินสามารถรู ้คาตอบที่ ถูกต้องได้อย่างไร?