เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2025 ของขวัญชิ้นใหญ่
ตอนที่ 2,025 ของขวัญชิ้นใหญ่
ณ อาณาเขตสนธยา
หลินเป่ยเฉินจ้องไปที่ราชันปริศนาไร้นามพร้อมกับยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยสินะว่าข้าจะมีความสามารถถึงเพียงนี้”
หลินเป่ยเฉินยกมือเท้าเอวและเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ
อาณาเขตสนธยาคือหนึ่งในไพ่เด็ดของหลินเป่ยเฉิน
นอกจากที่นี่จะทำให้ศัตรูมีพลังการโจมตีลดลงแล้ว หลินเป่ยเฉินยังสามารถดูดซับพลังได้จากรอบกายอีกด้วย
เป็นภัยต่อผู้อื่น แต่เป็นมิตรต่อตนเอง
ราชันปริศนาไร้นามมีแสงสีเงินปกคลุมทั่วตัว ทำให้คู่ต่อสู้มองไม่เห็นอารมณ์ของเขาในตอนนี้
“อาณาเขตมนตราอย่างนั้นหรือ?”
ในที่สุด ราชันปริศนาไร้นามก็กล่าวออกมา “สรุปว่าเจ้าคือหลินเป่ยเฉินสินะ”
“อ้าว?”
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?”
ราชันปริศนาไร้นามตอบเสียงเรียบว่า “ข้ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ที่เป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ทะเลทราย เจ้าคือหนึ่งในผู้ร้ายอันดับหนึ่งของพวกเรา ความจริงเจ้าไม่มีค่าให้ข้ามาเสวนาด้วยซ้ำ แต่อาณาเขตมนตราของเจ้าน่าสนใจมาก ข้าจะยอมเล่นสนุกกับเจ้าก็ได้”
“ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกมนุษย์ทะเลทรายนี่เอง”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ก็ฟังดูมีเหตุมีผลอยู่
เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเป็นพวกที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แล้วการประลองเพื่อคัดเลือกราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรเกิงจินซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ในเส้นทางดาราจักร พวกมันจะไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้อย่างไร?
เพียงแต่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าเผ่ามนุษย์ทะเลทรายจะยอมส่งยอดฝีมือสุดแข็งแกร่งมาร่วมประลองเช่นนี้
“ลูกศิษย์ของข้าสองคนตายด้วยน้ำมือของเจ้า”
ราชันปริศนาไร้นามกล่าวต่อไป “และเป็นเพราะเจ้าเพียงผู้เดียว เผ่ามนุษย์ทะเลทรายจึงได้รับเสียหายมากที่สุดในรอบร้อยปี แต่หากวันนี้ข้าได้ร่างกายและเลือดเนื้อของเจ้ากลับไป ความเสียหายเหล่านั้นก็ไม่นับว่าเป็นอันใด เผ่ามนุษย์ทะเลทรายทำการทดลองเกี่ยวกับผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์มาหลายพันปีแล้ว คำตอบที่พวกเรามองหาอยู่ในร่างกายของเจ้า หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่รู้หรอกว่าการที่เจ้าพาข้าเข้ามาสู่อาณาเขตมนตราของเจ้านั้น เจ้าทำให้ตนเองต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากซะแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอก่อนจะสวนกลับไปว่า “เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้หรือ? ไม่รู้เสียแล้วว่าผู้ใดกำลังรอคอยเจ้าอยู่”
หลินเป่ยเฉินโบกสะบัดมือ
แล้วร่างแยกทั้งสองตัวก็ปรากฏกายขึ้น
ราชาหินดำ
มือกระบี่เมินฟ้า
ตัวหนึ่งยืนอยู่ข้างซ้าย อีกตัวยืนอยู่ข้างขวา ทั้งสองตัวกำลังปลดปล่อยพลังกดดันคุกคามออกมาอย่างแรงกล้า
“คงตกตะลึงจนพูดไม่ออกเลยสินะ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ “ข้าจะให้เจ้าได้มีโอกาสเลือก จะสู้ตัวต่อตัวหรือจะสู้แบบกลุ่ม จงบอกมา”
สู้ตัวต่อตัวหมายความว่า ราชันปริศนาไร้นามจะได้สู้กับพวกเขาทั้งสามทีละคน
สู้แบบกลุ่มหมายความว่าจะสู้แบบสามรุมหนึ่ง
ราชันปริศนาไร้นามส่งเสียงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน “เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คิดหรือว่าอาศัยเพียงอาณาเขตมนตราและร่างแยกอีกไม่กี่ร่างของเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้?”
“โฮะ ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเสยผมไปทางด้านหลังพร้อมกับกล่าวว่า “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะข้าได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่เอาไว้ให้กับเจ้า… พี่หวังที่เคารพรักขอรับ พี่หวังที่ข้ารักเสมือนบิดาตลอดมา ได้โปรดปรากฏตัวออกมาด้วยเถิด”
ความเงียบปกคลุมในบรรยากาศ
หวังจงไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
“พี่หวัง?”
หลินเป่ยเฉินเรียกเสียงดังกว่าเดิม
ไม่มีการตอบรับ
“ลุงหวังขอรับ”
หลินเป่ยเฉินร้องเรียกจนเกือบจะเป็นตะโกน
ยังคงนิ่งเงียบ
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
“ให้ตายสิ…”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกมึนงงแบบตั้งตัวไม่ถูก
ไม่ได้นัดกันไว้แบบนี้นี่นา?
ทำไมหวังจงถึงไม่ปรากฏตัวออกมาตามเสียงเรียกนะ
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว”
ตอนแรก สีหน้าของราชันปริศนาไร้นามก็เคร่งเครียดไม่น้อย แต่เมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดปรากฏตัวออกมา เขาก็หัวเราะเยาะและกำลังจะลงมือโจมตี
หลินเป่ยเฉินมองไปทางซ้ายและมองไปทางขวาพร้อมกับตะโกนเรียก “ท่านลุงหวังจง?”
รีบ ๆ ออกมาได้แล้ว
หากหวังจงไม่ออกมาตอนนี้ เขาต้องแย่แน่
ไหนหวังจงบอกว่ารักเขาเหมือนลูกในไส้ไงล่ะ ทำไมในเวลาเช่นนี้ หวังจงถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?
แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีวี่แววของหวังจงอยู่ดี
หลินเป่ยเฉินถึงกับหมดความอดทนในที่สุด “หวังจง เจ้าสุนัขโสโครกต่ำช้า มัวไปตายอยู่ที่ใด? ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก...”
เสียงคำรามยังไม่ทันขาดหาย
“อุ๊ย บ่าวมาแล้วขอรับนายน้อย”
เสียงประจบประแจงที่คุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างที่เป็นประกายระยิบระยับในอากาศ
แล้วชายชราร่างอ้วนเตี้ยผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉิน
“ทำไมเพิ่งมาเอาตอนนี้?”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความโกรธเคือง “ข้าตะโกนเรียกเจ้าอยู่ตั้งนาน ไม่ได้ยินหรือไง?”
หวังจงมีสีหน้าสลดลงทันที “กราบเรียนนายน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมานายน้อยเรียกบ่าวว่าสุนัขเฒ่าแซ่หวัง นายน้อยไม่เคยเรียกบ่าวดี ๆ เลย พอได้ยินนายน้อยตะโกนเรียกบ่าวด้วยถ้อยคำสุภาพเช่นนั้น บ่าวจึงหลงเข้าใจว่านายน้อยตะโกนเรียกผู้อื่นขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
เป็นเพราะเหตุนี้เองหรือ?
เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าตะโกนเรียกด้วยถ้อยคำที่สุภาพมากเกินไป
เมื่อราชันปริศนาไร้นามเห็นหน้าหวังจง หัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ชายชราร่างอ้วนผู้นี้มีพลังปราณอ่อนด้อย ซึ่งดูไม่ต่างจากคนธรรมดาที่พร้อมคุกเข่าขอยอมแพ้ต่อยอดฝีมือได้ทุกเมื่อ สุดท้าย ราชันปริศนาไร้นามก็หัวเราะเยาะออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกขบขันเหลือเกิน
แค่นี้เองหรือ?
นี่หรือคือไพ่เด็ดในมือของหลินเป่ยเฉิน?
ราชันปริศนาไร้นามขี้เกียจกล่าววาจาเหลวไหลอีกต่อไปแล้ว เขายกมือขึ้นรวบรวมพลังปราณสีเงิน เตรียมพร้อมที่จะยิงออกมาจากฝ่ามือ
หลินเป่ยเฉินเห็นเช่นนั้นก็รีบกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังพร้อมกับตะโกนว่า “พี่หวังจัดการมันเลยขอรับ”
หวังจงไม่ขยับเขยื้อน
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
ผิดแล้ว
เขาใช้คำพูดผิดอีกแล้ว
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินตบหลังศีรษะของหวังจงเสียงดังสนั่นพร้อมกับคำรามว่า “เจ้าสุนัขไร้ค่า รีบออกไปฆ่ามันได้แล้ว”
“รับทราบขอรับ”
หวังจงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ราชันปริศนาไร้นาม “เจ้าหนู เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งนักหรือ? ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าจะทำให้เจ้ายอมคุกเข่าร้องขอความ…”
ตู้ม!
ลำแสงสีเงินถูกยิงออกมา
ราชันปริศนาไร้นามลงมือโจมตีแล้ว