เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2023 ข้าเคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนที่ 2,023 ข้าเคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่
“บทเพลงนี้มีนามว่าอันใด?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอดถามออกมาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินหยุดร้องเพลงและตอบว่า “น้ำตาตกกลางฝุ่นสีแดง”
“นับเป็นชื่อที่ประเสริฐนัก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งเสียงครางในลำคออย่างคนที่หลงใหลในศิลปะ “ไม่สิ บทเพลงนี้เศร้าเกินไป ข้าอยากฟังเพลงที่มีความสุขสักหน่อย เปลี่ยนเพลงใหม่เถอะ”
“แหม ท่านมองหาได้ถูกคนแล้ว สมัยก่อนข้านี่แหละถูกเพื่อน ๆ เรียกขานว่าเป็นตู้เพลงคาราโอเกะเคลื่อนที่…” หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยความลืมตัว
“หืม?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถามด้วยความไม่เข้าใจ
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “อะแฮ่ม… ร้องเพลงขอรับ ร้องเพลง”
เขากระแอมไอและร้องเพลงใหม่ “เธอช่างดูสวยงามเวลาเธอยิ้ม ราวกับดอกไม้เบ่งบาน...”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ้มกว้าง แต่เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “เนื้อหาตรงไปตรงมามากเกินไป ข้าอยากฟังเพลงที่มีความเป็นกวีต้องตีความมากกว่านี้…”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญใจแต่อย่างใด เขานิ่งใช้เวลาคิดเล็กน้อย ก่อนจะร้องเพลงใหม่อีกครั้ง
“แสงเทียนสั่นไหวกลางราตรี สายลมโชยพัดสุขฤดี กาลเวลาผันผ่านในชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวนานนับปี ไม่รู้ว่าจะมีวันที่ฉันได้กอดเธออีกหรือไม่…”
เสียงร้องอ่อนหวาน ท่วงทำนองไพเราะ
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถือโทรศัพท์รับฟังอย่างมีความสุข
เมื่อหลินเป่ยเฉินร้องจบ นางก็พูดต่อ “เอาเพลงใหม่”
“ฝันไปเถอะ” หลินเป่ยเฉินเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ข้าไม่ใช่ตู้เพลงคาราโอเกะส่วนตัวของท่านนะ… ไม่ร้องแล้ว เก็บเอาไว้ฟังครั้งหน้าแล้วกัน”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิดใจ “เจ้าเป็นอะไรของเจ้า?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะชะงักไปและกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อนนะ ต้องเป็นข้าที่ถามท่านไม่ใช่หรือ? ท่านมาขัดขวางพวกเรา อีกทั้งยังเกือบจะฆ่าพวกของศิษย์พี่ฮัน แล้วยังมีหน้ามาขอให้ข้าร้องเพลงให้ท่านฟังอีกหรือ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ถึงกับหยุดชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน “ถ้าใช่ แล้วจะทำไม?”
“ข้าก็แค่ถามว่าท่านทำไปเพื่ออะไร?”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความไม่พอใจ “ถึงอย่างไรก็คนกันเองแท้ ๆ”
“ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ขอวางก่อนนะ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเตรียมตัวจะกดวางสาย การโทรหาเขาในวันนี้ทำให้นางมีความสุขเหลือเกิน
“เดี๋ยวก่อนสิ”
หลินเป่ยเฉินรีบส่งเสียงเรียก “ยังมีเรื่องสำคัญอีกประการที่ข้าอยากสอบถามท่าน”
“เรื่องอะไร?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถาม
“ขอข้าคิดดูก่อนนะ…” หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น หลังจากนั้นอีกอึดใจใหญ่ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จนต้องรีบถามว่า “ไม่ทราบว่าแม่ทัพโจวเป็นอย่างไรบ้าง? เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาใจดีต่อข้ามากเลยนะ อย่างไรก็อย่าเอาให้ถึงตายแล้วกัน”
ขอโทษทีนะแม่ทัพโจว ท่านไม่ใช่พี่น้องหรือเพื่อนสนิทของข้า ข้าเลยเพิ่งนึกถึงท่านได้เอาตอนนี้เอง
อย่าโทษว่าข้าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ ไปโทษเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเถอะที่นางเสน่ห์แรงมากเกินไป
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบว่า “เขายังมีชีวิตอยู่ บัดนี้กำลังสร้างรังไหมทองคำห่อหุ้มฐานปีศาจของข้าอยู่ คงยังไม่ตายในเร็ว ๆ นี้หรอก... เจ้าควรเป็นห่วงข้ามากกว่า แม่ทัพโจวของเจ้ามีตัวตนที่แท้จริงคือบรรพบุรุษแห่งผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน แม้จะยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บดี แต่ก็มีพลังน่ากลัวยิ่งนัก… หากปล่อยให้ล่วงเลยไปนานมากกว่านี้ เขาคงฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้สมบูรณ์แล้ว”
“อ้อ ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เอง”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “มิน่าล่ะ ท่านถึงไม่ยอมปล่อยตัวเขากลับมา”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบด้วยความขุ่นเคืองใจว่า “ไม่ยอมมารดาเจ้าเถอะ เป็นเขาไม่ยอมกลับไปเองต่างหาก ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากปล่อยกลับไป หากแม่ทัพโจวของเจ้าต้องการจะกลับไปหาเจ้าตอนนี้ ข้าจะจัดวงมโหรีเลี้ยงส่งเขาเสียด้วยซ้ำ”
“ขนาดนั้นเชียว?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย “งั้นท่านรับปากได้หรือไม่ว่าในช่วงนี้กองทัพปีศาจจะไม่โจมตีอาณาจักรเทียนอวี่? โปรดบอกมาตามความเป็นจริง อย่าได้โกหกข้าเด็ดขาด”
“บัดซบที่สุด ข้าเองก็ต้องทำเพื่อเผ่าพันธุ์ของข้าไม่ใช่หรือ? แต่ช่างเถอะ ถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้า ในช่วงนี้กองทัพปีศาจจะยังไม่บุกโจมตีอาณาจักรเทียนอวี่…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ นางก็หยุดชะงักและถามว่า “ช้าก่อน นี่เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ? ข้าเคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ถามว่าท่านไม่เคยโกหกข้าเมื่อไหร่ดีกว่ากระมัง?”
หลินเป่ยเฉินถามกลับไป
“เอ่อ…” เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้สึกผิดขึ้นมาในทันใด ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วว่า “ได้ยินมาว่าเจ้าเข้าร่วมการประลองในอาณาจักรเกิงจินด้วยหรือ?”
หลินเป่ยเฉินรีบตอบรับทันทีว่า “ฮัลโหล? ฮัลโหล? ท่านพูดว่าอะไรนะ? ข้าฟังไม่ได้ยินเลย… สัญญาณไม่ดี… ไม่เป็นไร ข้าขอวางสายก่อนแล้วกัน”
ติ๊ด!
หลินเป่ยเฉินกดวางสายอย่างไม่รอช้า
ผู้ใดคาบข่าวไปบอกนางกันนะว่าเขากำลังเข้าร่วมการประลองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งราชบุตรเขยของอาณาจักรเกิงจิน?
ขอนึกก่อน
อ้อ ดูเหมือนข่าวจะรั่วไหลจากตัวเขานี่เอง
หลินเป่ยเฉินรีบกดลบโมเมนต์ในแอปวีแชตที่เพิ่งโพสต์ไปเมื่อสักครู่ทิ้งไปทันที
ดูเหมือนหลังจากนี้ เขาคงต้องกดบล็อกเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงซะแล้วสิ
หลังจากนั่งรวบรวมสมาธิอยู่พักใหญ่ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่าศิษย์พี่ฮันกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงคงยังไม่เริ่มประกาศสงครามกันเร็ว ๆ นี้
นั่นหมายความว่าเขายังมีโอกาสที่จะยุติสงคราม หลีกเลี่ยงการนองเลือด และทำให้ทั้งสองฝ่ายหันมาเจรจากันดี ๆ ก็เป็นได้
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็กดโทรไปหาฮันปู้ฟู่และบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง “ศิษย์พี่วางใจเถอะ แม่ทัพโจวยังคงปลอดภัยดี… อย่างน้อยก็ในขณะนี้ พวกเรามาหาทางยุติสงครามกันก่อนดีกว่า ศัตรูสำคัญของเราในขณะนี้คือเผ่ามนุษย์ทะเลทรายต่างหาก”
ฮันปู้ฟู่ถึงกับพูดไม่ออกกับความเป็นจริงข้อนี้อยู่นานสองนาน
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ถึงข้าจะคิดไม่ถึง แต่ดูเหมือนเจ้าจะพบวิธีแก้ปัญหาแล้วจริง ๆ ประเสริฐ ข้าจะรับฟังเจ้า”
หลินเป่ยเฉินประหลาดใจกับปฏิกิริยาตอบรับของฮันปู้ฟู่ไม่ใช่น้อยจนต้องถามว่า “หืม? ศิษย์พี่ไม่โกรธข้าหรือที่คบค้าสมาคมกับพวกปีศาจ? ท่านไม่คิดว่าข้าจะเป็นผู้ทรยศบ้างหรือไง?”
ฮันปู้ฟู่ตอบโดยไม่ลังเลใจว่า “มนุษย์กับปีศาจคบค้าสมาคมกันมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ข้ามีนายทหารมากมาย แต่มีเจ้าเป็นน้องชายเพียงคนเดียว หากสูญเสียเจ้าไป นั่นก็หมายความว่าข้าได้สูญเสียสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตไปแล้ว”