เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2015 คัดเลือกยอดขุนพล
ตอนที่ 2,015 คัดเลือกยอดขุนพล
“นี่คือคลื่นพลังเวทอย่างนั้นหรือ?”
เฉียนเหมย หวังซินอวี่ มี่หรู่หยาน คังซานเสว่ เยว่เว่ยหยางและคนอื่น ๆ ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ สายตาจ้องมองไปยังคลื่นพลังที่แผ่ออกมาเป็นระลอกจากขอบฟ้าไกล และยิ่งเรือเหาะของพวกนางลอยเข้าไปใกล้คลื่นพลังเหล่านั้นมากเท่าไหร่ ทุกคนก็จะสัมผัสถึงกลิ่นอายปีศาจและได้ยินเสียงคำรามน่าขนลุกอย่างชัดเจน
ดาวเคราะห์ร้างที่เคยเป็นดาวเคราะห์แห่งการขุดเหมือง บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยม่านพลังสีม่วงเข้ม
“สวยจังเลย”
คังซานเสว่พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ช่างมีสีสันที่งดงามยิ่งนัก”
มี่หรู่หยานก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
“สวยงามแต่เป็นอันตราย”
ความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนสีหน้าของหวังซินอวี่
เยว่เว่ยหยางไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เพราะว่านางสัมผัสได้ว่าในดาวเคราะห์ร้างดวงนี้มีสิ่งที่น่ากลัวมากยิ่งกว่าพลังปราณปีศาจเหล่านี้เสียอีก
เฉียนเหมยก็ไม่พูดอะไรออกมาเช่นกัน
นางเพียงอยากสังหารปีศาจเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น
“นี่เป็นพลังปราณที่แผ่ออกมาจากตัวของพวกปีศาจ”
สุยหลิวกวง ผู้เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพของกองทัพเซียนกระบี่จ้องมองคลื่นพลังเหล่านั้นพลางย้ำเตือนว่า “และพลังปราณที่รุนแรงเช่นนี้ หากมนุษย์ถูกคลื่นพลังเหล่านี้แทรกซึม ก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนร่างกลายเป็นปีศาจได้ในพริบตาเดียว”
บรรดาขุนพลจากกองทัพเซียนกระบี่ที่มีความรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเพียงเล็กน้อยรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาในทันใด
ภาพตรงหน้าทุกคนมีความสวยงาม แต่ในความเป็นจริงนั้น มันคือความสวยงามที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและอันตราย
สำหรับผู้มีขั้นพลังต่ำกว่าจอมเทพจักรา หากเข้าสู่เขตแดนที่มีม่านพลังปีศาจปกคลุม พวกเขาก็จะถูกพลังปราณปีศาจแทรกซึม ส่งผลให้เสียสติและกลายร่างเป็นปีศาจไปโดยทันที
และผู้ที่เป็นปีศาจเพราะถูกพลังปราณแทรกซึมนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ มีสติปัญญาโง่เขลาและมีค่าเป็นได้เพียงหน่วยพลีชีพในกองทัพปีศาจเท่านั้น
บัดนี้ ดาวเคราะห์ร้างทั้งดวงถูกปกคลุมด้วยพลังปราณปีศาจ หมายความว่ากองทัพเซียนกระบี่เกือบทั้งหมดแทบจะไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้เลย เพราะขุมกำลังของพวกเขามีผู้ที่บรรลุขั้นจอมเทพจักราอยู่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
ห่างออกไปไม่ไกล
บนเรือเหาะใหญ่อีกลำหนึ่ง เมื่อเห็นพลังปราณปีศาจที่ปกคลุมดาวเคราะห์ทั้งดวง ฮันปู้ฟู่ก็เคร่งเครียดขึ้นมา
คลื่นพลังปราณปีศาจมีความหนาแน่นมากกว่าที่เขาคิด
เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ดาวเคราะห์ดวงนี้ก็กลายเป็นฐานบัญชาการปีศาจโดยสมบูรณ์
ฮันปู้ฟู่ตระหนักชัดว่าตนเองไม่มีทางทวงคืนดาวดวงนี้กลับมาได้อีก
เนื่องจากบัดนี้ดาวเคราะห์ทั้งดวงถูกปกคลุมด้วยพลังปราณปีศาจอย่างเข้มข้น หากเขาอยากจะทวงคืนดาวเคราะห์กลับคืนมา ฮันปู้ฟู่ก็จำเป็นต้องสลายพลังปราณปีศาจเหล่านั้นให้ได้ก่อน จากนั้นจึงค่อยฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ปลูกต้นไม้ ปูถนน ขจัดปราณปีศาจที่เหลืออยู่ให้สิ้นซาก เพื่อที่สภาพแวดล้อมจะได้เหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอีกครั้ง
ซึ่งนั่นคงเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน
สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ในขณะนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการบุกเข้าไปในฐานบัญชาการปีศาจ กำจัดต้นกำเนิดพลังปราณปีศาจเหล่านี้ทิ้งไป เพื่อไม่ให้พลังปราณปีศาจรุกรานไปถึงดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ
ฮันซางเซียงถอนสายตากลับมาจากเรือเหาะของบรรดาเด็กสาวหน้าตางดงามเหล่านั้น
จากข้อมูลที่นางได้รับทราบมา เด็กสาวเหล่านั้นต่างก็เป็นคนสนิทของหลินเป่ยเฉิน หลายคนยินดีสละชีวิตเพื่อเขาได้โดยไม่ลังเล
เด็กสาวแต่ละคนมีบุคลิกแตกต่างกันไป
นับว่าหลินเป่ยเฉินมีเสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ
“กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ พวกเราควรรวบรวมกำลังพลกลุ่มหนึ่งและบุกเข้าไปที่ฐานบัญชาการปีศาจเพื่อกำจัดต้นตอของพลังปราณปีศาจเหล่านี้ขอรับ”
ฮันซางเซียงสลัดความคิดฟุ้งซ่านและกลับมามีสมาธิอยู่ที่สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็กล่าวต่อไปว่า “จากข้อมูลที่ข้าน้อยได้รับทราบมา ต้นกำเนิดของคลื่นพลังเหล่านี้มาจากเหมืองใต้ดินแห่งหนึ่ง ข้าน้อยจะนำกำลังพลบุกไปที่นั่นเอง”
ฮันปู้ฟู่รีบส่ายศีรษะปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
สีหน้าของเขายิ่งเคร่งเครียดจริงจังมากขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ภารกิจครั้งนี้ ข้าจะลงมือด้วยตนเอง… แม่ทัพฮัน เจ้ารออยู่ข้างนอกและคอยสั่งงานทุกคนจากที่นี่ หากมีพวกปีศาจหลบหนีออกมาก็จัดการเก็บกวาดให้ดี อย่าปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปที่ดาวดวงอื่นได้”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ แต่ว่าข้าน้อย…”
“นี่คือคำสั่ง”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
ในที่สุด ฮันซางเซียงก็ยอมรับคำสั่งแต่โดยดี
ฮันปู้ฟู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาคัดเลือกขุนพลฝีมือดีจำนวนหนึ่ง เพื่อทำภารกิจบุกเข้าสู่ฐานบัญชาการปีศาจ
จังหวะนั้น โจวเทียนอวิ๋น ท่านแม่ทัพแห่งกองทัพเซียนกระบี่ก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี และเขาก็อาสาจะนำขุนพลคนสนิทติดตามไปด้วย
ฮันปู้ฟู่รีบปรามอย่างรวดเร็ว “พลังปราณปีศาจเหล่านี้มีความเข้มข้นมาก อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ทุกเมื่อ สถานการณ์ย่ำแย่กว่าที่คิด กองทัพเซียนกระบี่ของท่านคอยรักษาการณ์อยู่ด้านนอกนี่เถอะ หน้าที่ของพวกท่านคือช่วยเหลือแม่ทัพฮัน คอยเก็บกวาดปีศาจที่พยายามหลบหนีออกมา”
โจวเทียนอวิ๋นกล่าวว่า “กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าได้นำตัวขุนพลระดับสูงของกองทัพเซียนกระบี่มาด้วย ทุกคนมีความสามารถต้านทานพลังปราณปีศาจได้อย่างแน่นอน นี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดให้โอกาสพวกเราได้แสดงฝีมือด้วยเถอะ”
โจวเทียนอวิ๋นมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
ฮันปู้ฟู่นิ่งคิดเล็กน้อย แต่ก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธอยู่ดี
โจวเทียนอวิ๋นถอนหายใจก่อนกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนี้ กองทัพเซียนกระบี่ก็คงต้องลงมือด้วยตนเอง”
“ท่าน… นี่ท่านกำลังขัดขืนคำสั่ง”
สีหน้าของฮันซางเซียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงก็แข็งกระด้างมากขึ้น
ในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉิน ไม่เคยมีผู้ใดกล้าขัดขืนคำสั่งของฮันปู้ฟู่มาก่อน
โจวเทียนอวิ๋นกล่าวเสียงเรียบว่า “กองทัพเซียนกระบี่ไม่ได้ทำงานภายใต้คำสั่งของพวกท่าน”
ฮันปู้ฟู่และฮันซางเซียงต่างก็จ้องมองไปที่โจวเทียนอวิ๋นด้วยความประหลาดใจ
ในบรรดาสมาชิกกองทัพเซียนกระบี่ หลินเป่ยเฉินเคยบอกให้ฮันปู้ฟู่ฟังว่าโจวเทียนอวิ๋นเป็นหนึ่งในขุนพลที่เขาเชื่อใจมากที่สุด และฮันปู้ฟู่ก็มีความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของหลินเป่ยเฉิน หลินเป่ยเฉินกล่าวว่าโจวเทียนอวิ๋นเป็นนายทหารที่มักจะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีข้อแม้เสมอ ขอเพียงเรื่องนั้นเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็พอ
แต่เหตุใดครั้งนี้โจวเทียนอวิ๋นจึงขัดขืนคำสั่ง?
หรือว่านี่จะเป็นคำสั่งจากหลินเป่ยเฉิน?
“ประเสริฐ หากเช่นนั้นแม่ทัพโจวก็เลือกยอดฝีมือมาห้าสิบคนและติดตามพวกข้าไปที่นั่นกัน”
ในที่สุดฮันปู้ฟู่ก็ตัดสินใจได้
ด้วยกำลังพลเพียงเท่านี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินใด ๆ ขึ้นมา ฮันปู้ฟู่ยังสามารถใช้วิชาท่องกาลเวลานำพาทุกคนหลบหนีออกมาได้เสมอ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน โจวเทียนอวิ๋นก็มาปรากฏตัวบนดาดฟ้าเรือเหาะอีกครั้งพร้อมด้วยบรรดายอดฝีมือที่เขาคัดเลือกมา ซึ่งทำให้ฮันปู้ฟู่ต้องยกมือกุมขมับเลยทีเดียว… นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยว่าหลินเป่ยเฉินอาจจะมองคนผิดไป
นี่หรือคือยอดฝีมือที่โจวเทียนอวิ๋นเลือกมา?
และเนื่องจากฮันปู้ฟู่มีรูปโฉมเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง อดีตเพื่อนร่วมสำนักศึกษากระบี่ที่สามอย่างมี่หรู่หยานและคนอื่น ๆ จึงจดจำเขาไม่ได้ ทุกคนต่างก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย แต่ในแววตาแสดงออกถึงความเคารพอยู่หลายส่วน
“พวกเราไปกันเถอะ”
ฮันปู้ฟู่พูดออกมาได้เพียงเท่านี้
ไม่นานหลังจากนั้น เรือเหาะเล็กลำหนึ่งก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศมุ่งหน้าเข้าสู่ม่านพลังปราณปีศาจต่อไป
เรือเหาะเล็กลำนี้นับเป็นยานพาหนะเล่นแร่แปรธาตุระดับ 62 ภายในตัวเรือบรรจุด้วยค่ายอาคมอยู่ถึงสามร้อยชนิดซึ่งช่วยป้องกันพลังปราณปีศาจได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นเรือเหาะวิเศษประจำกองทัพเป่ยเฉิน แม้จะไม่มีประโยชน์ในการโจมตีศัตรูสักเท่าไหร่ แต่ในเรื่องของความรวดเร็วและการป้องกันนั้น นับว่ามีความยอดเยี่ยมมากกว่าเรือเหาะชนิดอื่น ๆ ทั้งสิ้น…