เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 1510 คุณอย่าได้เป็นอะไรไปเลยนะ
บทที่1510 คุณอย่าได้เป็นอะไรไปเลยนะ
ดึกมากแล้ว
เด็กทั้งสองคนของตระกูลหานมีหลัวหุ้ยเหม่ยคอยดูแลอยู่ พอป้อนนมแล้ว เด็กทั้งสองคนก็นอนหลับอย่างว่าง่าย หลัวหุ้ยเหม่ยก็เลยโทรไปหาเสี่ยวเหยียน
อีกด้านของโทรศัพท์น้ำเสียงของเสี่ยวเหยียนเหมือนคนคัดจมูก แค่ฟังก็รู้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณแม่ หมอบอกว่าเขาได้รับการกระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย บาดแผลภายนอกนิดหน่อยเท่านั้น แค่พักผ่อนสักหน่อยก็หายค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อคุณหมอก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร งั้นเหยียนเหยียนก็อย่างกังวลไปเลย คืนนี้จะกลับมาพักผ่อนไหม เดี๋ยวให้คุณพ่อลูกไปรับ แล้วแม่ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่” เสี่ยวเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวในโรงพยาบาล ส่ายหัวไปพร้อมกับคุยโทรศัพท์ “หนูเฝ้าเองคนเดียวก็พอค่ะ คุณแม่ช่วยหนูดูแลลูกก็ลำบากพอแล้ว รีบพักผ่อนเถอะค่ะ”
หลังจากวางสายไป เสี่ยวเหยียนก็ปิดเปลือกตาแล้วเอนไปด้านหลังทีหนึ่งด้วยความเหนื่อย หานมู่จื่อรีบพยุงเธอเอาไว้ “ไม่เป็นไรใช่ไหม หรือไม่เธอกลับไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวคืนนี้ฉันกับโม่เซินอยู่เฝ้าเอง”
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เสี่ยวเหยียนก็โทรไปบอกมู่จื่อ ตอนนั้นมู่จื่อก็เลยรีบพาเย่โม่เซินมาที่นี่ทันที
หลังจากหานมู่จื่อพูดแล้ว เย่โม่เซินก็หันไปมองเสี่ยวเหยียนทีหนึ่ง “อืม ฉันกับเธอจะเฝ้าที่นี่เอง ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นหรอก”
“ขอบคุณพวกเธอมากนะ” เสี่ยวเหยียนพูดจบแต่ก็ยังส่ายหน้า “แต่ฉันอยากจะเฝ้ารอจนเขาตื่นขึ้นมา”
วันนี้ เสี่ยวเหยียนคงตื่นตกใจมาก
จนถึงตอนนี้ แผลที่เท้าของเธอก็ยังไม่ได้ไปจัดการ รอจนคุณหมอบอกคำหนึ่งว่าเขาไม่เป็นไร เธอถึงได้วางใจลงได้
“เธอจะอยู่เฝ้ารอเขาตื่นขึ้นมาก็ได้ พวกเราไม่ห้ามเธอหรอก แต่ว่าเธอต้องไปทำแผลที่ข้อเท้าให้เรียบร้อยก่อนสิ” หานมู่จื่อพูดเสนอ “ถ้าตอนนี้เธอไม่ไปจัดการ พอพี่ชายฉันตื่นขึ้นมา เห็นเธอในสภาพแบบนี้จะต้องยิ่งเป็นห่วงแน่ ถึงตอนนั้นตัวเขาเองก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ยังต้องมาเป็นห่วงเธออีก”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าที่เธอพูดก็มีเหตุผล “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปจัดการแผลที่เท้าก่อน”
จากนั้นหานมู่จื่อกับเย่โม่เซินก็พาเสี่ยวเหยียนไปจัดการบาดแผลที่ข้อเท้า พอจัดการเสร็จแล้วก็พาเธอกลับมาส่ง
เย่โม่เซินมองดูหานมู่จื่อภรรยาตัวเองวุ่นวายเข้าๆออกๆ ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา เลยดึงเธอมาอีกทางแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉันเรียกคนขับรถมา อีกเดี๋ยวพอมาแล้วเธอก็นั่งรถกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขาเอง”
“ไม่ได้” หานมู่จื่อส่ายหน้าทันที “จะปล่อยให้คุณกับเสี่ยวเหยียนอยู่ด้วยกันสองคนได้ยังไง”
พอได้ยินแบบนั้น เย่โม่เซินก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “คำพูดนี้หมายความว่ายังไง หรือเธอคิดว่าฉันจะไปสนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธออีก ? หรือเธอคิดว่าฉันอยู่ที่นี่เพราะมีเหตุผลอะไรที่บอกใครไม่ได้กัน ?”
พอได้ยินคำนี้เข้า หานมู่จื่อก็เกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
“คุณกำลังพูดจาไร้สาระอะไรของคุณ” หานมู่จื่อสำลักเงียบๆพร้อมกับยื่นมือไปหยิกแขนเขาทีหนึ่ง “ในสมองกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่ให้คุณอยู่กับเธอแค่สองคนก็เพราะกลัวว่าเธอจะอึดอัด กลางค่ำกลางคืนคนอื่นเขาเฝ้าสามีตัวเองอยู่ คุณจะนั่งจ้องอยู่ข้างๆไปทำไม ยังไงให้ฉันเฝ้าเป็นเพื่อนเธอดีกว่า คุณกลับบ้านไปดูแลเสี่ยวโต้วหยาเถอะ”
“ไม่ได้” เย่โม่เซินรีบปฏิเสธความเห็นของเธอทันที “ปล่อยให้ภรรยาของตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งคืนแล้วฉันจะวางใจได้ยังไง ที่บ้านมีคนรับใช้ ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับลูกหรอก ฉันจะอยู่กับเธอเอง”
สุดท้ายทั้งสองคนก็อยู่ที่นี่ด้วยกัน เสี่ยวเหยียนเฝ้าอยู่ในห้องผู้ป่วย หานมู่จื่อกับเย่โม่เซินเฝ้าอยู่ด้านนอก พอตกดึกอากาศก็เริ่มเย็นลง เย่โม่เซินถอดเสื้อนอกที่สวมอยู่บนตัวออกมาสวมให้หานมู่จื่อ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
หานมู่จื่อหนาวจนริมฝีปากเริ่มซีด เย่โม่เซินรู้สึกปวดใจมาก เลยดุเธอเสียงเบา “รู้สึกแย่ขึ้นมาแล้วสินะ ก่อนหน้านี้บอกให้เธอกลับไปเธอก็ไม่ยอมกลับ ยังจะทนหนาวอยู่ที่นี่อีก เธอเข้าไปอยู่ด้านในกับเขาเถอะ ข้างในมีผ้าห่มกับเตียง เบียดกับเธอหน่อยน่าจะพอมีพื้นที่”
หานมู่จื่อเย็นจนใบหน้าเล็กๆเริ่มซีด แต่ยังคงจ้องเขาอยู่ “แล้วคุณล่ะ ถ้าฉันเข้าไป คุณก็ต้องอยู่คนเดียวสิ แบบนั้นก็ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายสิ”
“ทำไมล่ะ ฉันเป็นผู้ชายทั้งคน ยังจำเป็นให้เธอต้องมาห่วงอีกเหรอ ผู้ชายของเธอร่างกายแข็งแกร่ง อากาศเย็นแค่นี้จะทำอะไรฉันได้”
หานมู่จื่อกอดเอวเรียวของเขาไว้แน่น แล้วซุกหน้าเข้ากับอกเขา พูดพึมพำ “ฉันไม่อยากเข้าไป พวกเรากอดกันแน่นหน่อยก็คงไม่หนาวแล้ว”
กอดแน่นหน่อยอย่างนั้นหรือ ?
นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย แต่ว่ารอบตัวหนาวเย็น และโรงพยาบาลก็ไม่ใช่โรงแรมด้วย จะเปิดห้องผู้ป่วยนอนก็เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร อีกอย่างช่วงนี้ขาดแคลนห้องผู้ป่วย ที่นี่ก็ไม่เหลือห้องผู้ป่วยว่างอยู่แล้วจริงๆ
เย่โม่เซินก็คิดอยากให้เธออยู่กับตัวเองเหมือนกัน ทั้งสองคนกอดกันแน่นขึ้นอีก แต่ก็สงสารที่เธอต้องทนหนาว ดังนั้นสุดท้ายก็เลยไม่รับปาก
“กอดเกิดอะไรกัน รีบลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปนอนข้างใน เธอเข้าไป จะได้คืนเสื้อนอกมาให้ฉัน”
“คนขี้งก ที่แท้ก็เพื่อจะเอาเสื้อคืน ยังจะบอกว่าตัวเองร่างกายแข็งแกร่งอีก จอมโกหก!”
เย่โม่เซินไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก เพราะกลัวว่าหากเถียงอีกไม่กี่คำ เธอก็จะต้องทนหนาวอยู่ข้างนอกอีกหน่อย ก็เลยเอาเสื้อนอกกลับมา แล้วผลักหานมู่จื่อเข้าไปในห้องผู้ป่วย
“รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ”
พอหานมู่จื่อถูกผลักเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกปิดลง เสี่ยวเหยียนก็เงยหน้าขึ้น พอเห็นหานมู่จื่อเข้ามา ก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาข้างเธอ
“มู่จื่อ ทำไมพวกเธอยังอยู่ที่นี่อีก ?”
“เสี่ยวเหยียนจอมซื่อบื้อ กลางค่ำกลางคืนพวกเราจะวางใจให้ผู้หญิงอย่างเธออยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวได้ยังไง อีกอย่างหานชิงเป็นพี่ชายฉัน เซียวซู่เป็นน้องเขยเขา ดังนั้นพวกเราจะเฝ้าอยู่ที่นี่ก็สมเหตุสมผลแล้ว เธออย่าคิดมากเลย”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องมาลำบากกับฉันที่นี่นี่นา กลางค่ำกลางคืน ที่จริงฉันเฝ้าอยู่คนเดียวก็พอแล้ว”
“เอาเถอะไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราเปลี่ยนกันเฝ้าเถอะ ฉันขอนอนก่อนสักเดี๋ยว จากนั้นพอกลางดึกเธอค่อยนอนสักเดี๋ยว พวกเราสองคนเปลี่ยนเวรกัน โม่เซินอยู่ด้านนอกไม่มีทางเป็นอะไรหรอก”
หานมู่จื่อกำหนดทิศทางของเรื่องราวอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเหยียนเห็นเธอดื้อดึงขนาดนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
เสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยอย่างหนักใจ จ้องมองใบหน้าขาวซีดของหานชิง ก็รู้สึกแน่นอกขึ้นมา
อยู่ดีๆทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ เป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนหรือ ดังนั้นถึงได้เกิดเรื่องขณะขับรถแบบนี้
โชคดีที่ถูกกระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย ถ้าหากหนักกว่านี้ เสี่ยวเหยียนกับลูกน้อยทั้งสองคนคงไม่รู้จะไปร้องไห้ที่ไหนแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นการกระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เสี่ยวเหยียนตกใจจนวิญญาณหายไปสามส่วนหกส่วนแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอตื่นตระหนกมาก จนถึงตอนนี้พอได้มองใบหน้ายามหลับของหานชิง หายใจเป็นจังหวะ เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองใจสงบลงได้
“คุณห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาดเลยนะ” ประโยคนี้เสี่ยวเหยียนพูดอยู่ในใจ มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน
วันที่สอง
ตอนที่หานชิงฟื้นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
หานมู่จื่อกลับไปพักผ่อน จากนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยก็ทำอาหารมาส่งที่โรงพยาบาล
แล้วนั่งคุยเสียงเบากับเสี่ยวเหยียนในห้องผู้ป่วย
“ช่วงนี้เหนื่อยไปหน่อยสินะ ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆทำไมถึงขับไปชนราวกั้นได้ แม่ก็บอกแล้วว่าให้แม่ช่วยพวกเธอเลี้ยงลูก คนหนุ่มอย่างพวกเธอก็ไม่ยอมฟัง ตอนนี้เป็นยังไง พอเกิดเรื่องขึ้นก็เสียใจขึ้นมาแล้วสิ ตอนกลางวันต้องทำงานกลางคืนยังต้องดูแลลูกอีก ถึงจะเป็นหุ่นยนต์ก็ยังจำเป็นต้องพักผ่อนเลย”