เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 665 หลูอันโดนฟ้อง
บทที่ 665 หลูอันโดนฟ้อง
แค่พริบตาก็ผ่านไปอีกวันหนึ่งแล้ว
ทั้งที่ทางทิศใต้ของเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ร้านรวงคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทางทิศเหนือกลับมีบ้านหลังคาเตี้ยๆ ทอดต่อเป็นเป็นแถวยาว ที่ด้านเหนือของเมืองมีถนนสายหนึ่ง ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นเต็มไปด้วยขี้โคลน บริเวณเปลี่ยวร้างมีกลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งอยู่ในอากาศ เป็นสถานที่คนยากไร้ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปวันๆ หลู่ซานเดินลากขาพิการถือถังเปล่าเดินไปในทิศนั้น
เมื่อเดินผ่านแผงขายขนม เขาซื้อขนมอบงาด้วยเหรียญทองแดงสามเหรียญ เขาวางลงในอ้อมแขนตัวเอง
ในขณะที่เดินก็อดไม่ได้ที่จะลอบดมกลิ่นของมัน หลังจากที่เขากลับถึงบ้าน เขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน ห้องนั้นเป็นห้องแคบๆ มีเพียงโต๊ะ เตียงและเก้าอี้ บนผนังมีดาบแขวนเอาไว้ หลู่ซานมองดาบที่แขวนบนผนัง นั่นคือความทรงจำที่ยาวนานนับสิบปีของเขา ดาบถูกตีขึ้นมาโดยช่างเหล็ก มีลักษณะคล้ายกับดาบที่เขาใช้ในสนามรบเป็นอย่างมาก
หลู่ซานเดินไปที่ดาบเล่มนั้น เขาลูบคลำมันและตกอยู่ในภวังค์
เขาหลับตาลงคิดถึงเรื่องราวในสมัยที่เขาออกไปสู้รบ ภาพสาวงามที่มาส่งเขาที่หน้าประตูยามที่เขาเข้าร่วมกับกองทัพ เขายังจำวันนั้นได้ดี เขาถอยหลังสองสามก้าวจากนั้นจึงเข้าไปอุ้มนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
“ข้าจะสร้างผลงานให้มีชื่อเสียง เจ้าจะกลายเป็นฮูหยินของขุนนางใหญ่”
เขากล่าวอย่างมั่นใจ เต็มไปด้วยความฮึกเหิม ต่อมาเมื่อเขาเข้าร่วมในสนามรบ เขาได้รับคำชมเรื่องความกล้าหาญมาตลอด สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เลื่อนยศเป็นรองแม่ทัพของแม่ทัพหลู
ในสมรภูมิอี้เป่ยนั้น เดิมทีหลู่ซานนำกองทหารไปสำรวจได้แค่ครึ่งทางก็ถูกศัตรูโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังยกทัพเข้าไปอีก เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและโหดร้ายยิ่งนัก กำลังพลห้าพันนายที่มากับเขาไม่มีใครรอดชีวิตสักคนยกเว้นตัวของเขาเอง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เอาชนะศัตรูทั้งสามหมื่นนายได้ และการต่อสู้ในครั้งนั้นเป็นการวางรากฐานที่สำคัญเพื่อเอาชนะแคว้นฉู่ในภายหลังได้อีกด้วย
ในฐานะวีรบุรุษอันดับหนึ่ง หลู่ซานจะต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง หลูอันจัดงานเลี้ยงฉลองในแก่เขา ในงานเลี้ยงพวกเขาแลกจอกสุรากันไปมา หลู่ซานถูกรายล้อมด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จู่ๆ เขาก็กลายเป็นแม่ทัพที่ทำความผิดมหันต์จนคนเหล่านั้นอยากจะฆ่าเขา พวกเขาโยนหลู่ซานลงในหลุมฝังศพรวม เขาโชคดีหนีรอดมาได้ แต่ขากลับพิการ เมื่อเขากลับบ้านมาได้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปจนหมด
ผู้ที่ได้รับความดีความชอบในสมรภูมิอี้เป่ยกลายเป็นหลูอัน ส่วนภรรยาของหลู่ซานเสียชีวิตไปในระหว่างที่เขาทำศึกสงครามอยู่หลายปี
ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรเลย!
หลู่ซานกัดขนมในมือ น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
เขาต้องการทวงคืนความยุติธรรมแต่ติดที่ว่าไม่มีหลักฐานเลย หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าคนไร้ประโยชน์อย่างเขาสมควรจะตายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ซึ่งอำนาจ
ถ้าเขากลับไปยังสกุลหลูจะต้องถูกฆ่าตายอีกครั้งเป็นแน่ เขาจึงใช้ชื่อหลู่ซานแล้วอาศัยอยู่ในมุมที่สกปรกที่สุดของเมืองหลวงเพื่อติดตามข่าวสารของสกุลหลู ตอนนี้ลูกชายของหลูอันเสียชีวิตแล้วอีกทั้งภรรยาก็เป็นสตรีมากพิษ นี่ไม่ใช่ผลกรรมของสกุลหลูหรือ? เขาจึงอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อมองดูสกุลหลูประสบกับหายนะล่มจมไป
หลังจากที่เขากินขนมงาจนหมด ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลู่ซานอยู่คนเดียว ไม่มีคนรู้จักที่ไหน ใครจะมาตามหาเขากัน เขายืนขึ้นไปเปิดประตูที่จวนเจียนจะพังออก เห็นร่างสูงสง่ายืนอยู่ด้านนอก
คนที่มาหาเขานั้นแต่งกายด้วยชุดผ้าทอใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสูงศักดิ์ หลู่ซานขมวดคิ้ว
“ท่านมาผิดบ้านแล้ว” เขากำลังจะปิดประตู แต่ชายคนนั้นเอามือยันไว้
“ข้าเป็นเจ้ากรมอาญา ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องคับข้องใจบางอย่าง…”
หลู่ซานมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า เขาปล่อยให้ชายคนนั้นเดินเข้ามา
“ท่านบอกว่า ท่านเป็นเจ้ากรมอาญาหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้าคืออู่อวี้เจ้ากรมอาญา” เว่ยฉิงตอบ
“ความคับข้องใจของข้า..”
“หลู่เส้า เดิมทีผลงานในสมรภูมิอี้เป่ยเป็นของเจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมหรือที่หลูอันฉวยไปเช่นนี้” เว่ยฉิงว่า หลู่ซานเงยหน้าขึ้นมองไปที่เว่ยฉิง
“ใช่มันไม่ยุติธรรม ข้าต้องการความยุติธรรมแต่ข้ายังไม่อยากตาย”
“ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้าเอง” เว่ยฉิงกล่าว
หัวใจของหลู่ซานเต้นแรงขึ้น แต่เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี
“เหตุใดท่านถึงอยากช่วยข้า?”
“ข้าเป็นเจ้ากรมอาญา ข้ามีหน้าที่ทวงคืนความยุติธรรมให้ประชาชน” เว่ยฉิงไม่เปิดเผยจุดประสงค์ของเขาอย่างตรงไปตรงมา
หลู่ซานสงสัยอยู่ภายในใจ เขาไม่เชื่อว่าจะมีผู้กล้าหาญลุกขึ้นต่อกรกับสกุลหลูเพื่อเห็นแก่ชาวบ้านตาดำๆ เช่นเขา แต่ไม่ว่าคนผู้นี้จะประสงค์ดีหรือร้าย เขาก็อยากลองคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย เขาจะต้องกลัวอะไรอีก
“ข้าไม่มีหลักฐาน” หลู่ซานพึมพำ
ทุกคนที่ติดตามเขาในการรบที่สมรภูมิอี้เป่ยถูกสังหารจนหมด หลักฐานทุกอย่างโดนสกุลหลูทำลายจนสิ้น ยี่สิบปีผ่านมาแล้วจะหาหลักฐานจากไหนได้ ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าหลูอันฉกฉวยผลงานคนอื่น
“ข้ามี” เว่ยฉิงกล่าว “ข้ามีบันทึกของแพทย์ทหาร ในบันทึกการรักษาพยาบาลและยาของหลูอันพิสูจน์ได้ว่าในตอนที่เกิดสงครามอี้เป่ยเขาไม่สามารถบัญชาการกองทัพได้”
หลู่ซานตกตะลึงระคนตื่นเต้น มีหลักฐานที่สามารถทวงความยุติธรรมของเขาได้จริงๆ? เปลวไฟแห่งความหวังแผดเผาในหัวใจของเขาจนลุกโชนในดวงตา
….
ในไม่ช้าเรื่องราวของเหตุการณ์นี้ก็แพร่กระจายไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ของเมืองหลวง ชายที่ชื่อ ‘หลู่เส้า’ ฟ้องผิงหยางโหว โดยบอกว่าหลูอันฉกฉวยเอาผลงานของเขาไปเป็นของตัวเอง ทำให้ชาวเมืองเกิดเสียงฮือฮาขึ้น
คนเฒ่าคนแก่หลายคนยังจำเหตุการรบในสมรภูมิอี้เป่ยได้ พวกเขาจำได้ดีว่าแม่ทัพหลูที่ได้รับชัยชนะกลับมาจนได้ตำแหน่งผิงหยางโหว แล้วการกล่าวหานี้คืออะไร?
หลู่เส้าหรือใคร?
จวนสกุลหลู
ใบหน้าของหลูเกอตึงเครียด เรื่องเกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนนี้เป็นเรื่องที่เขามองข้ามไป ใครจะคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผัน
หลู่เส้ามาจากไหน?
เขาจัดการมันไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้หลูเกอตระหนักได้ว่ามีใครบางคนพุ่งเป้ามาที่จวนหลู คนผู้นั้นมีเตรียมตัวมาอย่างดี หากเรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์และตัดสิน ชื่อเสียงของสกุลหลูจะต้องถูกทำลายแน่นอน หลูเกอขมวดคิ้วแน่น
“ท่านพ่อกำลังตามหาข้าอยู่หรือขอรับ?” หลูอันเคาะประตูแล้วถาม หลูเกอมองไปที่ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของบุตรชายแล้วยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นมา
“เจ้าไม่ส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือ? ตอนนี้สารรูปเจ้าเป็นอย่างไร? เจ้าคือผิงหยางโหว เป็นทายาทคนโตของสกุลหลู เจ้าตกอยู่ในสภาพนี้เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว เหตุใดข้าถึงได้มีบุตรไร้ประโยชน์เช่นเจ้า? ” หลูเกอพูดด้วยความโกรธ แต่ไม่ว่าเขาจะตะคอกดุด่าเช่นไร ท่าทางของหลูอันก็ยังคงราวกับตุ๊กตาไม้ที่ไร้วิญญาณไม่ผิด เขาก้มหน้าลงให้บิดาก่นด่าอย่างดุษฎี
“เจ้าจำหลู่เส้าได้หรือไม่?”
“หลู่เส้า? เขา..เขาไม่ได้ลื่นตกไปในแม่น้ำแล้วหรือ?” หลูอันรีบเงยหน้าขึ้นมา
หลูอันชื่นชมหลู่เส้ามาก ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปด้วยดี แต่หลังจากงานเลี้ยงฉลอง มีคนบอกเขาว่าหลู่เส้าลื่นตกลงไปในแม่น้ำ ทำให้หลูอันเศร้าเสียใจอยู่นาน หลังจากที่หลู่เส้าเสียชีวิตบิดาของเขาบังคับให้เขาฉวยผลงานในสมรภูมิอี้เป่ยเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำให้หลูอันรู้สึกตะขิดตะขวงไม่สบายใจมานานถึงหลายปีเลยทีเดียว
“เขายังไม่ตาย แต่ไปร้องเรียนกับทางการว่าเจ้าขโมยผลงานของเขาไป”
หลูอันได้ฟังคำของบิดาถึงกับตกตะลึงไป