เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 69 กวาดล้าง
บทที่ 69 กวาดล้าง
หัวหน้าจ้าวดูไม่ยี่หระ
“เถ้าแก่เนี้ย! เฉินซื่อและครอบครัวของเขากำลังมีปัญหา พวกเขาต้องการเงินมากขึ้น อีกทั้งที่โรงงานชาดก็ไม่ได้มีงานมากมายอะไร ขอให้ท่านโปรดเห็นใจพวกเขาด้วย ”
“พวกเขาลำบากหรือ? มันยุติธรรมกับหลู่ชิงหรือไม่? หลู่ชิงขายกิจการเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนให้พวกเจ้า นั่นเป็นวิธีที่พวกเขาเอาเปรียบนางหรือ?” ถังหลี่เยาะเย้ย
มีบางคนก้มศีรษะสำนึกผิด และมีอีกหลายคนที่ไม่สนใจ
“คุณหนู..ควรขายเป่าชิงเก๋อให้ผู้อื่น…ไม่ใช่แบบนี้…” ใครบางคนพึมพำเสียงเบา
“หลู่ชิงเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของเป่าชิงเก๋อ นางมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเป่าชิงเก๋อ! หลู่ชิงใจดีเกินไปจนพวกเจ้าลืมไปหมดแล้วว่าใครเป็นเจ้านายของพวกเจ้าและใครเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้พวกเจ้า! และข้าไม่ได้มาวันนี้เพื่อเมตตาใคร! หัวหน้าจ้าวไปบอกคนงานว่า…ข้าไล่ออก ต่อไปไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก! ”
คำพูดของถังหลี่ทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง
“เถ้าแก่เนี้ย ไม่ ๆ เฉินซื่อและคนอื่น ๆ กำลังสับสน ข้าจะไปตามพวกเขากลับมา!” หัวหน้าจ้าวรีบพูด
หลู่หยวนบอกว่าเขาต้องการที่จะยักยอกเงินทั้งหมดจากเจ้าของใหม่ ถ้าพวกเขาถูกไล่ออกจะทำอย่างไร? ไหนจะเงินที่พวกเฉินซื่อและคนอื่น ๆ ให้เขามาอีกเล่า ..หากวันนี้เขาจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ต่อไปทุกคนก็จะไม่เห็นหัวเขาอีก หัวหน้าจ้าวรู้สึกเสียหน้า ..
“มาให้ทันเวลาก่อนข้าจะกลับบ้าน” ถังหลี่พูดเบา ๆ
“เถ้าแก่เนี้ยอย่าใจร้อน ข้าจะรีบไปตามพวกเขามาเดี่ยวนี้” หัวหน้าจ้าวรีบวิ่งออกไปราวกับไฟลนก้น เจ้าคนอืดอาดก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว!
หลู่ชิงมองถังหลี่ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดาว เมื่อครู่นางคิดว่าถังหลี่…ช่างสง่างาม…
เดิมทีหลู่ชิงคิดว่าตัวของนางมีความสามารถมากพอที่จะมารับช่วงกิจการต่อจากบิดา แต่ถ้าเทียบกับถังหลี่แล้ว นางเป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น
“เราเป็นเจ้าของกิจการ เราให้เงินพวกเขา พวกเขาทำงานให้เรา ในเมื่อเราเป็นคนจ่าย ดังนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ ข้าเข้าใจว่าเจ้ามีเมตตา แต่มันไม่ใช่หน้าที่ที่เจ้าต้องทำ ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นคุณค่า เจ้าก็ควรเอาความเมตตานั้นคืนเสีย” ถังหลี่ใช้โอกาสนี้สอนหลู่ชิงสองสามคำ
“อื้อ!” หลู่ชิงพยักหน้า
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หัวหน้าจ้าวเรียกทุกคนกลับมาและตอนนี้พวกเขากำลังรวมตัวกันที่โรงงาน
“เถ้าแก่เนี้ย ข้าผิดไปแล้ว บ้านข้าอยู่กันอย่างลำบากข้าต้องหาเงินเพิ่ม”
“เถ้าแก่เนี้ย พวกเราทำงานที่นี้มาห้าหกปีแล้ว ได้โปรดยกโทษให้พวกเราสักครั้งเถิด”
“ข้าจะขยันตั้งใจทำงานจนสำเร็จแม้ว่าจะต้องอดนอนทั้งคืนก็ตาม!”
เฉินซื่อ อากุ้ย และผู้คนอีกนับสิบคนกำลังอ้อนวอนขอร้องนางทีละคน หัวหน้าจ้าวเริ่มเข้ามาเกลี้ยกล่อม
“เถ้าแก่เนี้ย อากุ้ยและคนอื่น ๆ ทำงานที่นี่มานานแล้ว คุ้นเคยกับงานในโรงงานเป็นอย่างดี หากเป็นคนอื่นอาจจะมีฝีมือดีไม่เท่าพวกเขา ..”
“ข้าไม่ได้ต้องการแค่คนเก่ง แต่ข้าต้องการคนที่มีความผิดชอบด้วย หาใช่พวกหมาป่าตาขาวเช่นนี้” ถังหลี่กล่าวอย่างไม่ปรานี
“แต่เถ้าแก่เนี้ย หากท่านรับสมัครคนงานใหม่ พวกเขาไม่คุ้นเคยการทำงานจะเสียเวลานะ” หัวหน้าจ้าวกลอกตา
นั่นทำให้ถังหลี่เข้าใจทันทีถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มีความมั่นใจในตัวเองมาก เป็นเพราะพวกเขามีทักษะฝีมือ แต่…แทนที่จะรั้งพวกมีทักษะแต่ไม่เชื่อฟัง เอาเวลามาใช้ฝึกฝนคนงานที่ซื่อสัตย์จะไม่ดีกว่าหรือ?
“หัวหน้าจ้าวไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้”
ใบหน้าของหัวหน้าจ้าวบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“หัวหน้าจ้าว! เจ้าเป็นหัวหน้าคนงาน แต่หลอกลวงเจ้านาย เจ้าคิดว่าข้าจะเก็บคนเช่นนี้ไว้ในโรงงานอีกหรือ?”
ใบหน้าของหัวหน้าจ้าวเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เจ้านายคนใหม่จะไล่เขาออกจริงหรือ?
“ไปเก็บของแล้วไปซะ!”
คราวนี้ผู้คนนับสิบตื่นตระหนก
พวกเขาอยู่ในโรงงานมานาน สกุลหลู่ใจดีกับพวกเขาเสมอแม้ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดยังหาเงินง่ายกว่าการถือถุงเงินเสียอีก!
“เถ้าแก่เนี้ย สงสารเราเถิด อย่าไล่ข้าออกเลย”
“คุณหนู ข้าคือลุงเฉินของท่านไง ข้าอยู่ที่นี้มานานกว่าสิบปีให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อเถิด!”
หลายคนเริ่มอ้อนวอนหลู่ชิงอย่างขมขื่น แต่หญิงสาวมองใบหน้าของพวกเขาด้วยความไม่แยแสไม่ว่าจะขอร้องเท่าไหร่
“เป่าชิงเก๋อไม่ใช่ของข้าอีกต่อไปแล้ว คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยคือคำขาด”
เมื่อเห็นว่าไม่มีโอกาสแล้ว พวกคนเหล่านี้จึงเริ่มหงุดหงิดโกรธเคืองทันที
“เถ้าแก่เนี้ยพวกข้าไม่ไป! ท่านจะมารังแกพวกข้าแบบนี้ไม่ได้!” ชายคนนั้นพูดอย่างดุเดือด
“ไม่ไป? นี่เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ?” ถังหลี่เลิกคิ้วขึ้น แสดงให้เห็นว่านางไม่มีความหวาดกลัวเลย
คนเหล่านี้ต้องการข่มขู่เจ้านายคนใหม่ด้วยกำลัง เพราะเห็นว่าถังหลี่และหลู่ชิงเป็นเพียงสตรีเท่านั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็โวยวายขึ้นมา
“เถ้าแก่เนี้ย! พวกข้าไม่มีทางเลือก หากท่านไม่ให้ทางรอดแก่พวกข้า ก็อย่าให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อไปเลย!”
ชายคนนั้นหยิบไม้ขึ้นมาและกำลังจะทุบข้าวของในโรงงาน ถังหลี่นิ่งเฉยไม่ได้ตื่นตระหนก หากแต่เป็นหัวหน้าจ้าวที่กำลังตื่นตระหนกแทน
หลู่หยวนกล่าวว่าเขาจะต้องดูแลโรงงานแห่งนี้เป็นอย่างดี หากมันเสียหายเขาจะอธิบายกับหลู่หยวนได้อย่างไร?
เหตุใดเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่ถึงไม่ตกใจเลยเล่า?
หากนางไม่พูด เขาก็ต้องหยุดมันเอง พวกมันจะทุบโรงงานไม่ได้! เพียงเพราะอยากทำงานและอยากเอาชนะเจ้าของคนใหม่!
ในขณะนั้น จู่ ๆ กลุ่มชายหนุ่มที่น่าเกรงขามก็พุ่งตัวเข้ามาจากด้านนอกประตูพร้อมด้วยอาวุธครบมือ พวกเขาดูเหมือนพวกจอมยุทธ
“พวกเจ้า! กล้าดีอย่างไรถึงมาทำลายโรงงานของน้องสาวข้า! ข้าจะเตะพวกเจ้าให้ตาย!” ชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีแดงคนนั้นดูหงุดหงิดมาก เขาเดินไปเตะคนที่ถือก้อนหินจนร่วงลงไปกองกับพื้น ส่วนก้อนหินที่ถืออยู่ตอนแรกก็ถูกขว้างใส่เท้าเขา จนทำให้เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด!
เป็นฮั่วจีว์และสหายของเขานั่นเอง
ก่อนหน้าที่ถังหลี่จะมาโรงงาน นางเดินทางไปที่จวนตระกูลไป๋ก่อน การจัดการกับพวกดื้อด้าน บางครั้งการเจรจาอาจจะไม่ได้ผล ย่อมจำเป็นต้องใช้กำลังจัดการกันบ้าง
แต่ถังหลี่ไม่มีเงินจ้างคนคุ้มกัน นางจึงคิดถึงพี่ชายคนรองอย่างฮั่วจีว์
พี่รองของนางไม่ต้องลงมืออะไรมาก เพียงแค่เข้ามาช่วยหากเกิดเรื่องเท่านั้น
ฮั่วจีว์ไม่ทำให้นางผิดหวัง เขามาปรากฏตัวเมื่อถึงเวลาพร้อมผองเพื่อนของเขา พวกเขาเต็มไปด้วยความห้าวหาญ เพียงห้าคนก็สามารถข่มคนอื่นได้แล้ว ภายใต้แรงกดดันของฮั่วจีว์และสหาย คนเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะชูคออีกต่อไป พวกเขาจึงได้แต่เก็บข้าวของและจากไปหงอยเหงา
รวมไปถึงหัวหน้าจ้าวด้วย
คนที่เหลืออีกสิบคนยืนอยู่ต่อหน้าถังหลี่อย่างเคารพ และหลังจากที่พวกเขาได้เห็นวิธีการอันเฉียบขาดของนางในการจัดการแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะกล้าดูถูกหญิงสาวตรงหน้าอีกต่อไป
ฮั่วจีว์เอนตัวไปด้านข้างของถังหลี่และยักคิ้ว
“น้องเล็ก ตอนข้าเตะเมื่อกี้ข้าดูหล่อเหลาหรือไม่?
“หล่อ!” ถังหลี่ชมอย่างจริงจัง
“ฮี่ฮี่!” หากฮัวจีว์มีหาง หางของเขาคงชี้ตรงขึ้นฟ้าอย่างอารมณ์ดี
“ถังถัง หัวหน้าจ้าวออกไปแล้วใครจะมาคุมโรงงานเล่า?” หลู่ชิงถาม
นางไม่ได้พูดเพื่อขอร้องแทนหัวหน้าจ้าว แต่นางกำลังเป็นห่วงถังหลี่จริงๆ หญิงสาวหันมามองที่นาง
“เจ้า”
“ข้าหรือ?” หลู่ชิงตกตะลึง
“ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้าคุมโรงงาน” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้นางตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว หลู่ชิงคุ้นเคยกับชาดและสูตรการทำ อีกทั้งไม่ใช่คนอ่อนแอไร้ฝีมือ
“ข้า..ข้าทำไม่ได้” หลู่ชิงโบกมือปฏิเสธ
หลังจากที่นางรับช่วงเป่าชิงเก๋อแล้ว ตัวนางทำให้กิจการวุ่นวายยุ่งเหยิง อาจจะพาให้ถังหลี่มีปัญหาไปด้วย หญิงสาวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว นางรู้ว่านางไม่สามารถทำได้
“อาชิง เจ้าไม่ต้องการพาเป่าชิงเก๋อกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งพร้อมกับข้าหรือ?”
ถังหลี่ชวน
ฟื้นคืนเป่าชิงเก๋อ….
นั่นเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันมาตลอด
มันจะเป็นไปได้หรือ?
คำพูดของถังหลี่ฟังดูเย้ายวน หากหลู่ชิงกลับเผลอพยักหน้ารับราวกับอยู่ในห้วงฝัน
………………