เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 282 ตู้ชิงหยูคือท่านจิ่วถิง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 282 ตู้ชิงหยูคือท่านจิ่วถิง
บทที 282 ตู้ชิงหยูคือท่านจิ่วถิง
ตู้ชิงหยูคือท่านจิ่วถิงตัวจริง ส่วนลู่ต้าหนิวนั้นปลอมตัวเป็นนางมาเกือบสิบปีแล้ว ผ่านมาสิบปีไม่เคยมีใครจับเขาได้เลย จนลู่ต้าหนิวคิดว่าตัวเองคือท่านจิ่งถิงตัวจริงไปแล้ว ทั้งความสามารถและความรอบรู้ของเขาในตอนนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าท่านจิ่วถิงเลย ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าคนไหนคือท่านจิ่วถิงตัวจริง!
ลู่ต้าหนิวค่อยสงบใจลงได้ เขามองตู้ชิงหยู
“เจ้าสิเป็นตัวปลอม ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นบัณฑิตที่เฉลียวฉลาดด้วยกันทั้งนั้น ท่านจิ่วถิงจะมีอายุน้อยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร? เจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาใส่ร้ายข้ากันแน่?” ลู่ต้าหนิวรีบถามขึ้นมา
ฉินเฉียนได้ฟังก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เขาพร้อมที่จะเชื่อลู่ต้าหนิวทันที
“ท่านจิ่วถิงผู้นี้เป็นคนโกหกแน่นอน เขาคงหวังที่จะมากอบโกยเงินของพวกเรา!”
“ข้าจะไปรายงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ท่านเจ้าเมืองจับคนโกหกผู้นี้ลงโทษเสีย!”
เขาพูดพร้อมกับเรียกให้บ่าวรับใช้วิ่งไปรายงานเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ทันที
“ความรู้นั้นเกี่ยวกับอายุหรือ? หากเป็นคนโง่ต่อให้อายุเจ็บสิบหรือแปดสิบปีก็ยังโง่ คนมีพรสวรรค์เพียงเจ็ดหรือแปดขวบก็สามารถเรียนรู้ได้ทั้งนั้น” ตู้ชิงหยูกล่าว
“แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเจ้าคือตู้ชิงหยูตัวจริง” คนผู้หนึ่งถามขึ้น
“ง่ายมาก เพียงแค่เขียนตัวอักษรเท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะยังไม่เคยเห็นภาพ ‘ปลาสังหาร’ ของข้าที่เป็นต้นฉบับ แต่คงเคยเห็นภาพคัดลอกมาบ้างใช่หรือไม่?” ตู้ชิงหยูยิ้ม
“ข้ามีภาพคัดลอกอยู่ที่บ้าน” บัณฑิตคนหนึ่งยืนขึ้นพูด
“ข้าและลู่ต้าหนิวจะเขียนตัวอักษรทีละตัว หากเปรียบเทียบลายมือก็จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน” ตู้ชิงหยูกล่าว ความหวาดกลัวฉายชัดในดวงตาของลู่ต้าหนิว
ตัวเขานั้นรู้สึกว่าพรสวรรค์ในการเรียนรู้ของเขาสามารถเทียบได้กับท่านจิ่วถิง แต่เขาไม่สามารถเขียนลายมือแบบนั้นได้ เพื่อไม่ให้ความแตก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาจึงไม่ค่อยเขียนตัวอักษร จะมีเพียงเขียนให้ฉินเฉียนดูเท่านั้น….
ไม่นานนักกระดาษและพู่กันก็ถูกส่งเข้ามา
ตู้ชิงหยูหยิบพู่กันและเขียนตัวอักษร ‘หลี่’ ลงบนกระดาษสีขาว ทันทีที่นางเขียนบัณฑิตก็เข้ามารุมล้อมนาง บัณฑิตที่มีสำเนาอักษรของจิ่วถิงนั้นมองดูอย่างครุ่นคิด เขามองตัวอักษรนี้ที่บ้านเขานับครั้งไม่ถ้วน
“ใช่..ใช่จริง ๆ” เขาพูดพร้อมกับมองไปที่ลู่ต้าหนิวอย่างไม่ตั้งใจ มือของลู่ต้าหนิวเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ หากจรดปลายพู่กันทุกอย่างจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน เขาทำตาเหลือกล้มลงไปกองที่พื้นทันที
“ท่านจิ่วถิงเป็นลม! รีบพาเขาเข้าไปพักในห้องเร็ว!” ฉินเฉียนพูดอย่างเร่งรีบ
พ่อลูกตระกูลฉินเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าชายคนนี้คือท่านจิ่วถิงตัวจริง! พวกเขาลงทุนกับท่านจิ่วถิงมาก หากชายคนนี้เป็นตัวปลอมล่ะก็ เขาคงกลายเป็นตัวตลกของมณฑลเหอตงอีกครั้ง ดังนั้นเขาจะต้องเป็นท่านจิ่วถิงตัวจริง!
พ่อลูกตระกูลฉินรีบพาลู่ต้าหนิวขึ้นไปชั้นบนทันที หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายจบลงเหล่าเจ้าหน้าที่ก็มาถึงที่เฟิงเหอจู
“ท่านเจ้าหน้าที่มีคนแอบอ้างเป็นท่านจิ่วถิง ในไม่ช้าคงพิสูจน์เรื่องนี้ได้”
ถังหลี่บอกเล่ารายละเอียดยิบย่อยให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายฟัง พวกเขาหลายคนคุ้นเคยกับถังหลี่ดี หลังจากที่ได้ฟังแล้วจึงเฝ้ารออย่างอดทน เมื่อจิ่วถิงตัวปลอมตื่นขึ้นมาเขียนอักษร ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย!
แต่ในไม่ช้าพวกเขาทุกคนก็พบว่าลู่ต้าหนิวหายตัวไป!
“เขาหนีไปหรือ?!”
“คงเพราะกลัวความลับเปิดเผยจึงหนีไปเช่นนี้! เมื่อครู่เขาต้องแกล้งเป็นลมแน่!”
“นั่นคือตัวปลอม พวกเราถูกหลอกแล้ว!”
บัณฑิตเหล่านั้นแทบไม่สามารถเก็บสีหน้าได้ เฟิงเหอจูเต็มไปด้วยศิษย์จากสำนักศึกษาหลวง เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลก ศิษย์ทั้งหมดจึงทยอยกลับออกไป ส่วนเจ้าหน้าที่ก็แยกย้ายไปตามจับตัวลู่ต้าหนิว ดังนั้นที่เฟิงเหอจูจึงเหลือเพียงบัณฑิตที่เอาแต่ตีอกชกหัวไม่หยุด พวกเขาทั้งหมดคือคนที่คอยตามเกาะต้นขาทองคำของท่านจิ่วถิง ทำให้สถานะในแวดวงบัณฑิตของพวกเขาเพิ่มขึ้น
ในเมื่อจิ่วถิงผู้นั้นเป็นตัวปลอม พวกเขาย่อมกลายเป็นตัวตลกในหมู่มิตรสหาย ฉินเฉียนและลูกชายยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้
“ตัวปลอม? จะเป็นไปได้อย่างไร?” ใบหน้าของฉินเฉียนบิดเบี้ยวน่าเกลียดมาก
เขารู้สึกว่าเป็นตัวตลกจนแทบอยากกระโดดจากชั้นสองของหอเฟิงเหอจูเลยทีเดียว! ส่วนฉินเหวินซวนมีอาการย่ำแย่มากท่านจิ่วถิงชื่นชมยกยอปอปั้นเขาจนเขาภูมิใจคิดว่าตนต้องมีรายชื่อติดในป้ายทองคำอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายความหวังพังทลาย ชายผู้นั้นเป็นตัวปลอม ฉินเหวินซวนรับไม่ได้
สองพ่อลูกทะเลาะกันอย่างหนัก ถังหลี่มองภาพคนทั้งคู่แล้วคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับผลกรรม
คนชั่วร้ายสมควรโดนเช่นนี้ !
นั่นคือกรรมตามสนองที่เขาทำร้ายต้าเป่า สวี่เจวี๋ยและจั๋วชู! ถังหลี่ไม่มีความเห็นใจพวกเขาเลยสักนิด
“เสี่ยวหลี่ ไปกันเถอะ”
ตู้ชิงหยูจิ้มที่ใบหน้าเนียนของนาง ก่อนหน้านี้ตู้ชิงหยูแอบหลบออกไป เพราะไม่อยากให้เหล่าบัณฑิตพวกนั้นมาวุ่นวายกับนาง เมื่อทุกคนกลับไปแล้วนางจึงค่อยมาหาถังหลี่อีกครั้ง
ถังหลี่พยักหน้า จากนั้นพวกนางทั้งสองกเดินออกจากเฟิงเหอจูไป แต่เดินไปได้สักพักก็ต้องหยุดชะงักลง ถังหลี่เอียงศีรษะของนางดวงตากลมโตจ้องไปที่สหาย ทำให้ตู้ชิงหยูรู้สึกมึนงง
ในขณะที่นางจะเอ่ยปากถามถังหลี่ก็ชิงเรียกนางขึ้นมาก่อน
“ท่านจิ่วถิง~”
“เอ่อ…เสี่ยวหลี่ เจ้าเรียกข้าว่าชิงหยูสิ”
“ข้าจะเรียกผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านด้วยชื่อจริงได้อย่างไร?”
ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มแต่ตู้ชิงหยูรู้สึกไม่สบายใจจนต้องรีบเข้าไปกอดนาง
“เสี่ยวหลี่ เจ้าโกรธข้าหรือ? ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะ…”
ในสายตาของถังหลี่ น้ำเสียงของตู้ชิงหยูก็เปลี่ยนไป
“ข้าแค่อยากทำให้เจ้าประหลาดใจเอง เสี่ยวหลี่อ่า ข้าขอโทษ…”
ตู้ชิงหยูกอดถังหลี่ราวกับเด็กน้อย ทำให้หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมา ตู้ชิงหยูมอง
“เสี่ยวหลี่ เจ้าแกล้งข้าหรือ!”
“ฮ่าฮ่า อย่าโกรธสิ ใครจะได้เห็นด้านนี้ของท่านจิ่วถิงได้กันนะ” ถังหลี่ยิ้ม
เมื่อเห็นว่าถังหลี่ขมวดคิ้วแต่แย้มยิ้มสดใส หัวใจของตู้ชิงหยูก็อ่วนยวบเขาไม่สามารถแม้แต่จะโกรธนางได้
“ไปกันเถอะ” ถังหลี่จับมือตู้ชิงหยูก่อนจะพูด
“ไปไหนหรือ?”
“เจ้าจะไปไหนล่ะ”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปไหน?”
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยกเว้นลู่ต้าหนิว แน่นอนว่าเจ้าต้องไปหาเขา”
“เสี่ยวหลี่เจ้ารู้ใจข้าจนข้าคิดว่าเจ้าคือพยาธิในท้องข้าแล้วนะ!”
ทั้งสองเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันและพูดคุยหัวเราะไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ลู่ต้าหนิวนั้นกำลังซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งและกำลังนับเงินที่เขาโกงมาจากตระกูลฉิน เขาวางเงินพวกนั้นเริ่มนับ รวมทั้งหมดเป็นห้าพันตำลึง…
ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าจะถูกเปิดโปง ด้วยเงินห้าพันตำลึงนี้เขาสามารถหนีไปใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้ พรุ่งนี้ในยามเช้าตรู่เขาจะหนีออกจากมณฑลเหอตง
ในขณะที่เขากำลังมีความสุขอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดออก!
เมื่อเห็นคนที่มาเยือนสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ขาของเขาแข็งชา ลู่ต้าหนิวหันหลังกลับไปหอบเงินก่อนจะวิ่งหนี ทว่าทันทีที่วิ่งถึงประตูเขาก็ถูกจับ
ตู้ชิงหยูคว้าเงินทั้งหมดของเขา แล้วทุบตีเขาอย่างแรง หลังจากพอใจแล้วนางให้เฉียนซานนำตัวลู่ต้าหนิวส่งให้ทางการ
ลู่ต้าหนิวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขาโดนตู้ชิงหยูใช้เป็นเครื่องมือทำลายสองพ่อลูกตระกุลฉิน ดังคำกล่าวที่ว่ายิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งตกมาเจ็บเท่านั้น ตู้ชิงหยูอยากให้พ่อลูกตระกูลฉินตกลงมาจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย