เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 79 ยั้งมือไว้ไมตรี
บทที่ 79 ยั้งมือไว้ไมตรี
หม่าจงตกตะลึงกับพลังที่มีพลานุภาพของถังเฉา ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับถูกสัตว์ที่ดุร้ายจับจ้องอยู่
หลังจากดูใกล้ ๆ เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ตอนนี้เจตนาฆ่าที่รุนแรงเมื่อสักครู่นั้นได้หายไปแล้ว
ถังเฉาในขณะนี้ เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีกลิ่นอายของคนที่แข็งแกร่งแม้แต่น้อย
จากนั้น หม่าจงที่ตกใจจนเหงื่อตกยิ้มเยือกเย็นอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “ที่แท้ก็วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตา ทำฉันตกใจหมดเลย”
“เดิมทีฉันไม่อยากจะลงมือกับคนธรรมดาอย่างแก แต่ถ้าแกรนหาที่ตายเอง อย่าโทษว่าฉันเป็นคนโหดร้าย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง หม่าจงก็เตรียมพร้อม วางแผนที่จะโจมตีถังเฉา
แต่ว่า เขายังไม่ทันได้ลงมือ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังพลานุภาพครั้งที่สอง
เขาหันไปมองตามจิตใต้สำนึก เห็นผู้หญิงในชุดหนังสีดำ ยืนอยู่ตรงทางเดินที่มืดสลัว จ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา
หากกลิ่นอายการสังหารของถังเฉาเป็นเพียงภาพลวงตาชั่วขณะ กลิ่นอายแห่งการสังหารของผู้หญิงคนนี้ ก็คือลมพายุ หนาแน่นและแผ่ซ่านไปทั่ว
ในความมึนงง หม่าจงสัมผัสได้ถึงพลังที่มีพลานุภาพแห่งการสังหาร เหมือนกองกำลังกล้าแกร่ง ทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาที่มีเมื่อสักครู่หมดสิ้นลงทันที
ถังเฉาดูภาพนี้อย่างเย็นชา แม้ว่าหม่าจงคนนี้จะเป็นนักบู๊ แต่เขาฝึกแรงภายในไม่สำเร็จด้วยซ้ำ จะสามารถเปรียบเทียบกับนักฆ่ามืออาชีพอย่างเฟิ่งหวงได้อย่างไร?
คราวนี้ ถังเฉาไม่ได้หยุดยั้ง ปล่อยให้เฟิ่งหวงฆ่าสังหารครั้งใหญ่ตามปกติ
หากพวกเขาลงมือกับถังเฉา พวกเขาอาจจะมีทางรอด แต่ถ้าหากลงมือกับหลินชิงเสว่ มันเป็นการกระตุ้นต่อมโมโหของถังเฉา แม้แต่เทพเจ้าก็ยากที่จะช่วยให้รอดได้
พรึ่บ—-
ชั่วพริบตาเดียวเฟิ่งหวงก็ปรากฏตัวต่อหน้าหม่าจงทันที
ขณะเดียวกันเฟิ่งหวงก็ใช้ฝ่ามือจับไปที่คอของหม่าจง และยกมันขึ้นสูง เขาไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่น้อย
“แก……”
ทันใดนั้นม่านตาของหม่าจงก็ลดน้อยลง สีหน้าที่ขาวซีดเผือด อยู่ต่อหน้าเฟิ่งหวง เขามีความเปราะบางเหมือนทารก
“กล้าล่วงเกินรองหัวหน้า ตาย!”
เฟิ่งหวงเต็มไปด้วยมีรังสีนักฆ่าอำมหิต กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฝ่ามือก็กดลงอย่างแรงทันที
กริ้ง ๆ ๆ—-
ขณะที่เฟิ่งหวงกำลังจะบิดคอของหม่าจงให้หัก โทรศัพท์ดังขึ้นมา
มองดูแวบแรกเมื่อเห็นว่าหลินชิงเสว่โทรมา ถังเฉาขอให้เฟิ่งหวงหยุดทันที เขากลัวว่าหลินชิงเสว่จะได้ยินการฆ่าคนของเขา
ถังเฉาเดินไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ แล้วจึงกดรับสายของหลินชิงเสว่
“ชิงเสว่?”
เสียงของถังเฉานั้นนุ่มนวล ซึ่งแตกต่างจากเสียงเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
“……”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หลินชิงเสว่ไม่ได้พูด แต่ถังเฉาสามารถได้ยินเสียงหายใจหอบ ๆของเธอ
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ ถึงจะมีเสียงตอบ
“คุณ………ลงมาได้มั้ย? เมื่อกี้เกิดระเบิด เสี่ยวลี้ร้องไห้ตลอด จะหาแต่พ่อ”
น้ำเสียงของหลินชิงเสว่ดูแข็งกระด้างเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่แท้จริง ในเวลาปกติมันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะพูดแสดงถึงความพึ่งพาเช่นนี้
ถังเฉาเงียบไปชั่วขณะ พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “โอเค”
หลังจากวางสาย ถังเฉาก็ชำเลืองมองหม่าจงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถือว่าแกโชคดี วันนี้จะไว้ชีวิตแก ถ้าแกยังช่วยตระกูลซ่งอีก อย่าว่าแต่แกเลย สมาคมการต่อสู้ทั้งหมด จะพินาศกันหมด!”
“พวกเราไปกัน”
“แค๊ก ๆ ๆ—-”
หม่าจงโชคดีที่รอดพ้นจากความตายนั่งลงบนพื้นอย่างเบา ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึก ๆ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรู้สึกว่าอากาศช่างหอมหวานเท่าตอนนี้
หลังจากได้สติ ดวงตาของหม่าจงเต็มไปด้วยเจตนาสังหารในทันที “แค่ยอดฝีมือสองคน ยังกล้าที่จะมาเล่นงานฉัน ช่างไม่เห็นสมาคมการต่อสู้อยู่ในสายตาเลย……..”
นักบู๊ของเมืองหมิงจูน้อยมาก ส่วนมากจะอยู่ที่สมาคมการต่อสู้ ส่วนมากหม่าจงจะรู้จัก แต่ไม่เคยเห็นถังเฉากับเฟิ่งหวง ฉะนั้นจึงจัดอยู่ในประเภทยอดฝีมือของเมืองอื่น ๆ
หม่าจงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรออกไป
“ฮาโหล พี่เชียนจูน ผมถูกยอดฝีมือสองคนเล่นงาน……..”
“รองหัวหน้า ทำไมถึงไม่ให้ฉันฆ่าเขา มันก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลามากเกินไป”
อีกฝั่งหนึ่ง เฟิ่งหวงถามอย่างงวยงง
สำหรับเธอแล้ว การหักคอของหม่าจง ทำได้อย่างง่ายดาย
ถังเฉาพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ผมรู้ แต่ว่า ฆ่าคนง่าย แต่จัดการศพยาก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลานาน ภรรยาและลูกสาวของผมไม่สามารถรอผมได้นานขนาดนั้น”
พยักหน้าอย่างครุ่นคิด เมื่อสักครู่ เธอแค่อยากจะฆ่าคนเท่านั้น
“แต่ว่า ผมจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างนี้……”
ถังเฉากล่าวด้วยสายตาที่เยือกเย็นว่า “ผมจะยืมมือตระกูลซ่ง เพื่อฆ่าซ่งเทียนซาน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งหวงตะลึงทันที แล้วมองไปที่ถังเฉาอย่างตื่นเต้น
ในที่สุด รองหัวหน้า ก็กำลังจะจัดการตระกูลซ่งแล้ว!
หลังจากที่แยกกับเฟิ่งหวง ถังเฉาก็เดินมุ่งหน้าไปที่รถของหลินชิงเสว่
ยังไม่ทันขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของถังเสี่ยวลี้
“เสี่ยวลี้ไม่ร้องน่ะ พ่อกำลังจะมาถึงแล้ว” หลินชิงเสว่อุ้มและปลอบลูกสาว
“พ่อ! หนูจะหาพ่อ!” ถังเสี่ยวลี้ร้องไห้เสียงดัง ยังตกใจไม่หายจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่
หลินชิงเสว่เริ่มรู้สึกกังวล ขณะนี้ เสียงของถังเฉาก็ดังขึ้นมา
“เสี่ยวลี้ พ่ออยู่นี่”
เมื่อเห็นว่าพ่อมาแล้ว ถังเสี่ยวลี้จากที่ร้องไห้ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มทันที ยื่นมือเล็ก ๆเข้าไปในอ้อมแขนของถังเฉา กอดเขาแน่น จากนั้นก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า “พ่อไปทำอะไร ทำไมถึงนานจัง……”
“พ่อไปตีคนร้าย”
ถังเฉายิ้มและลูบศีรษะของถังเสี่ยวลี้ แล้วกล่าวว่า “พ่อตีคนเลวที่รังแกแม่กับเสี่ยวลี้จนหนีกระเจิงไปแล้ว”
“จริงหรือคะ?”
ถังเสี่ยวลี้ยิ้มแป้นแล้น “พ่อเก่งจัง”
เมื่อมองลูกสาวที่หัวเราะออกมาอีกครั้ง ในใจของถังเฉาก็รู้สึกพอใจ
“ซ่งเทียนซานล่ะ?”
เมื่ออารมณ์ของลูกสาวเข้าสู่ภาวะปกติ หลินชิงเสว่จึงได้มองถังเฉาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แล้วถาม
ถังเฉาส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “เขายังไม่ตาย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินชิงเสว่ก็ตกอยู่ในความเงียบ เธอเข้าใจความหมายในคำพูดของถังเฉา
เขาไม่ตาย แต่บาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นสีหน้านิ่งเฉยของหลินชิงเสว่ รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่? เขาจับมือเธอเบา ๆ และพูดอย่างหนักแน่น “ผมยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว เขาสามารถลงมือกับใครก็ได้ แต่เขาไม่สามารถลงมือกับคุณได้เด็ดขาด”
หลินชิงเสว่รู้สึกตื้นตันใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ชายของเธอสนใจตนเอง?
แต่ว่า ด้วยนิสัยสันโดษของเธอ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าหลินชิงเสว่จะไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธออย่างง่ายดาย เธอทำแค่เพียงจับพวงมาลัยรถ แล้วกล่าวว่า “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ครับ พวกเรากลับบ้านกัน”
ถังเฉาอยากจะเล่นกับลูกสาว แต่พบว่าลูกสาวของเขาหลับไปแล้ว
ขณะขับรถ หลินชิงเสว่ก็ลังเลที่จะพูดว่า “พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงสปอนเซอร์ คุณ……. ”
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย แล้วตอบด้วยความดีใจว่า “ผมจะไปที่นั่น แต่ว่า ไปเพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้น”
“แค่ไปก็ดีแล้ว” หลินชิงเสว่ยิ้มบาง ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
เงียบตลอดเส้นทาง
เมื่อมองทิวทัศน์ที่ย้อนกลับทั้งสองข้างทาง ถังเฉาค่อยๆหรี่ตาลง และเจตนาฆ่าที่มองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
คนที่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นในขณะตกทุกข์ได้ยากมีมาก ส่วนคนที่ช่วยเหลือกันในยามตกทุกข์ได้ยากมักมีน้อย ในเมื่อโจวเหม่ยหยูนและพวกได้สวามิภักดิ์ต่อตระกูลซ่งแล้ว เมื่อตระกูลหลินหาเงินได้มากแค่ไหน ก็อย่าหวังจะได้สักแดงเดียว