เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 316 ลงโลงด้วยตัวเอง
กอดกันอยู่นานมาก หลินชิงเสว่ถึงได้คลายอ้อมกอดถังเฉา ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะตื่นเต้นหรือเขินอาย ใบหน้าของเธอถึงได้แดงเหมือนก้นลิง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกอดถังเฉาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จะบอกว่าไม่อายก็คงจะโกหก
แต่ว่าในใจของเธอก็สงบไม่ได้อยู่เป็นนาน มองถังเฉาด้วยดวงตาแดงก่ำ “นายทำให้ฉันตกใจแทบตาย ฉันนึกว่านายกับเสี่ยวลี้…”
ในใจของถังเฉารู้สึกตื้นตันใจที่หลินชิงเสว่เอาศีรษะโขกกำแพง ถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่ตระกูลบีบบังคับอยู่ด้วย แต่ว่าเหตุผลหลัก ๆ ส่วนใหญ่ ก็ยังเป็นเพราะคิดว่าถังเฉาตายแล้วจึงอยากจะตามเขาไป
ได้ภรรยาแบบนี้ สามีจะยังต้องการอะไรอีก?
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วเขาก็จูงมือเย็นเฉียบของหลินชิงเสว่มากุมเอาไว้แน่น
“คุณต่างหากที่ทำให้ผมตกใจแทบตาย คราวหลังอย่าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีกนะครับ”
ประโยคนี้ออกมาจากภายในหัวใจของถังเฉา หลินชิงเสว่เป็นทุกอย่างของเขา เมื่อครู่ตอนที่ได้รู้ว่าหลินชิงเสว่เอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตาย เขาสิ้นหวังจนแทบจะพังทลาย
“อื้ม”
หลินชิงเสว่พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองถังเฉา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ที่แท้นายแคร์ฉันขนาดนี้เลย?”
ถังเฉาชะงักงัน จากนั้นก็พบว่าลั่วเยนอวิ๋นกับหลินจ้าวหยูนที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนแต่มองตนเองอย่างมีลับลมคมใน ทั้งยังออกแรงกระแอมไอออกมา เขาโน้มศีรษะเข้าไปพูดเบา ๆ หนึ่งประโยคอย่างอึดอัดขัดเขินว่า
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”
หลินชิงเสว่ได้ยินแล้ว เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มลึกล้ำขึ้นหลายส่วน
“เมื่อกี้คุณพ่อยังสาบานแล้วด้วย บอกว่าจะต้องพาหนูไปตามหาแม่ให้เจอได้อย่างแน่นอนค่ะ”
ถังเสี่ยวลี้ยืนอยู่บนเตียง พูดผสมเข้าร่วมกับบรรยากาศที่คึกคัก ทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองถังเฉาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “รอเสี่ยวลี้โตแล้ว จะต้องหาคนที่เป็นเหมือนคุณพ่อแน่ ๆ ค่ะ!”
คำนี้พูดออกมา ทุกคนในห้องก็ล้วนตกตะลึง
“ฉันจำได้ว่าเสี่ยวลี้เพิ่งจะห้าขวบนี่?”
ลั่วเยนอวิ๋นมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็ขยิบตาให้ถังเสี่ยวลี้ ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา “ฉันสนับสนุนเธอนะ!”
หลินจ้าวหยูนเองก็หัวเราะตามตลอด เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นยังมีความฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง
ในเมื่อไม่ได้มา ก็ทำได้เพียงอวยพรล่ะนะ
“อะแฮ่ม ๆ…”
ในตอนนี้เอง ด้านนอกห้องมีเสียงไอหนัก ๆ ส่งมา หลินอิ่น และพวกของหลินโป๋หลายเดินเข้ามา มองหลินชิงเสว่แล้วเอ่ยว่า “ชิงเสว่ ในเมื่อเธอไม่เป็นอะไร นั่นก็ดีที่สุดแล้ว แต่ว่าเธอทั้งสองคนก็ยังต้องหย่ากัน หลังจากจบเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็กลับไปเมืองหมิงจู หย่ากันเสียให้เรียบร้อยเถอะ”
พอคำนี้ดังออกมา ใบหน้าของหลินชิงเสว่ก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองในชั่วพริบตา ในดวงตาของถังเฉาก็มีความปรารถนาที่อยากจะสังหารที่น่าสะพรึงกลัววาบผ่าน
เขาปล่อยหลินชิงเสว่ออก แล้วค่อย ๆ เดินไปทางพวกของหลินอิ่น
สีหน้าของหลินชิงเสว่เปลี่ยนไปในทันที “ถังเฉา ที่นี่เป็นบ้านของฉัน อย่าวู่วาม!”
เธอรู้ลึกซึ้งถึงศักยภาพของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูดี กลัวว่าถังเฉาจะถูกเอาเปรียบ
ถังเฉากลับหันหลังกลับมาส่งรอยยิ้มหนึ่งเพื่อให้เธอวางใจ จากนั้นก็เอ่ยอย่างเย็นชา
“ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูล้วนแต่เป็นพวกสันดานหยาบที่พอแผลหายก็ลืมความเจ็บปวดกันทั้งหมดเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“แกว่าอะไรนะ!”
คำนี้พูดออกมาแล้ว ใบหน้าของทุกคนในตระกูลหลินก็เปลี่ยนกันไปทั้งหมด คาดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้ามาว่าพวกเขาเป็นคนสันดานหยาบต่อหน้าพวกเขา?
“หรือว่าไม่ใช่?”
ถังเฉาหัวเราะเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง ถามกลับไปว่า “เมื่อกี้พวกคุณเพิ่งจะเห็นศักยภาพของเฟิ่งหวงแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยสักนิด ผมยังไม่ได้ไปหาเรื่องพวกคุณเลย พวกคุณต่างหาก นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าบีบบังคับให้ภรรยาของผมไปแต่งงานใหม่!”
หลินโป๋หลายก็หัวเราะออกมาเสียงเย็นเช่นเดียวกัน “ถังเฉา ฉันล่ะไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ แค่อาศัยบอดี้การ์ดหญิงที่ต่อสู้เก่งเพียงคนเดียวก็จะไม่มองเห็นตระกูลหลวงในเยี่ยนตูของพวกเราอยู่ในสายตาแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“อย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าหากรวมตระกูลลั่วของฉันด้วยล่ะ?”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็มีเสียงกระทบกระเทียบของผู้หญิงส่งออกมา
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สายตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลมองไปยังลั่วเยนอวิ๋น
“ลั่วเยนอวิ๋น นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นศัตรูกับตระกูลหลินของฉันเพื่อไอ้ตัวไร้ประโยชน์ที่เป็นอะไรไม่ได้เลยคนหนึ่ง!”
“ตัวไร้ประโยชน์? พวกคุณทุกคนพูดคำว่าตัวไร้ประโยชน์ ไม่ลองดูดี ๆ ล่ะว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวไร้ประโยชน์?”
ลั่วเยนอวิ๋นมองไปทั้งสถานที่นั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดสี เธอเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกว่า “ในเมื่อพวกคุณกำหนดแล้วว่าเขาเป็นตัวไร้ประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันขอประกาศว่า ฉันถูกใจหลานเขยคนโตคนนี้มาก มีตระกูลลั่วของฉันหนุนหลังอยู่ พวกคุณยังคิดว่าเขาเป็นตัวไร้ประโยชน์อยู่ไหม?”
พอคำนี้ดังออกมา สีหน้าของหลินโป๋หลายกับหลินอิ่นก็ไม่น่ามองอย่างถึงที่สุดในทันที
ที่จริงแล้ว ต่อให้มีเฟิ่งหวงหนุนหลัง ในสายตาของพวกเขา ถังเฉาก็ยังเป็นตัวไร้ประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่ว่า ตอนนี้ลั่วเยนอวิ๋นแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่าพอใจถังเฉา หลานเขยคนโตคนนี้มาก นั่นเท่ากับว่าตระกูลลั่ว ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูยืนอยู่ด้านหลังของถังเฉา คนแบบนี้ยังสามารถถูกเรียกว่าเป็น ‘ตัวไร้ประโยชน์’ ได้อีกเหรอ?
“ไม่อนุญาตให้พวกคุณพาคุณแม่ไป!”
ถังเสี่ยวลี้เองก็กระโดดลงจากเตียง ยื่นมือทั้งคู่ออกมา ใช้วิธีการของตัวเองปกป้องหลินชิงเสว่
เห็นลูกสาวของตัวเองยืนปกป้องตนอยู่ด้านหน้าอย่างกล้าหาญ หลินชิงเสว่ก็ตื้นตันจนดวงตาแดงก่ำ จากนั้นสายตาที่เธอมองพวกเขาก็ค่อย ๆ เยียบเย็นขึ้นทีละนิด ๆ น้ำเสียงมั่นคง
“ฉันรักกับถังเฉาดีมาก แถมยังคิดที่จะตั้งท้องที่สองอีก จะให้ฉันแต่งงานใหม่… เป็นไปไม่ได้!”
สีหน้าของหลินโป๋หลายมืดครึ้ม หลินอิ่นก็ยิ่งโมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว ชี้ไปที่หลินชิงเสว่ เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ดีนี่ ตั้งท้องที่สอง รอผู้นำมาแล้วเธอก็ถามเขาเอาแล้วกันว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่!”
อาจจะเป็นคำว่า ‘ผู้นำ’ สองคำนี้ที่นำความกดดันอันใหญ่หลวงมาให้กับหลินชิงเสว่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่มั่นคง
ตอนนี้เอง มือข้างหนึ่งก็กุมมือของเธอแน่น ส่งพลังอันอบอุ่นให้เธออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ยังจำคำที่ผมเคยพูดกับคุณได้ไหมครับ? ขอเพียงมีผมอยู่ ไม่มีใครสามารถมาเอาคุณไปจากผมได้”
“ต่อให้เป็นพ่อของคุณก็ไม่มีความสามารถนั้น!”
สายตาของถังเฉาสงบนิ่ง น้ำเสียงกลับมีพลังพิเศษที่น่าหลงใหล ใจที่ไม่สงบของหลินชิงเสว่ก็ค่อย ๆ สงบขึ้นมา
จากนั้นถังเฉาก็เอียงศีรษะมา กวาดมองหน้าของทุกคนด้วยสายตาที่น่าสะพรึงกลัว
“ในเมื่อพวกคุณบีบบังคับให้ภรรยาของผมแต่งงานใหม่ เช่นนั้นก่อนหน้านั้น ผมขอเช็กยอดรวม… ก่อนอื่นก็เป็นความแค้นที่ลักพาตัวภรรยาของผมมา!”
น้ำเสียงของถังเฉาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นในทันที สายตาจับจ้องไปที่ตัวการก่อเรื่อง หลินโป๋หลาย
ทันใดนั้น หลินโป๋หลายรู้สึกเหมือนตนเองถูกสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่งจ้องเอาไว้ เขาสั่นไปทั้งตัว
เฟิ่งหวงเดินขึ้นหน้าไปทันที “รองหัวหน้าคะ ฉันจะสั่งสอนเขาเองค่ะ!”
ถังเฉากลับโบกมือ “ไม่ ผมลงมือเอง!”
ด้วยเหตุนี้เฟิ่งหวงจึงปิดปากสนิท ไม่พูดไม่จา ถอยกลับมาอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ
เธอรู้ชัดเจนดีว่ารองหัวหน้าลงมือเองนั้นหมายความว่าอย่างไร
แต่ว่า ผู้ชายคนนี้กลับไม่รู้อะไรเลย
หลินโป๋หลายตะลึงอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็หัวเราะอย่างต่อเนื่อง “ถังเฉา นายแน่ใจเหรอว่านายจะมาแก้แค้นแทนน้องฉันด้วยตัวเองน่ะ?”
“มีปัญหาไหมครับ?”
ถังเฉาถามกลับอย่างเย็นชา เดินไปด้วยถอดชุดสูทสีดำที่ไม่เปื้อนฝุ่นเลยแม้แต่นิดเดียวบนตัวออกไปด้วย
เสื้อเชิ้ตบาง ๆ สีขาวไม่สามารถปิดบังกล้ามเนื้อที่ตึงแน่นของถังเฉาได้โดยสิ้นเชิง
หลินจ้าวหยูนจ้องหน้าอกของถังเฉาตาไม่กะพริบ กวาดมองทีหนึ่ง ใบหน้าก็แดงก่ำ ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่า คาดไม่ถึงว่าพี่เขยจะแจ่มขนาดนี้…
“ฮ่า ๆ ๆ!”
หลินโป๋หลายหัวเราะอย่างได้ใจ เอ่ยอย่างหยิ่งยโสว่า “ถ้าหากเป็นบอดี้การ์ดของนายเป็นคนลงมือละก็ ฉันอาจจะรู้สึกกลัวบ้างนิดหน่อย แต่นายน่ะเหรอ…”
คำพูดข้างหลังหลินโป๋หลายไม่ได้เอ่ยต่อ แต่ทุกคนล้วนรู้ความหมาย
“อย่างนั้นเหรอ?”
ถังเฉาสะบัดไม้สะบัดมือ ยิ้มอย่างหยอกเย้า “แนะนำให้คุณซื้อประกันชีวิตให้ตัวเองสักหนึ่งฉบับนะ”
“…”
หลินโป๋หลายเปลี่ยนสีหน้า กำลังจะถามอะไร ทันใดนั้นถังเฉาก็ยกหมัดสูงต่อยเข้าไปในหน้าของเขาอย่างโหดเหี้ยม
พลั่ก!
หลินโป๋หลายถูกโจมตีเข้าที่กลางใบหน้า ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ตอบโต้ ฉับพลัน หมัดนั้นก็อัดเข้าที่ใบหน้าจนยุบลงไป
ตัวของเขาทั้งตัวกระแทกกับหน้าต่างจนแตก หล่นลงไปจากชั้นสองราวกับว่าวที่สายป่านขาด
“โป๋หลาย!”
ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวจนถึงขีดสุด หมัดเดียวนี้ ดูเหมือนว่าจะสามารถต่อยให้คนเป็น ๆ ตายได้!
มีเพียงเฟิ่งหวงที่ยังเงียบสนิท เธอรู้ชัดแจ้งดีว่านี่ไม่ใช่ศักยภาพที่แท้จริงของรองหัวหน้า กระทั่งไม่ถึงแม้แต่หนึ่งขั้น…
และถังเฉาก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า และก็ไม่สนว่าที่นี่คือชั้นสอง กระโดดลงไปถึงที่ว่างข้างล่าง เดินเข้าไปทางหลินโป๋หลาย
เขาในตอนนี้กำลังนอนตัวสั่นน้อย ๆ อยู่บนพื้น กระดูกโหนกแก้มครึ่งซีกยุบเข้าไปลึก ๆ เขากำลังร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่อง
กรอบแกรบ ๆ…
ด้านหลังมีเสียงกระดูกสั่นสะเทือนส่งมา เขาหันกลับไปดู ตกใจจนแทบจะขวัญหนีดีฝ่อ
ถังเฉากำลังหักข้อนิ้ว เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ช่วย… ช่วยด้วย!”
สายตาของหลินโป๋หลายมีความหวาดกลัวอยู่ เขาหันหลังวิ่งหนี
แต่ทว่ารอบ ๆ กลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไหนเลยจะมีที่ให้หลบซ่อน
ในตอนนี้เขาเห็นโลงศพสีแดงหนึ่งโลง วางอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาราวกับหาที่สำหรับซ่อนตัวได้แล้ว แง้มฝาโลงแล้วเข้าไปซ่อนด้านในโดยไม่คิดเลยสักนิด