เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 56
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 56
การแสดงไต่เชือกของฉันระหว่างชาร์ลอตต์และเบอร์ทัสดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ชาร์ลอตต์ในตอนนี้ดูต้องการฉันมากจริงๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าเบอร์ทัสจะทำอย่างไรถ้าเขารู้ว่าฉันอยู่ข้างชาร์ลอตต์
ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดี ชาร์ลอตต์มีอำนาจมากขึ้นทุกๆ วัน แต่เธอจะไม่แตะต้องฉันจนกว่าฉันจะพบวาเลียร์
ตัดไปที่เบอร์ทัสฉันควรจัดการกับเขายังไงดี? ฉันตัดสินใจที่เคลียร์เรื่องนี้ เพราะฉันอาจจะถูกเปิดโปงไม่ช้าก็เร็ว
ฉันบอกชาร์ลอตต์อย่างชัดเจนว่าฉันไม่ต้องการเข้าข้างเบอร์ทัสเพียงเพราะว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของคลาส A ฉันยังบอกเธอด้วยว่าฉันได้รับคำสั่งให้เฝ้าดูเธอในระดับหนึ่ง
ชาร์ลอตต์ไม่ต้องการให้ฉันถูกเบอร์ทัสทำร้าย เพราะฉันยังต้องตามหาวาเลียร์อยู่ เธอจึงบอกว่าฉันสามารถให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเธอได้เลย
ฉันกลายเป็นนักฉวยโอกาสอย่างสมบูรณ์
ในที่สุดฉันก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอต่อผู้แข็งแกร่ง ฉันไม่ชอบพวกไฮยีน่าเหล่านี้ตั้งแต่ชีวิตแรกแล้ว แต่เหมือนจะเป็นซะเอง
“ดูเหมือนว่าเธอกำลังตามหาใครบางคนอยู่”
ในวันต่อมา ฉันคุยกับเบอร์ทัสที่ระเบียงหอพักเดิม
……ถ้าเป็นเกมจำลองการออกเดท สถานที่ที่จะพบเอลเลนเป็นประจำคือห้องอาหารและโรงยิม ถ้าเป็นเบอร์ทัสก็จะเป็นระเบียง เบอร์ทัสฟังสิ่งที่ฉันจะพูดและพยักหน้าช้าๆ
เขาทำให้ดูเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้ แต่เบอร์ทัสรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา แต่ฉันก็ยังให้ข้อมูลที่นักเรียนทั่วไปไม่ควรรู้แก่เขา
“อืม…. ชาร์ล็อตบอกนายเองเลยเหรอ?”
ในท้ายที่สุด ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบอกความจริงส่วนหนึ่งให้เบอร์ทัส ไม่มีทางที่เบอร์ทัสจะไม่รู้
“เธอบอกให้ฉันไปหาเขา”
“ให้นายหา…? หืม…. อา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เบอร์ทัสพยักหน้า บางทีอาจจำต้นกำเนิดของฉันได้
“ดูเหมือนนายจะรู้แล้วว่าเธอกำลังหาใคร?”
เบอร์ทัสพยักหน้าให้กับคำถามของฉัน
“ใช่ ฉันรู้… ดีเลยล่ะ สรุปได้ว่าเธอยังหาเขาไม่พบสินะ”
แค่ได้ยินว่าเธอสั่งให้ฉันตามหาเขา เขาก็อนุมานว่าชาร์ลอตต์ยังไม่พบฉัน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับเบอร์ทัส
“เธอคงบอกให้นายไปหาเขาโดยใช้กลุ่มโรตารี ไม่ใช่ตัวเองเอง…. แล้วเป็นไงบ้าง มีความคืบหน้าอะไรรึเปล่า ?”
ฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเพราะน้ำเสียงของเบอร์ทัส
ฉันไม่เคยบอกเบอร์ทัสเกี่ยวกับแก๊ง ฉันตั้งใจจะบอกเขาวันนี้ แต่เขารู้อยู่แล้ว ท่าทีของเขา ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้ มันค่อนข้างน่าขนลุกเลยนะแบบนี้เนี่ย
เบอร์ทัสคงตรวจสอบประวัติฉัน และไม่ได้ให้สัญญาณใดๆ ว่าเขารู้เรื่องพวกนั้นแล้ว แค่เพราะเขาไม่พูดตรงๆ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ เมื่อพูดสิ่งนี้กับฉันโดยตรงแบบนี้ เบอร์ทัสคงต้องการแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันอยู่ขอบเขตของเขา
ไม่ใช่แค่กลุ่มโรตารีเท่านั้น เขาอาจจะรู้เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องกับสมาคมโจรด้วย ฉันรู้ว่าเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้นต่อหน้าฉัน
ขณะที่ฉันตัวแข็งขึ้นเล็กน้อย เบอร์ทัสก็ยิ้มกว้าง
“นายไม่จำเป็นต้องประหม่าเพียงเพราะเรื่องแบบนั้นหรอก”
“ถ้านายรู้อะไร ก็บอกฉันล่วงหน้าด้วยเถอะขอล่ะ นายกำลังทำให้ฉันหัวใจจะวาย”
“มันดูเกินจริงไปหน่อยที่จะบอกว่านายมาจากข้างถนนใช่มั้ยล่ะ? ดังนั้นฉันแค่สืบเข้าไปในตัวนายเล็กน้อย แล้วสรุปนายมีความคืบหน้าอะไรมั้ย”
โชคดีที่เบอร์ทัสไม่คิดว่าฉันเป็นวาเลียร์เหมือนกันกับชาร์ลอตต์ อาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหาอยู่ข้างหน้าพวกเขานี่เอง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เหมือนกับชาร์ลอตต์ตรงที่เขาไม่แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อฉันแม้หลังจากที่รู้ว่าฉันมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมก็ตาม ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับความคืบหน้า
“จะมีไปได้ยังไง? ฉันมีเพียงแค่รูปใบเดียวและไม่มีแม้แต่ชื่อ”
“ก็นะ…. ฉันก็เดาไว้อย่างนั้นแล้วแหละ”
ดูเหมือนเขาจะคาดไว้แล้วว่าฉันไม่คืบหน้า ถ้าฉันทำจริง นั่นจะบั่นทอนประสิทธิภาพของกองกำลังของเขาเอง
“เธอได้บอกรึเปล่าว่าเขาเป็นใคร”
“ไม่ เธอไม่ได้บอกฉัน”
แม้ว่าฉันจะบอกเขาว่าฉันจะไม่รู้ เบอร์ทัสมองดูทิวทัศน์ของวิหารขณะดื่มชานม
“โอเคๆ…. สิ่งสำคัญคือฉันกำลังตามหาเขาด้วยเหมือนกัน ไรน์ฮาร์ท”
“……ฉันว่าแล้วล่ะ”
“ถ้านายพบเงื่อนงำใด ๆ แจ้งให้ฉันทราบทันทีหากเป็นไปได้”
“ฉันคิดว่ามันคงจะดีที่สุดถ้าฉันไม่พบเงื่อนงำใดๆ ในสถานการณ์นี้”
“ฮ่าฮ่า! นั่นก็จริง….”
ถ้าฉันเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฉันจะกลายเป็นศัตรูของอีกฝ่าย ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่ฉันจะไม่ค้นพบอะไรเลย ราวกับเห็นด้วยกับฉันเบอร์ทัสพยักหน้า
“ทุกอย่างปกติดี ปล่อยเธอไว้แบบนี้เดี๋ยวอีกหน่อยเธอก็จะทำลายตัวเองอยู่ดี พอเห็นว่าเธอเอื้อมมือมาหานายแบบนี้บางทีเธออาจจะเริ่มพังไปแล้วก็ได้”
ทำลายตนเอง
เบอร์ทัสดูเหมือนจะคิดว่าถ้าชาร์ลอตต์ไม่พบฉัน เธอจะกลายเป็นคนทำลายที่ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ฉันหดหู่ยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ชาร์ลอตต์มุ่งความสนใจไปที่การตามหาฉัน ดังนั้นดูเหมือนว่าเธอค่อนข้างจะประมาทเลินเล่อในเรื่องการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงบอกฉันว่าฉันปล่อยเธอไว้แบบนั้นแหละ และทำไมเขาถึงค่อนข้างผ่อนคลายกับสถานการณ์นี้
“ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนั้นนะ…”
เบอร์ทัสเม้มริมฝีปากราวกับว่าเขาผิดหวัง
เบอร์ทัสระวังชาร์ลอตต์มากจนวางแผนไม่ให้เธอกลับมามีชีวิตอีก แต่สุดท้ายเธอก็กลับมา ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธออย่างเต็มที่ แต่ศัตรูที่เขาระแวดระวังมากกลับเอาแต่มองหาเด็กผู้ชายราวกับว่าเธอหมกมุ่นอยู่กับมันอย่างเดียว
เบอร์ทัสรู้สึกเสียใจงั้นเหรอ เขาเสียใจที่เห็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเขาพังทลายลงอย่างนั้นจริงดิ? ชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็สำคัญเช่นกันว่าจะชนะได้ยังไงสินะ
“โอเค ถ้านายหาเขาไม่เจอเลย มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ”
ราวกับว่าเขาพูดถึงชาร์ลอตต์เสร็จแล้ว เบอร์ทัสก็หันมามองที่ฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ระวังเธออีกต่อไป ณ จุดนี้ เขาไม่ได้มองว่าเธอเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้ออีกต่อไปแล้ว เพราะเธอเอาแต่จดจ่ออยู่กับการหาเด็กหนุ่มคนนั้น? ดูเหมือนเขาจะคิดว่าไม่เป็นไร ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชาร์ลอตต์ให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากที่สุด
“นายเป็นว่าที่หัวหน้าคนต่อไปของสมาคมโจรรึเปล่า”
“………ฮะ? อา…. ฉันรู้ว่ามันค่อนข้างง่ายที่จะเข้าใจผิดในสถานการณ์นี้ แต่ฉันไม่ใช่ ฉันไม่เคยไปสมาคมโจรเลยด้วยซ้ำ”
แม้ว่าฉันจะบอกว่าฉันมีความเกี่ยวข้องกับมัน แต่ฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมาคมโจรอยู่ที่ไหน นั่นคือความจริง เบอร์ทัสรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นขอทาน แต่ดูเหมือนเขาจะคิดว่ามีบางอย่างในตัวฉันที่ไม่ปกติสำหรับเด็กข้างถนน
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่าเป็นเพราะฉันเป็นกิลด์มาสเตอร์คนต่อไปที่ได้รับการฝึกฝนจากสมาคมโจร ดังนั้น ฉันคงได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอก่อนลงทะเบียนเรียน
ฉันถอนหายใจ
“ฉันไม่รู้ว่านายจะเชื่อฉันรึเปล่านะ แต่ฉันอยากจะตัดสัมพันธ์กับพวกเขาจริงๆ”
แผนเดิมของฉันคือตัดความสัมพันธ์กับแก๊งโรตารีหลังจากปลุกพรสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ฉันลงเอยด้วยสถานการณ์ที่ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงค้นพบเกี่ยวกับภูมิหลังของฉันหลังจากตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
“ทำไม?”
“ฉันไม่ต้องการหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานสกปรก ฉันไม่อยากตายในคูน้ำ”
นั่นเป็นความปรารถนาที่ซื่อสัตย์ของฉัน ใครจะอยากสู้ชีวิตแบบไม่หยุดหย่อน? ค่านิยมของฉันก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปมากนัก
ฉันอยากอยู่เฉยๆและกินอย่างสบายใจ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ในตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดถัดไป
“อืม…. งั้นเหรอ นายคงไม่ได้พูดสิ่งเหล่านี้โดยที่นายไม่ได้หมายความตามจริงเพราะนายอยู่ต่อหน้าฉันหรอกใช่มั้ย”
“เป็นความจริงหรือไม่แล้วยังไง นายไม่ได้สืบค้นภูมิหลังที่แท้จริงของฉันแล้วรึไง?”
คนที่ตั้งเป้าจะเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปกลับล้มเหลวในการค้นหาตัวตนของหัวหน้าสมาคมโจร? เขาไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งนั้นหรอกหากเป็นแบบนั้น ราวกับว่าคำพูดของฉันมีเหตุผลเบอร์ทัสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“อืม…. ดังนั้นนายใกล้ชิดกับแก๊งโรตารีมากกว่าสมาคมโจรสินะ…. ต้องบอกว่าน่าผิดหวังเล็กน้อย”
“หมายความว่าไง ผิดหวัง?”
มีอะไรน่าผิดหวังมากที่ฉันไม่ได้เป็นทายาทของสมาคมโจร? ฉันคิดว่ามีเหตุผลที่ดีว่าทำไมเบอร์ทัสถึงสงบสติอารมณ์แม้ว่าจะได้รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของฉันแล้วก็ตาม
“ไรน์ฮาร์ท”
“อะไร”
“ฉันมักจะเชื่อว่าการเพิ่มจำนวนของอาชญากรรมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“หลีกเลี่ยงไม่ได้ นายพูดเรื่องอะไรของนาย”
ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?
“แม้ว่าสมาคมโจรจะถูกถอนรากถอนโคน ฉันเชื่อว่าจะมีกลุ่มอื่นเข้ามาแทนที่”
แม้ว่าใครคนหนึ่งรื้อกลุ่มอาชญากรกลุ่มหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับวัชพืช อาชญากรหน้าใหม่ก็จะรวมตัวกันและมีอำนาจอีกครั้งมันเป็นธรรมชาติ ดังนั้น การกำจัดองค์กรอาชญากรจึงส่งผลให้มีองค์กรอื่นเข้ามาแทนที่ ดังนั้นการจะกำจัดอาชญากรรมให้หมดไปจึงเป็นไปไม่ได้
“ในกรณีนั้น ถ้าไม่สามารถกำจัดมันได้ จะเป็นการดีกว่ามั้ยที่จะควบคุมอำนาจลึกลับนั้นเพื่อครอบครองมันอย่างสมบูรณ์? ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดมันให้หมดสิ้น มันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการกำจัดอำนาจเก่าและเฝ้าติดตามอำนาจอาชญากรใหม่ที่จะมาแทนที่ ความสามารถในการจัดการกับสิ่งที่ด้านมืดแก้ไขได้ด้วยด้านมืดเท่านั้นดังนั้นจะเป็นประโยชน์แน่นอน”
ฉันค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่เขากำลังพูดถึง
เขามองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก
“แล้วนายไม่อยากเป็นหัวหน้าสมาคมเหรอ?”
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเบอร์ทัสถึงบอกว่าชาร์ลอตต์จะจบลงด้วยการทำลายตัวเอง
ชาร์ลอตต์คิดว่าจะตามหาวาเลียร์ผ่านทางฉันเท่านั้น เธอจบลงด้วยการทำลายได้ทุกอย่างเพียงเพื่อตามหาวาเลียร์
อย่างไรก็ตาม เบอร์ทัสกำลังคิดที่จะครอบงำด้านมืดของเมืองหลวงผ่านทางฉัน
* * *
ในอดีตสหรัฐอเมริกาบังคับใช้กฎการห้ามดื่มสุรา ส่งผลให้องค์กรมาเฟียในอเมริกาเติบโตอย่างมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะหากมีใครห้ามสินค้าที่ผลิตได้ง่าย สินค้าเหล่านั้นจะถูกทำผิดกฎหมายต่อไปเรื่อยๆ นำไปสู่องค์กรที่จัดจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ หากมีอุปสงค์ก็มักจะมีอุปทาน และหากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผิดกฎหมาย ก็จะมีองค์กรอาชญากรรมจำนวนมากผลิตที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
การเพิ่มจำนวนอาชญากรรมจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมักมีผู้ที่อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควร และมีผู้จัดหาให้
เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหา จึงมีการจัดระเบียบอาชญากรรม และทำให้แนวคิดเรื่ององค์กรอาชญากรรมปรากฏขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดได้
เบอร์ทัสตัดสินว่าการพัฒนาดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะถอนรากถอนโคนพวกมัน คนอื่นก็จะเข้ามาแทนที่ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะควบคุมมัน ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าจะมีองค์กรใหม่ปรากฏขึ้น เขาก็จะสามารถรับมือได้เร็วกว่ามาก
ดังนั้น เบอร์ทัสต้องการให้ฉันเป็นหัวหน้าสมาคมคนต่อไป
เพื่อเข้าควบคุมโลกใต้ดินทั้งหมดในอนาคตโดยเริ่มจากเข้าควบคุมสมาคมโจรก่อน
นอกจากนี้เขายังสามารถใช้มันเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวนอกเหนือจากการควบคุมและตรวจสอบองค์กรอาชญากรรม ดังนั้นเบอร์ทัสจึงดูเหมือนจะคิดว่านี่เป็นแผนการที่ดีทีเดียว
ดังนั้นเขาจึงเสนอให้ฉันซึ่งเป็นนักเรียนของวิหารและเป็นสมาชิกของแก๊งโรตารี ถ้าฉันมีความตั้งใจที่จะเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินของเมืองหลวงอิมพีเรียล นั่นเป็นเหตุผลที่เขาคิดว่าค่อนข้างน่าผิดหวังที่ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมโจรมากนัก
ขนาดการมองเห็นของเราแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่านี่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม วิธีคิดของเราแตกต่างกันอย่างมาก
เบอร์ทัสกล่าวว่ายังไม่ต้องรีบตัดสินใจ และแผนนี้ก็ใหญ่เกินไปที่จะดำเนินการทันที
นี่เป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะสามารถตัดสินใจในทันที และพูดตามตรง มันไม่น่าสนใจสำหรับฉันเลย ถ้าฉันต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมแบบนั้น ฉันคงถูกบังคับให้ทำสิ่งต่างๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะสามารถทำสิ่งนั้นได้หรือไม่ และจิตใจของฉันจะทนได้รึเปล่า
ดังนั้น เบอร์ทัสจึงยุติการสนทนาของเราหลังจากที่เขาเสนอสิ่งนี้ให้ฉัน
หัวหน้าของสมาคมโจร….
เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีอะไรเลวร้ายเกี่ยวกับการมีอำนาจ จริงๆ แล้วมีสิ่งดีๆ มากกว่าเรื่องแย่ๆ นอกจากนี้ เบอร์ทัสซึ่งอยู่ในสายการสืบทอดบัลลังก์กล่าวว่าเขาจะดูแลฉันเอง
ฉันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกือบจะเป็นองค์กรที่ผิดกฎหมาย
และใคร ๆ ก็สามารถทำอะไรกับองค์กรที่ผิดกฎหมายได้มากกว่าองค์กรที่ถูกกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานเลย ฉันไม่เคยเกี่ยวข้องกับการจัดการองค์กร ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าฉันต้องทำอะไร ฉันจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆเหรอ? เป้าหมายของฉันก็แค่กินและใช้ชีวิตให้ดี ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเกท ฉันคงไม่มาที่วิหารตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้น เจ้าชายก็ให้ฉันเก็บไปคิดดู แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการผลักดันให้ฉันเป็นหัวหน้าสมาคมมากขนาดนั้น
แน่นอนว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะใช้ฉันทำอย่างนั้น ถ้าเขาต้องการมีกิลด์มาสเตอร์ของสมาคมโจรอยู่ในมือจริงๆ เขาก็สามารถหาได้ด้วยตัวเอง
ในตอนแรก ทั้งชาร์ลอตต์และเบอร์ทัสรู้ที่อยู่ของสมาคมโจร พวกเขาแค่ไม่อยากทำให้มือสกปรกด้วยการโต้ตอบกับพวกเขาเอง
เขาอาจจะแค่ต้องการทดสอบความมีประโยชน์และความสามารถของฉัน
ถ้าเป็นเหตุผลนั้น นั่นก็หมายความว่าเจ้าชายยังไม่มีความสนใจในการควบคุมโลกใต้ดินมากนัก ถ้ามันจำเป็นสำหรับเขาจริง ๆ เขาคงไม่ทำผ่านฉันหรอก ในท้ายที่สุด เป็นไปได้มากกว่าที่เขาอยากจะเห็นว่าฉันทะเยอทะยานแค่ไหนและความสามารถของฉันอยู่ในระดับที่พอใช้ได้รึเปล่า
อย่างไรก็ตามไม่มีการเร่งรีบ เป็นการตัดสินใจที่ฉันต้องค่อย ๆ คิดอย่างรอบคอบ
* * *
เราสามารถรู้สึกถึงบรรยากาศของเทศกาลแห่งชัยชนะได้แม้แต่ในวิหาร กิจวัตรการฝึกฝนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ใคร ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นโดยรวมที่ล่องลอยอยู่ในวิหาร
นักเรียนบางคนเก็บกระเป๋าล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านในช่วงที่โรงเรียนปิด ดังนั้น ในขณะที่มีเด็กๆ จำนวนมากตั้งหน้าตั้งตารอเทศกาล แต่ก็มีบางคนที่รอคอยที่จะได้กลับบ้าน
ทุกคนมีแผนที่แตกต่างกัน
“อัศวินเทมพลาร์?”
“ใช่แล้ว หลังจากดูการกลับมาของอัศวินเทมพลาร์แล้ว ฉันจะกลับไปที่อาราม สักพักหนึ่ง”
เอเดรียน่ากำลังยิ้มอย่างสดใสเมื่อจินตนาการถึงรูปลักษณ์อันสง่างามของอัศวินเทมพลาร์ ซึ่งจะกลับมาในไม่ช้าหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
บิชอปผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าผนึกกำลังกันเป็นกองทัพเพื่อเข้าร่วมสงครามโลกปีศาจ นักบวชและพาลาดินจากทุกศาสนารวมตัวกันและมีบทบาทสำคัญในกองกำลังพันธมิตร และตอนนี้กลับมาหลังจากนำศาสนจักรไปสู่ชัยชนะ
แน่นอน ฉันรู้ส่วนนั้นดี อัศวินเทมพลาร์จะยังคงอยู่แม้หลังจากนั้น และนี่คือสถานที่ที่พาลาดินและนักบวชทุกคนใฝ่ฝันที่จะเข้าไป เอเดรียน่าดูเหมือนจะต้องการเข้าร่วมด้วย
“แล้วจะกลับอารามเหรอ”
“ใช่ ฉันโตมาในอารามโทวาน ของราชรัฐแซงต์-โอวัน”
เอเดรียน่ากล่าวว่าเธอเติบโตในอารามที่อุทิศให้กับ โทวานเทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ เธอเป็นเด็กกำพร้า แต่ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเธอ เธอจึงสามารถเข้าสู่รอยัลคลาสของวิหาร ได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าร่วมวิหารตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น
โดยหากพูดถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของโทวาน เทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์นั้นมันจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษกับพวกอันเดด แน่นอน ฉันไม่ใช่อันเดดล่ะนะ
หลักคำสอนของโทวานมีพื้นฐานมาจากความเกลียดชังปีศาจ
จริง ๆ แล้ว ฉันจำรายละเอียดฉากทั้งหมดไม่ได้ แต่หลังจากใช้ชีวิตและศึกษาในวิหารมาระยะหนึ่ง ฉันก็สามารถเรียนรู้ความรู้บางอย่างที่ฉันลืมไปแล้วได้อีกครั้ง สำหรับฉัน ในฐานะนักเขียนของโลกนี้ รู้สึกแปลกมากที่จะต้องศึกษาเนื้อหาที่ฉันสุ่มมาปะติดปะต่อกันเรื่องการจัดตั้งศาสนจักรและหลักคำสอนของศาสนจักร
“ว่าแต่ พาลาดินและนักบวชแห่งโทวานไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ แล้วไงล่ะ”
เอเดรียน่าเอียงศีรษะราวกับถามฉันว่าทำไมฉันถึงถามเธอแบบนั้น
“คุณไม่ควรตัดสินใจอะไรแบบนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยนะ”
มันจะไม่สายเกินไปถ้าเธอตัดสินใจแบบนั้นหลังจากที่โตแล้ว เธอค่อนเป็นนักบวชได้หลังจากที่ได้เห็นที่โลกกว้างแล้วก็ได้ เอเดรียน่ายิ้มให้กับเสียงคร่ำครวญของฉันคนนี้
“ถ้านายได้บูชาเทพเจ้าและเข้าร่วมพิธีมิสซา นายจะเปลี่ยนใจ รุ่นน้อง มีคนในโลกนี้ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยศรัทธาเพียงอย่างเดียว เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ในแบบของมัน”
ฉันรู้สึกเหมือนเธอพยายามโน้มน่าวใจจนฉันเริ่มกลัวแล้วนะ เอเดรียน่าพูดถึงหัวข้อนี้อย่างช้าๆ และดูเหมือนว่าเธอคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว
จู่ๆ เอเดรียน่าก็คว้ามือฉันไว้และไม่ขยับเลย
มันค่อนข้างน่ากลัวนะแบบนี้เนี่ย
“นายอยากไปร่วมพิธีมิสซากับฉันหลังเลิกเรียนมั้ย”
“ขอร้องล่ะอย่าทำแบบนี้….”
“นายไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักคำสอนของ โทวานอย่างถูกต้องก็ได้ ทุกคนสมควรได้รับพระคุณของเขา รุ่นน้อง ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถแก้ไขบุคลิกที่บิดเบี้ยวของนายได้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นคนดี”
เมื่อถึงจุดหนึ่ง เอเดรียนาเริ่มเทศน์ให้ฉันฟัง ไม่ ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากและฉันรู้ว่าเธอใจดี แต่นี่มันกดดันเกินไปแล้ว!
“ภายใต้แสงสว่างของนักบุญ เราทุกคนจะพบความสุขได้ รุ่นน้องนายเข้าใจมั้ย”
จู่ๆ เอเดรียน่าก็กลายเป็นนักบวชของศาสนจักร แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนจักรก็ตาม
ด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่สามารถยอมรับได้แม้จะรู้สึกขอบคุณก็ตาม เธอคงเตรียมสารพัดวิธีเพื่อให้ได้มาทั้งกายและใจ
ใช่ ฉันรู้ดีว่ามันจะเป็นแบบนั้นแน่ๆ!
เธอจะใช้อุบายเข้าหาฉันอย่างนุ่มนวลก่อน และเมื่อฉันกำลังจะปฏิเสธ เธอจะทำให้ฉันรู้สึกเสียใจและพาฉันไปที่โบสถ์ของเธอโดยธรรมชาติ! จะเกิดขึ้นสักครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จนกว่าฉันจะถอนตัวไม่ได้อีกแล้ว….
ฉันคิดว่านายจะชอบมัน… ฉันขอโทษ… ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น… ฉันแค่มีความสุขที่ได้แบ่งปันความสุขกับนาย ฉันไม่ต้องการที่จะลากนายไปกับฉัน… แต่ถ้านายไม่มาฉันคงเสียใจมาก…..
ฉันรู้สึกว่าจะมีอะไรประมาณนี้เกิดขึ้น!
อา
พี่สาวครับ
พี่ยังสบายดีอยู่มั้ย
ฉันได้ยินมาว่าพี่แต่งงานแล้ว….
ฉันสงสัยว่าสิ่งต่างๆในโลกเก่าของฉันจะเป็นยังไงกันนะ….
“ฉันเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อที่แตกต่างออกไปแล้ว!”
เอเดรียน่าเอียงศีรษะขณะที่ฉันตะโกน ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะถูกลากลงนรก
“ฮะ? นายมีพระเจ้าที่นายติดตามแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันจะไม่เรียกเขาว่าพระเจ้าหรืออะไรแบบนั้น… แต่มีบางอย่างที่ฉันเชื่อ”
“ฮะ…? ใครน่ะ?”
ฉันมองไปที่เอเดรียน่าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
ใช่ ฉันเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอยู่แล้ว
“ฉันเอง”
“……?”
“ฉันเชื่อในตัวเอง”
ศาสนาที่ฉันเป็นทั้งผู้บูชาและผู้ถูกบูชา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉันเป็นหัวหน้าของโบสถ์จิตใจดื้อรั้นและเป็นเป้าหมายของความเชื่อ!
ฉันเชื่อในตัวเอง
นั่นคือแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งของฉัน
อัศจรรย์ยิ่งกว่าเพราะเป็นเรื่องจริง
“เอ๊ะ…. หือ?”
เอเดรียน่าไม่เข้าใจคำที่ฉันพูด เธอจึงดูตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง
หลังจากฟังคำอธิบายโดยละเอียดของฉันแล้ว เธอก็ตบหลังฉันและบอกฉันว่าอย่าพูดอะไรแปลกๆ อีก