เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 42
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 42
เด็กชายที่ช่วยเธอไว้ แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้หายตัวไป
ดูเหมือนว่าชาร์ลอตต์จะคิดว่าเขากลายมาเป็นขอทาน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอใช้ฉันเพื่อหาเด็กคนนี้ เพราะขอทานน่าจะรู้จักขอทานดีที่สุด
นักเรียนจากองค์กรขอทานที่เข้ามาในวิหาร สำหรับชาร์ลอตต์ ฉันดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการค้นหาเด็กชายคนนั้นให้เธอ
แต่ในขณะที่ชาร์ลอตต์ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่ อารมณ์ที่ฉายแววในดวงตาของเธอเมื่อเธอบอกให้ฉันไปตามหาเขานั้นดูไม่สงบเลย
เธอดูเหมือนกำลังจะขาดสติ ชาร์ลอตต์ที่ขู่ฉันและยืนกรานให้ฉันตามหาตัวเอง ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ของเธอไม่ได้
ชาร์ลอตต์ทำการตรวจสอบประวัติฉันอย่างพิถีพิถันในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผลได้
ฉันคิดว่าเธอคงคิดว่าฉันน่าสงสัยแน่ๆ ในขณะที่ฟังเรื่องราวของไดรัส แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอก็แค่คนสิ้นหวังที่ตามหาคนที่สำคัญกับเธอ
ในบางเรื่องเธอก็เป็นคนขาดความรอบคอบ
ชาร์ลอตต์ไม่คิดว่าฉันน่าสงสัยเลย บางทีเธออาจจะคิดว่าฉันแค่วิ่งหนีหรือถูกลักพาตัวและถูกฆ่า
นั่นคือสิ่งที่ฉันเชื่อเมื่อดูจากความคิดของเธอ
ถ้าเธอสงสัยฉันซักนิดว่าฉันเป็นปีศาจปลอมตัวมา ชาร์ลอตต์น่าจะไม่เป็นอย่างนี้
ถ้าเธอตรวจสอบที่มาขอทานของฉัน วันที่ออกบัตรประจำตัวของฉัน และสอบสวนคนขอทานเป็นการส่วนตัว ชาร์ลอตต์คงสังเกตเห็นว่าวันหนึ่งฉันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม ชาร์ลอตต์หมกมุ่นกับการตามหา วาเลียร์มาก เธอแค่ต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการค้นหาเขา แต่ไม่ได้สงสัยถึงตัวฉันเลย
ฉันรู้สึกดีเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันก็ไม่ ตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ต้องหลอกเด็กคนนี้ที่ตามหาฉันอย่างสิ้นหวัง
ฉันได้รับคำสั่งแปลกประหลาดนี้ให้ค้นหาและพาตัวเองไปหาชาร์ลอตต์ การปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยรูปลักษณ์ของวาเลียร์จะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่เธอจะไม่ยอมปล่อยฉันไปแน่ๆ เธอจะพยายามให้ฉันอยู่เคียงข้างเธอ
ฉันควรทำอย่างไรดี?
ซาร์เคการ์ ผู้ช่วยคนหนึ่งของฉัน เป็นคนที่ลักพาตัวเจ้าหญิงอิมพีเรียลไป มันคงไร้สาระที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันกับเธอ และการปรากฎตัวต่อหน้าเธอในร่างของวาเลียร์ก็ดูจะเป็นอันตรายอย่างมาก
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
ฉันต้องหารือเรื่องนี้กับ โลยาร์, เอเลริส และ ซาร์เคการ์
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันติดกับดักเบอร์ทัสกับชาร์ลอตต์โดยสิ้นเชิง
ขึ้นอยู่กับการกระทำของฉัน การตัดสินใจมาที่วิหารอาจเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็ได้
* * *
คนที่อยู่ใกล้ตัวฉันมากที่สุดคือเบอร์ทัส และคนที่อยู่ใกล้หัวใจฉันที่สุดคือชาร์ลอตต์
พูดตามตรงฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่ตามหาฉันอย่างสิ้นหวังได้ และจริงๆ แล้วฉันต้องช่วยศัตรูคู่อาฆาตของชาร์ลอตต์อยู่ด้วย
และตอนนี้แก๊งค์ก็อยู่ในการจับตามองของเจ้าหญิง ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเบอร์ทัส แต่เจ้าหญิงจะกวาดล้างแก๊งค์โรตารีอย่างแน่นอน ถ้าฉันทำเรื่องไร้สาระ เธออาจจะนำความสัมพันธ์ของฉันกับสมาคมโจรไปบอกอาจาร์ยและอาจทำให้ฉันถูกไล่ออกจากวิหารเลยด้วยซ้ำ
การแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน ชาร์ลอตต์รู้ทุกอย่างแล้ว
เธอไม่รู้รายละเอียดที่สำคัญที่สุด แต่เธอรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่จะทำให้ฉันรำคาญใจ
ฉันไม่สามารถบอกเบอร์ทัสได้ว่าชาร์ลอตต์สั่งให้ฉันทำอะไร ถ้าเขาถามฉันทีหลังว่าฉันคุยกับชาร์ลอตต์เรื่องอะไร ฉันควรบอกเขายังไงดี?
ทั้งเบอร์ทัสและชาร์ลอตต์ตามหาฉัน เบอร์ทัสเพื่อจัดการและชาร์ลอตต์เพื่อปกป้อง
สิ่งต่าง ๆ เริ่มบิดเบี้ยว
อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นกับไดรัส? ฉันถามชาร์ลอตต์ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ฉันอยากรู้ ถ้าดยุคซาเลเรียนจัดการเขา เขาคงจะตายไปแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าชาร์ลอตต์จะปกป้องเขาอย่างดี
ตอนนี้ฉันควรกังวลเกี่ยวกับคนอื่นได้ด้วยเหรอ
รัชทายาททั้งสองต้องการให้ฉันทำบางสิ่งเพื่อพวกเขา มันจะดีกว่าถ้าฉันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับด้านใดด้านหนึ่ง แต่ฉันกลับมีความเกี่ยวพันกับทั้งสองอย่างคลุมเครือ
นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้
เรื่องของชาร์ลอตต์ต้องคุยกันต่างหาก และไม่ใช่แค่นั้น
ฉันยังต้องเตรียมตัวสำหรับการดวลกับอาร์ทในสัปดาห์นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะทุบตีฉันจนเลือดอาบแน่ๆเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่หลังจากนั้นเขาจะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ อีกต่อไป
* * *
ฉันกลับมาที่หอพักแล้วก็ได้มีคนเรียกฉัน
“นี่ นายขอทาน”
“อะไร?”
แฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน เมื่อฉันตอบสนอง เธอปิดปากของเธอและหัวเราะ
“ฉันเรียกนายงั้นเหรอ? ฉันเพิ่งพูดคำว่าขอทาน นายเป็นขอทานหรือเปล่าล่ะ”
เธอพยายามเอาคืนฉันด้วยวิธีเดียวกับที่ฉันใช้กับเธอสินะ?
“ก็ใช่ไง”
“หือ?”
เมื่อฉันตอบว่าใช่ สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นกลายเป็นคนงุนงงราวกับว่านี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เธอต้องการ ฉันไม่เคยตั้งให้เธอเป็นตัวละครแบบนี้เลยนะ ทำไมเธอถึงน่ารักจัง?
เธอเหมือนเด็กน้อยที่คิดว่าตัวเองฉลาด เธอน่ารักมาก ฉันโกรธเธอไม่ลงเลยล่ะ
“ฉันเป็นขอทาน เธอพูดถูกแล้วล่ะ แล้วมันยังไงล่ะ”
“หึ หึ… อา….”
สิ่งที่เธอคาดหวังให้ฉันพูดคือ “อย่าเรียกฉันว่าขอทานนะ!” แต่สิ่งที่เธอได้รับคือ: “เธอพูดถูกแล้วล่ะ” ดังนั้น เมื่อฉันถามเธอว่าเธอต้องการอะไร เธอดูกระอักกระอ่วน เพราะเธอคงไม่มีอะไรจะพูดกับฉัน
“ฉันได้ยินมาน่ะ ฉันได้ยินมาว่านายกำลังจะดวล?”
ทำไมเธอถึงแสร้งทำเป็นว่าได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ที่นั่น ตอนที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร นี่เป็นเพียงคำถามที่เธอเพิ่งคิดขึ้นมาสดๆเลยชัดๆ
“ใช่”
“รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยนะ นายจะต้องโดนซ้อมหนักมากเลยแน่ๆ”
“ก็ถูกของเธอ ฉันสงสัยว่าเขาจะฆ่าฉันรึเปล่านะ”
ดูเหมือนเธอจะผงะกับคำตอบที่ไม่ใส่ใจของฉัน
“……นายไม่กลัวรึไง?”
“กลัวสิ? กลัวจนแทบจะฉี่ราดอยู่แล้ว”
เธอดูสับสนมากขึ้นเมื่อฉันบอกเธออย่างไม่ตั้งใจว่าฉันกลัวจริงๆ เธอรู้ว่าฉันเป็นตัวก่อกวน แต่ดูเหมือนว่าการประเมินของฉันจะถูกแก้ไขว่าเป็นคนที่เข้าใจยากโดยสิ้นเชิง
“แล้วทำไมนายถึงยอมรับคำท้าล่ะถ้านายกลัวน่ะ”
“บางทีฉันอาจจะบังเอิญเปลี่ยนเกมได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง”
ฉันไม่ได้พูดอะไรเช่น: “ฉันกำลังพยายามปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของฉันด้วยการทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันทางจิตใจอย่างมาก”
แฮเรียตจ้องมาที่ฉันราวกับว่าฉันบ้า ในที่สุดเธอก็ส่ายหัว
เธอยังมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนริมฝีปากของเธอ
“งั้นฉันคงต้องคอยดูแล้วล่ะว่านายจะถูกซ้อมจริงๆ หรือเปล่า”
“ตามใจ”
“……ฮึ่ม!”
ฉันมุ่งหน้าไปที่โรงยิม
และดูเหมือนตอนนี้บทสนทนาของพวกเราจะดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ
* * *
ความสามารถทางกายภาพของฉันไม่ได้ตามหลังเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่ก็เทียบไม่ได้กับผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าคนอย่างอีริช ลาฟาเอรี ที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แต่ไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆเลย ก็ไม่อยู่ในสมการนั้นเช่นกัน
โรงยิมของหอพักคลาส A มีนักเรียนสองคนถือดาบฝึกหัดและตีหุ่นไล่กาตามลำพังหรือฝึกท่าทาง
A-2, เอลเลน อาร์โทเรียส และ A-5 คลิฟฟ์แมน สองคนนี้เท่านั้น ทั้งสองฝึกฝนทุกวันตามกิจวัตรของตน พวกเขาไม่ได้ออกไปเล่นในวันหยุดสุดสัปดาห์และฝึกซ้อมตลอดทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนฝึกแยกกันในขณะที่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีโอกาส 100% ที่พวกเขาจะไม่เคยแม้แต่จะสนทนากันเลยจนถึงตอนนี้
ตอนนี้ฉันหยิบดาบฝึกหัดขึ้นมา
แต่ฉันจะฝึกวิชาดาบได้ยังไง? เพียงแค่แกว่งดาบไปรอบ ๆ ด้วยตัวเองงั้นเหรอ
ฉันมักจะอธิบายว่า “พวกเขาฝึกวิชาดาบ” ในนิยายของฉันโดยไม่ลงรายละเอียด การเลื่อนระดับก็ใกล้เคียงกัน ฉันแค่บอกว่าพวกเขาเลื่อนระดับ หรือจะเป็นการพูดตรงๆ ว่าพวกเขาเก่งขึ้นแล้วในเรื่องนี้หรือเรื่องนั้น
ฉันเริ่มแกว่งดาบ
แน่นอน มันไม่ได้สุ่มทั้งหมด ฉันพยายามนึกถึงกระบวนท่าของนักดาบที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและทำตามมันในขณะที่เล่นซ้ำความทรงจำนั้นในใจของฉัน ฉันฝึกฝนเทคนิคและกระบวนท่าของนักดาบในขณะที่ดูคู่มือที่ให้มา มีงานที่ต้องทำมากเกินกว่าจะย่อให้สั้นลงในคำเดียวได้
ฉันตระหนักว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อมือและแขนของฉันต้องได้รับการรองรับ การทำงานของเท้าก็มีความสำคัญเช่นกัน
ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าสองคนนี้ทำสิ่งนี้ทุกวัน
ทั้งสองกวัดแกว่งดาบอย่างเงียบ ๆ เริ่มดูเหลือเชื่อสำหรับฉันอีกครั้ง
* * *
“ฮึ่ม…. ฮึ่ม….”
หลังอาหารเย็น เอลเลนยังคงควงดาบของเธอต่อไป และแม้ว่าคลิฟฟ์แมนจะกลับไปที่หอพักแล้ว เธอก็ยังคงฝึกฝนเพียงลำพัง
แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแค่กวัดแกว่งดาบ เธอดูเหมือนจะทำสิ่งอื่น เช่น ไปที่ไหนสักแห่งและกลับมาหลังจากนั้น ในที่สุด หลังจากเวลาผ่านไป ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือการฝึกและกวัดแกว่งดาบ
นี่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้รึเปล่านะ?
ฉันทำสิ่งนี้เพียงวันเดียว แต่ฉันก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ฉันคงต้องฝึกฝนตัวเองให้ชิน ไม่ใช่แค่เพราะการดวลกันในสัปดาห์หน้า แต่งเพราะฉันไม่สามารถเชื่อในการกระทำหมาบ้าของฉันตลอดไป
นั่นคือสิ่งที่ฉันตระหนักถึง
รุ่นพี่ปีที่3ไม่มาแม้ว่าจะมืดแล้วก็ตาม ในที่สุด ก็เป็นไปตามคาด พวกเขาไม่ต้องการมายุ่งกับเจ้าชายโดยตรง และคนเหล่านั้นบังคับให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จัดการแทนพวกเขา
รุ่นพี่ปี3ไม่มา อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่คาดคิดได้เข้ามาในโรงยิม
“…….”
“ว่าไงรุ่นน้อง ฉันได้ยินมาว่านายอยู่ที่นี่”
เอเดรียน่า รุ่นพี่ปี2ที่มีท่าทางสุขุม
เธอขมวดคิ้วขณะที่เธอมองมาที่ฉันซึ่งนอนเหยียดยาวพร้อมกับดาบฝึกหัดอยู่ข้างๆ ฉันที่เหงื่อออกมากมาย
“คุณมาทำอะไรที่นี่น่ะ รุ่นพี่?”
“…เรดิน่าขอให้ฉันมา”
“เด็กคนนั้น?”
เพื่ออะไร
“ดูเหมือนว่าอาร์ทจะตั้งตารอมาก ดังนั้นเขาอาจจะทุบนายให้ตายไปครึ่งตัวก็ได้ เธอพยายามที่จะห้ามเขาแล้วนะ”
เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากจนถึงจุดที่ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำกับเธอ เอเดรียน่าถอนหายใจเมื่อเห็นฉันเหนื่อยมาก
“แต่เมื่อมองดูนายตอนนี้ ดูเหมือนว่านายกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่”
“อืม…. ก็ประมาณนั้น”
“เพียงเพราะนายทำแบบนี้เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ไม่ได้หมายความว่านายจะสามารถเอาชนะอาร์ทได้ รู้ใช่มั้ยล่ะ?”
เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่
‘ทำไมนายถึงยอมรับการดวลที่เห็นได้ชัดว่านายกำลังจะแพ้และกวัดแกว่งดาบในโรงฝึกจนเกือบฆ่าตัวตาย? ไม่มีโอกาสชนะเลยซักนิด’
นั่นคือสิ่งที่เธอพยายามจะบอกฉัน
“ฉันแค่ต้องทำอะไรบางอย่าง”
“นายจะแพ้ น่าเศร้าที่มันจะเป็นเช่นนั้น”
“ฉันรู้อยู่แล้ว”
“…ไปขอโทษเถอะ ก่อนที่เธอจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูไปมากกว่านี้ แน่นอนนายตระหนักดีว่านายกำลังไปไกลเกินไป อาร์ทเองไม่ใช่คนที่แย่อย่างที่คิด”
“ฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี”
ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมเขาถึงโยนถุงมือหลังจากถูกยัดเยียดแบบนั้น เขาถูกทำให้อับอายโดยรุ่นน้องของเขา เอเดรียน่ากัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย
“นายรู้ว่านายจะแพ้ และนายก็ไม่คิดว่าอาร์ทเป็นคนไม่ดี แล้วทำไมนายถึงอยากสู้ต่อและไม่ไปขอโทษ”
“เพียงเพราะว่า”
ฉันลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดาบฝึกหัดของฉันและเริ่มฝึกท่าทางของฉัน
“ฉันต้องลองโดนซักครั้งน่ะ”
“……อะไรนะ?”
“แค่นั้นแหละ”
– หวือ! หวด!
ฉันต้องถูกโจมตีเพื่อเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เอเดรียน่าจ้องมาที่ฉันเป็นเวลานานแล้วถอนหายใจ
“นี่รุ่นน้อง”
“ว่าไง”
เอเดรียน่าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉันราวกับว่าเธอต้องการจะหยุดฉันและแย่งดาบไปจากมือของฉัน
จากนั้นเธอก็แสดงท่าทางที่ฉันพยายามทำมาจนถึงตอนนี้เบา ๆ เมื่อมองในกระจก มันเทียบไม่ได้กับท่าทางเงอะงะที่ฉันแสดง เกือบจะเป็นท่วงท่าที่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับการรำดาบ
“…ทำไมคุณถึงแสดงสิ่งที่ฉันไม่สามารถเลียนแบบได้…”
เอเดรียน่าถอนหายใจราวกับว่าตัวเธอเองไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังทำและคืนดาบฝึกหัดให้ฉัน
“ลองทำมันดู”
จากนั้นฉันพยายามแสดงการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่ เอเดรียน่าแสดงให้ฉันเห็นโดยใช้หุ่นไล่กา
“…….”
“…….”
เราสองคนมองหน้ากันเงียบๆ เธอเดินเข้ามาหาฉัน จับแขนฉันแล้วเขย่าไปมา มันเดินกะโผลกกะเผลกเพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก
“มันไม่มีประโยชน์อะไรหากนายพยายามทำสิ่งนี้ในขณะที่นายหมดแรง เดี๋ยวจะเจ็บข้อมือซะเปล่าๆ”
เอเดรียน่ามองมาที่ฉันด้วยความสงสารแล้วหลับตาลง มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นจากมือของเธอและเริ่มจี้ร่างกายของฉัน
“นี่ นี่….”
“…อา นายไม่รู้งั้นเหรอ”
จากนั้น เอเดรียน่าก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ฉันอยากเป็นพาลาดินน่ะ”
เธอดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ทั้งในด้านพลังศักดิ์สิทธิ์และทักษะการใช้ดาบ ปีที่สอง A-2 เอเดรียน่า ถ้าเธอเป็นหมายเลข 2 ของคลาส A ฉันเดาว่าเธอคงจะมีความสามารถมากกว่านี้
เธอช่างเหลือเชื่อจริงๆ เนื่องจากเธอสามารถใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เธอฟื้นคืนพลังของฉันด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและความเมื่อยล้าทั้งหมดของฉันได้รับการบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด
“เอาล่ะ ลองใหม่อีกครั้ง”
“ขอบคุณนะ”
เรี่ยวแรงของฉันได้รับการฟื้นฟู ขณะที่รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ ฉันพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของเอเดรียน่าอีกครั้ง
“…….”
“…….”
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
คำแปลไหนแปลกๆแนะนำมาได้เลยนะครับ
เพจผู้แปล Lemon FT