เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 239
บทที่ 239 : หนอนเฟืองนาฬิกา
หลินเจี๋ยอดหน้าเบี้ยวไม่ได้เมื่อกลไกแปลกตาที่ดูเหมือนนาฬิกาถูกเผยออกมา
เขาเบนสายตาไปที่แอนดรูว์ผู้กระวนกระวาย ก่อนที่จะเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง
มีของขวัญที่เป็นไปได้ตั้งมากมาย คุณดันมาเลือกนาฬิกา นี่คุณมาขอโทษหรือมายั่วโมโหกันเนี่ย? หลินเจี๋ยผรุสวาทในใจ
แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่พูดออกมาหรอก
เพราะถึงอย่างไร มันก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าแอนดรูว์มาจากอาซีร์และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาบ้าน และในบริบทของคนอังกฤษแล้ว การ ‘ให้นาฬิกาเป็นของขวัญ’ ไม่ได้หมายถึง ‘รอไปงานศพผู้รับ’
ที่จริงแล้ว ปกติหลินเจี๋ยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในอาซีร์เหมือนกัน และจะใช้ภาษาจีนก็ต่อเมื่อคุยกับจี้จือซู่ หนังสือที่เขาขายก็มีทั้งสองภาษาทั้งจีนและอังกฤษ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฐานะของแอนดรูว์แล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องมาทำตัวพินอบพิเทาก่อนจะมาแกล้งกันแบบนี้เลย
นี่คงแค่เป็นการพลาดพลั้งเท่านั้น…เดี๋ยวก่อนนะ อืม…แอนดรูว์เป็นรองประธานสมาคมแห่งสัจธรรม
เขาต้องเป็นบุคคลมีการศึกษาที่มีความรู้กว้างขวางถึงจะเป็นรองประธานองค์กรปัญญาชนอย่างสมาคมแห่งสัจธรรมได้ ไม่ใช่ว่าเขาควรเข้าใจความละเอียดอ่อนของภาษาทั้งสองเหรอ?
หลินเจี๋ยสงสัยในใจ แต่จากสีหน้าท่าทางของแอนดรูว์แล้ว มันดูจะไม่ใช่อย่างนั้น…
เจ้าของร้านหลินที่กำลังครุ่นคิดตัดสินใจเบนสายตากลับมาที่ของขวัญ
กล่องสีเงินนี้กว้างสิบเซนติเมตรและสูงยี่สิบเซนติเมตร ด้านนอกที่ตกแต่งด้วยเทคนิคเคลือบสีครามโบราณทำให้กล่องเคลือบนี้ดูวิริศมาหรา
เนื้อหาภายในยิ่งโดดเด่นยิ่งกว่า กลไกด้านนอกมีเฟืองเงินอันละเอียดอ่อนต่อติดกัน และโครงสร้างที่เป็นกลไกทางเทคนิคที่อัดแน่นเต็มไปหมดนั้นเป็นภาพที่น่าดูชมมาก
ด้านบนสุดเป็นแป้นทับทิมที่ส่องประกายในกรอบเงินบริสุทธิ์ เข็มชั่วโมงและนาทีทำงานแยกกัน ลวดลายสลักกลวง ๆ บนแป้นเวลานั้นเป็นมรดกงานฝีมือชั้นยอด และรายละเอียดก็ประณีตบรรจงราวกับประติมากรรมโบราณรูปสลักเรือที่ทำจากเมล็ดพีชของจีน
การจัดเรียงเครื่องประดับต่าง ๆ ในพื้นที่ปิดแคบ ๆ นั้นทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฝีมือของผู้สร้างนั้นสามารถมองได้กระทั่งว่าเป็นระดับเทพ ประกอบกับอัญมณีมากมายที่ฝังอยู่และกรอบหลักที่เป็นเงินทอประกาย ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่านี่คือสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้
ทว่าที่ฐานของนาฬิกาเรือนน้อยนี้ก็มีอะไรแปลก ๆ ที่ดูเหมือนวงล้อหนูแฮมสเตอร์ติดตั้งอยู่ด้วย
และบนส่วนวงล้อนั้นมี…หนอนผีเสื้อตัวหนึ่ง?!
หลินเจี๋ยผงะหงาย
มีหนอนผีเสื้อสีดำตัวหนึ่งที่มีลายสีขาวแปลก ๆ ที่ใต้ลำตัวของมันอยู่ในวงล้อจริง ๆ
เจ้าแมลงตัวนี้เดินไปข้างหน้าอย่างแสนเชื่องช้าแต่ต่อเนื่อง และการเคลื่อนไหวของมันก็ทำให้วงล้อหมุน
และเมื่อวงล้อหมุน เฟืองที่ต่อติดกันก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา ทำให้นาฬิกาเดินต่อ
หรือก็คือ วงล้อแฮมสเตอร์จิ๋วนี้คือเครื่องยนต์ของนาฬิกาทั้งเรือน
หลินเจี๋ยตะลึงไปโดยสมบูรณ์
อีหยังเนี่ย! เจ้าพวกกระเป๋าหนักพวกนี้มีความชอบบิดเบี้ยวกันดีแท้! ให้แมวกับแฮมสเตอร์วิ่งบนวงล้อนี่ไม่ทำให้พวกนายพอใจกันแล้ว พวกนายเลยหันมาใช้หนอนผีเสื้อแทนกันเหรอ?!
ทำขนาดใช้แรงงานหนอนเพื่อความพอใจ…เจ้าพวกนายทุน ผีดูดเลือด!
กับหนอนกับแมลงยังไม่เว้น!
แต่เราก็ต้องบอกว่า…
จากมุมมองนักสะสมแล้ว การใช้วงล้อหนอนนี้ทำให้มูลค่าของนาฬิกาจิ๋วนี่พุ่งทะลุเพดาน! มันเปลี่ยนจากแค่เครื่องประดับที่ดูแพงไปเป็นผลงานศิลปะและงานช่างที่โดดเด่นและไม่มีใครเหมือนไปแทน
ในความเห็นของหลินเจี๋ยแล้ว การเพิ่มสิ่งนี้เข้ามาทำให้มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า
มอง ๆ ดูแล้ว…นี่ดูจะเป็นชิ้นงานสั่งทำพิเศษที่น่าจะมาจากแผนกช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในสมาคมแห่งสัจธรรม ราคาต้องแพงระเบิดแน่นอน เฮ้อ…แอนดรูว์ตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอโทษจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ของขวัญที่เลือกมานี่…
ช่างมันเถอะ ตัดสินแค่จากความจริงใจแล้ว เราจะถือว่าเป็นแค่ความเข้าใจผิดแล้วกัน
หลินเจี๋ยมองตาแอนดรูว์แล้วพูดขึ้น “ของขวัญนี้…ไม่เลวเลยครับ ผมจะรับมันไว้นะ”
โทนเสียงของเขายังดูไม่เต็มใจนิด ๆ
เพราะถึงอย่างไร การที่เขาเป็นคนจีนก็หมายความว่าเขายังถือความหมายแฝงพวกนี้อยู่ ถ้าเป็นกรณีอื่น ๆ หลินเจี๋ยคงระเบิดโทสะออกมาแล้ว
แต่การผนวกรวมงานฝีมือไร้ที่ติและแนวคิดพิเศษเฉพาะที่ให้หนอนมาวิ่งบนวงล้อนี้เกินพอที่จะกระตุ้นความสนใจของหลินเจี๋ยได้แล้ว
ยิ่งกว่านั้น แอนดรูว์ยังค่อนข้างจริงใจด้วย ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงเต็มใจรับมันไว้
“ฮู่ว…เยี่ยมไปเลยครับ! ขอบคุณสำหรับความเมตตากรุณาและความผ่อนปรนนะครับ! ผม…ไม่สิ ฮู้ดกับคนอื่น ๆ จะรู้สึกขอบคุณคุณไปตลอดเลยครับ!”
แอนดรูว์ถอนหายใจโล่งอกออกมาแรงมาก เมื่อหัวใจที่เต้นรัวของเขาได้พักเสียที และเมื่อความหวาดระแวงของเขาผ่อนลง ก็ตระหนักได้ว่าหลังของเขาชุ่มด้วยเหงื่อเย็น ๆ
หัวใจของแอนดรูว์แทบหยุดเต้นเมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลินเจี๋ยแย่ลง
ถ้าเจ้าของร้านหนังสือไม่พอใจกับของขวัญนี้ แอนดรูว์คงไม่ได้เดินกลับออกจากร้านพร้อมชีวิตของเขาแน่
ที่สำคัญที่สุดคือ แอนดรูว์ไม่รู้เลยว่าเขาผิดตรงไหน และเขามืดแปดด้านอย่างแท้จริง
เขาใช้เวลาพอสมควรในการศึกษารายงานข่าวทุกฉบับเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของของมัน และเขาเชื่อว่าหลินเจี๋ยมีความชอบสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์หรือเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างเช่นการ์กอยล์หินที่เป็นผลงานชิ้นเอกของไวลด์ และดาบปีศาจซึ่งเป็นวัตถุโบราณที่อยู่มานับพัน ๆ ปี
ดังนั้น หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน แอนดรูว์จึงตัดสินใจอย่างรอบคอบว่า ‘หนอนเฟืองนาฬิกา’ ก็คือของขวัญที่คู่ควรที่สุด
แน่นอนว่าจุดเด่นไม่ใช่ตัวนาฬิกาหรอก
แก่นที่แท้จริงของมันคือสิ่งที่เหมือนหนอนผีเสื้อที่เป็นตัวขับเคลื่อนนาฬิกา
กรอบกลไกของมันและทุกสิ่งนอกจากนั้น ที่จริงแล้วถูกใช้เพื่อเป็นตัวควบคุมเจ้าหนอน และใช้พลังของมันอย่างสูงสุด
นั่นคือพลังในการควบคุมกาลเวลา!
หนอนเฟืองนาฬิกานี้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติสี่มิติ ในทางอภิปรัชญาแล้ว การจำกัดความมันด้วยคำว่า ‘หนอน’ นั้นไม่แม่นยำเลย และมันถูกใช้แค่เพื่อให้เข้าใจได้สะดวกเท่านั้น
รูปลักษณ์ปัจจุบันของมันที่ดูเหมือนหนอนผีเสื้อนี้เป็นเพียงการฉายภาพของมันแบบสามมิติเท่านั้น
กลไกควบคุมมันที่รายล้อมอยู่นั้นตกทอดมาหลายต่อหลายรุ่นในตระกูลของแอนดรูว์ ซึ่งนี่คือผลของการค้นคว้าหลายทศวรรษอย่างไม่ย่อท้อของพวกเขา
ที่จริงแล้วนี่คืออาวุธลับของตระกูลของเขา และแอนดรูว์ซึ่งเป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบันก็เป็นแค่ผู้ดูแลมัน
แต่ในสถานการณ์คับขันที่ชะตากรรมของเขาถูกนำมาเดิมพัน แอนดรูว์ย่อมให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่สูงกว่ามากกว่า
ยิ่งกว่านั้น แอนดรูว์ยังเข้าใจด้วยว่าหลังจากเขาร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ชะตากรรมของเขาจะถูกผูกพันกับร้านหนังสือโดยสมบูรณ์ และตระกูลของเขาก็เช่นกัน
ดังนั้น ทำไมไม่ทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่มเสียเลยล่ะ
แล้วในลักษณะนี้ เขาก็ยังได้แสดงความจริงใจและปรารถนาดีของเขาด้วย
ทว่าปฏิกิริยาแรกของหลินเจี๋ยนั้นกลับกลายเป็นสีหน้าดูแคลนอย่างคาดไม่ถึง…โชคดีที่สุดท้ายเขารับของขวัญไว้ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
แอนดรูว์ผ่อนลมหายใจอย่างหมดแรง
เขางุนงงสุดขีดว่าทำไมจึงมีคนไม่ชอบใจที่ได้รับของขวัญที่ประเมินมูลค่าไม่ได้นี้
ในขณะที่ชายหนุ่มรูปงามนั่งลงเพื่อวางแผนการเคลื่อนไหวถัดไป ความคิดที่น่าสะพรึงกลัวหนึ่งพลันก่อตัวในใจเขา
หรือว่า…เจ้าของร้านหนังสือได้บรรลุถึงศาสตร์การควบคุมเวลาไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเขามาเห็นเจ้าหนอนน้อยนี่ เขาถึงรู้สึกว่านี่คือของขวัญที่ไร้ค่า แล้วเขาก็เลยไม่ชอบใจ?