เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 114
ด้วยความระแวดระวัง จี้จือซู่จึงไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาของจดหมายทันที
ในเมื่อนี่คือกล่องที่นักเวทมนตร์ขาวปิดผนึก มันจึงเป็นไปได้ที่จดหมายพวกนี้จะถูกปิดผนึกด้วย เธอจะตกลงไปในกับดักถ้ามีอักขระเขียนบนนั้นด้วย
เหมือนบรรดาหนังสือในร้านหนังสือ อักขระของนักเวทมนตร์ขาวก็มีอำนาจที่จะส่งผลต่อจิตใจและวิญญาณของคนที่แค่เหลือบมองมัน
จี้จือซู่จ้องจดหมายสองฉบับในมือของเธอ สีหน้าของเธอเคร่งเครียด
ในแสงสลัวของร้านหนังสือ เธอจมในภวังค์ความคิดไปในชั่วขณะ
ความจริงที่เฮริสเก็บมันไว้ในกล่องเก็บสูตรดั้งเดิมนี้บ่งบอกว่าจดหมายเหล่านี้ต้องสำคัญแน่ อาจจะพอ ๆ กับสูตรได้เลย
ทว่าสูตรเลือดอสูรนี้ได้สื่อถึงรากฐานขององค์กรนักล่าและที่มาของพลังของนักล่าทุกคนแล้ว
หากเธอมองในมุมของนักล่าและผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าแล้ว จี้จือซู่จินตนาการไม่ออกเลยว่า สำหรับผู้นำสักคนจะมีอะไรสำคัญเทียบเท่ากับเลือดอสูรได้…
อย่าว่าแต่จดหมายสองฉบับเลย
สิ่งที่จี้จือซู่พบว่าแปลกคือ จดหมายสองฉบับนี้ควรถูกทำลายหากต้องการให้เนื้อหาเป็นความลับ และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซ่อนมันไว้ในกล่องนี้เลย
ในฐานะของนักล่าที่กำลังจะเข้าสู่ระดับภัยพิบัติอยู่รอมร่อแล้ว เฮริสคงไม่ถึงขั้นขี้ลืมจนต้องอ่านจดหมายบ่อย ๆ เพื่อที่จะจำเนื้อหาของมันได้หรอก
จี้จือซู่สงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อความคิดของเธอไหลไป ความคิดหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในใจแล้วรุนแรงขึ้นทุกที
นอกเสียจาก…ที่มาของสูตรดั้งเดิมจะถูกเขียนบนจดหมายนี้!
หัวใจของจี้จือซู่เต้นรัวแล้วเธอก็เลียปากอย่างไม่ตั้งใจ เด็กสาวเหลือบมองหลินเจี๋ยแล้วพบว่าเจ้าของร้านหนังสือได้หยิบหนังสือมาอ่านและไม่ได้สนใจอะไรเธอ
ในเมื่อเจ้าของร้านหนังสือไม่มีความเคลื่อนไหว หมายความว่ามัน… ปลอดภัย?
จี้จือซู่พยักหน้าช้า ๆ ถือว่ามันเป็นความเห็นชอบโดยปริยายจากหลินเจี๋ย สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นหลังจากเธอหยิบจดหมายออกมาอ่าน
จดหมายทั้งสองถูกเขียนห่างกันสามสิบปี และทั้งคู่ก็ถูกส่งมาจากที่เดียวกัน
ลายน้ำสีแดงจาง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ดาบที่ถูกโอบล้อมโดยวังวนเพลิงถูกพิมพ์ไว้บนจดหมายทั้งสองฉบับ
จดหมายพวกนี้ส่งไปถึงคนคนเดียวกัน
เฮริสเมื่อสามสิบปีก่อนที่เพิ่งเป็นนักล่า และหัวหน้าหมาป่าขาวเฮริสในสามสิบปีให้หลัง
ครั้งหนึ่ง เฮริสเคยโด่งดังมากในหมู่นักล่า
ส่วนหนึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเพราะการเติบโตอย่างมั่นคงของหมาป่าขาวในสามทศวรรษในการเป็นผู้นำของเขา และส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแข็งแกร่งและสติปัญญาของเขา
ถึงแม้สุดท้ายแล้วเฮริสจะมีจุดจบที่เลวร้าย แต่มันก็ไม่อาจลบเกียรติภูมิเดิมของเขาได้
ที่สำคัญที่สุด เขาเริ่มโดยไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงนักล่าไร้นามที่ไม่มีพื้นหลังใด ๆ ได้รับสูตรดั้งเดิมแล้วปีนขึ้นมาจากที่ที่เขาเคยอยู่
ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเขาได้รับสูตรดั้งเดิมมาจากไหน
คนส่วนใหญ่จัดว่ามันเป็น ‘เหตุบังเอิญจากความโชคดี’ ในเมื่อมันเกิดขึ้นมานานแล้วและยากจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกเสียจากจะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง
อีกทั้ง ยังไม่มีใครสนใจรายละเอียดเล็กน้อยนี้อย่างแท้จริงด้วย
แต่ตอนนี้ ในที่สุดจี้จือซู่ก็เข้าใจว่าเฮริสได้รับสูตรของเขามาอย่างไร…
เมื่อสามสิบปีก่อน จดหมายนี้และสูตรดั้งเดิมได้มาหาเฮริส
บนจดหมายเขียนไว้ว่า
‘รับมันไป แล้วการติดต่อระหว่างเราจะเริ่มขึ้น นับแต่นี้ องค์กรนักล่าที่แข็งแกร่งองค์กรหนึ่งจะเรืองอำนาจ แล้วเจ้าก็จะไม่ใช่ขยะที่อยู่ในซอกหลืบอีกต่อไป
เรารับประกันว่าไม่มีอะไรผิดพลาดในสูตรนี้ และจะไม่มีใครพบปัญหาอะไรจากมันด้วย ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็แค่ฉีดเลือดอสูรนี้เข้าไปในตัวแล้วรับพลังของเจ้าไปเสีย
ไม่ว่าชื่อเฮริสจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ถูกเหยียบย่ำในดินโคลน หรือสว่างไสวราวดวงดาวบนฟากฟ้า…มีเพียงเจ้าที่ตัดสินมันได้’
เมื่อสามสิบปีก่อน ข้อความที่เย้ายวนในจดหมายนี้มาหาเด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยและไร้ทรัพย์สินที่เพิ่งเป็นนักล่า
และจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา มันก็ชัดเจนว่าเฮริสรับข้อเสนอนี้แล้วก็กลายมาเป็นหัวหน้าหมาป่าขาว
ทว่า…ไม่มีอาหารมื้อใดที่ฟรี แน่นอนว่ามันต้องมีราคาที่ต้องจ่ายซุกซ่อนอยู่ ซึ่งก็ยังเป็นเหตุผลที่ทำไมองค์กรลึกลับนี้จึงมอบสูตรให้เฮริสในทีแรกด้วย
“ที่แท้นี่ก็คือที่มาที่แท้จริงของหมาป่าขาว” ดวงตาของจี้จือซู่หรี่ลง องค์กรที่สามารถมอบสูตรให้กับนักล่าตัวจ้อยที่ไม่มีใครรู้จักได้ง่าย ๆ นี้ต้องมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวอยู่แน่
แต่ว่า…เธอไม่เคยเห็นลายน้ำแบบบนจดหมายนี้มาก่อนเลย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาซ่อนตัวไว้อย่างแยบยลมาก
บนจดหมายอีกฉบับที่เพิ่งถูกส่งมาได้ไม่นานนั้นมีเนื้อหาที่เรียบง่ายมาก
‘ใน 7 วัน กระจกมนตราจะถูกปลดปล่อยออกมาจากแดนนิมิตในซอย 27 ไปรับมันมาเสียแล้วเจ้าจะได้โอกาสในการเลื่อนขั้นสู่ระดับภัยพิบัติ’
รูม่านตาของจี้จือซู่หดตัว นี่คือแหล่งที่มาของข้อมูลเกี่ยวกับกระจกมนตรา!
และในตอนนั้น เฮริสก็ไม่ได้จะกำจัดกระจกมนตรา ตั้งแต่แรกแล้ว เจตนาของเขาคือรับมันมาแล้วใช้มันเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับภัยพิบัติต่างหาก
แต่เขาไม่ได้คาดฝันเลยว่าจุดจบของเรื่องนี้จะถูกเขียนใหม่ในทันทีที่เขาสัมผัสมัน
องค์กรลึกลับนี้ต้องให้เฮริสทำเรื่องอื่น ๆ ในระหว่างสามสิบปีนี้แน่ ขัดเกลาเขาในทุกย่างก้าวก่อนที่จะนำเขาไปสู่ความล่มสลาย
เฮริสเก็บจดหมายนี้ไว้กับจดหมายฉบับแรกในกล่องนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะเห็นความตายที่คืบคลานเข้ามาแล้ว จึงเก็บจดหมายทั้งสองนี้ไว้โดยหวังว่าจะเปิดโปงองค์กรนี้กัน…
หรือเขาอยากจะลากพวกเขาให้ตายตกตามกันอย่างสิ้นหวัง
จี้จือซู่ระลึกถึงสภาพเละเทะของเฮริสที่ยกแขนขึ้นในวาระสุดท้ายท่ามกลางสายฝน
มันยากจะจินตนาการได้ว่าในใจของเขาตอนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่…
เขาค้นพบว่าตัวเองเป็นแค่หุ่นเชิดในระหว่างที่ตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างการมีสติและความบ้าคลั่ง เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตน่าสงสารที่ถูกโชคชะตาชักจูง…แต่ก็ทำได้เพียงพุ่งเข้าใส่เทพพิรุณร่างยักษ์นั่น…
ด้วยความให้เกียรติ หลินเจี๋ยจึงไม่ได้แอบมองสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง แต่เขาก็ยังเห็นสีหน้าบนใบหน้าของจี้จือซู่ได้อยู่
ความกังขา ตามด้วยความบรรลุ แล้วเปลี่ยนเป็นแตกตื่นและความสงสารที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอเอง
หลินเจี๋ยเลิกคิ้วพลางจินตนาการถึงเรื่องราวที่พลิกผันไปมา
ดูเหมือนว่าเดนมนุษย์ที่ตั้งใจนอกใจคุณหนูจี้นี่จะมีภูมิหลังที่คลุมเครือเอาการ
“ขบวนการอาชญากรหรือเปล่านะ?” หลินเจี๋ยวางหนังสือลงพลางแสดงด้านเป็นที่ปรึกษาชีวิตและผู้เชี่ยวชาญการพูดปลอบประโลมจิตใจของเขาแล้วถามอย่างใคร่รู้เล็กน้อย “เขาถูกสั่งการราวกับตัวหมาก มีผลประโยชน์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่ ผมพูดถูกไหมครับ?”
“ดูเหมือนว่าการแก้แค้นของคุณจะห่างไกลจากคำว่าจบนะครับ…”