เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 232 ข้าจะพาเจ้าบินไปไกลโพ้น
ตอนที่ 232 ข้าจะพาเจ้าบินไปไกลโพ้น
เขาลั่วเจียปิดภูเขามาปีกว่าแล้ว
หลายปีมานี้บอกว่าเขาลั่วเจียเป็นเขาศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งก็ไม่มีใครแย้งได้ ใต้เท้าบุตรสวรรค์ ต่อให้ไม่มีฝูเหยาในตอนนี้ เขาลั่วเจียก็ยังอยู่อันดับหนึ่งได้อย่างมั่นคง
ฝูเหยากับลั่วเจีย ถ้าจะบอกว่าอย่างแรกทำให้อย่างหลังประสบความสำเร็จ สู้บอกว่าอย่างหลังสนับสนุนอย่างแรกอย่างเต็มที่ดีกว่า
นอกจากเขาลั่วเจียแล้วคงไม่มีเขาศักดิ์สิทธิ์ใดที่จะใช้ทรัพยากรมากขนาดนี้ไปกับอัจฉริยะที่อนาคตยังไม่แน่นอนได้ ต่อให้เป็น ‘ครึ่งเทพ’ ที่เกิดมาพร้อมกับความเป็นเทพมหาศาลก็ตาม
ความเป็นเทพเป็นสิ่งที่หอมหวานที่สุดในโลก
ความเป็นเทพยังเป็นสิ่งที่มีพิษที่สุดในโลก
มีคนบอกว่าเขาลั่วเจียปิดภูเขาก็เพื่องานราชวงศ์ใหญ่
งานราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้าสุยจะเปิดฉากที่เขาลั่วเจีย…เรื่องนี้ดำเนินการโดยสององค์ชายแดนบูรพาและประจิม และยังมีหอบัวควบคุมดูแลในนั้น ถึงตอนนั้นผู้บำเพ็ญหนุ่มสาวทั้งใต้ฟ้าจะเดินทางมากัน
ศึกนั้นของเฉาหลันกับเยี่ยหงฝูกำหนดในวันที่เขาลั่วเจียเปิดภูเขา และเป็นวันที่งานราชวงศ์ใหญ่เปิดฉากขึ้น!
นี่เป็นข่าวที่มากพอจะสั่นสะเทือนเมืองหลวง ไปจนถึงทั้งใต้ฟ้าต้าสุย
…..
“เรียบร้อยแล้ว ยังมีความปรารถนาอื่นอีกหรือไม่”
หยวนฉุนมองเฉาหลันอย่างจริงจัง
เฉาหลันส่ายหน้าก่อนเอ่ยเสียงเบา “ไม่มีความปรารถนาอื่นแล้ว ขอบคุณคุณชายมาก”
คนชรายิ้มแต่ไม่พูด
เฉาหลันรู้ว่าคุณชายหยวนฉุนอยากจะพูดอะไร เขาจึงพูดเสียงเบา “การเดินทางจากแดนอุดรได้คุณชายหนุนหลังข้าตลอด ดังนั้นเขาศักดิ์สิทธิ์มากมาย สำนักทั้งหลาย คนที่ดูแคลนข้าและคนที่มีเจตนาร้ายทั้งต้าสุย ต่างถอยกันไปสามส่วน เฉาหลันจดจำบุญคุณนี้ไว้ในใจแล้ว”
หยวนฉุนมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เขาพูดเป้าหมายของตนเบาๆ “ยินดีเป็นศิษย์ข้าหรือไม่”
นี่เป็นคำเชิญที่ทำให้คนนับพันนับหมื่นต้องน้ำลายสอ
ตอนนี้ผู้บำเพ็ญเขาศักดิ์สิทธิ์มากมายที่มารวมหน้าจวนหนิงอี้ได้ยินดังนั้นก็อิจฉากันใหญ่ ดวงตาแดงขึ้นสามส่วน
นี่คือราชครูต้าสุย คุณชายหยวนฉุนเชียวนะ!
ตอนนี้คุณชายมีศิษย์ทั้งหมดสี่คน!
เจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่สองคน ขู่เช่อกับหลงหวง
เจ้ากรมข่าวกรองใหญ่อวิ๋นสวิน
สามคนนี้ล้วนเป็นราชันดารา ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นการคงอยู่ที่โดดเด่นที่สุดของต้าสุยในอนาคต!
ส่วนคนที่สี่…ตัวตนของศิษย์คนนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก
คุณชายหยวนฉุนฝากร่างแยกดอกบัวขาวไว้กับองค์รัชทายาท อยู่ในหอบัวตลอด หากองค์รัชทายาทมีข้อสงสัยใดก็จะเข้ามาถามในหอบัวได้ทุกเมื่อ
แต่ยินดีเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?
หนิงอี้ได้ยินประโยคนี้ก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะตอบแทนเฉาหลันในใจ
เฉาหลันกลับไม่ได้ตอบในทันที
จักรพรรดิไม่รีบแต่ขุนนางรีบจริงๆ…หนิงอี้มองซ้ายขวาไปรอบๆ ก็เห็นดวงตาแดงก่ำหลายคู่ ผ้าปิดหน้าของเฉาหลันปิดสีหน้าเขาไว้ มองไม่เห็นว่าตอนนี้ลังเลหรืออย่างไร ถึงยังมีท่าทีเงียบเช่นนั้น
เวลาช้าลงทีละนิด
จนเฉาหลันพูดขึ้น
บุรุษหนุ่มที่เอามือข้างหนึ่งกดงอบสีแดงเพลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย ท่านกับข้าเป็นศิษย์อาจารย์กันตั้งแต่รับงอบนี้แล้ว”
หยวนฉุนยังคงพูดเสียงเบา “ตอนเจ้าไปฝึกปางมือฝ่ายพุทธที่เขาวิญญาณ ก็เป็นศิษย์อาจารย์เช่นนี้กับฆราวาสเขาเสียวซาน ดังนั้น งอบนี้ไม่นับ”
นี่ต้องการเรียกศิษย์อาจารย์กันจริงๆ
คุณชายหยวนฉุนไม่ได้เป็นเช่นนี้มานานมาก
เขาสูงศักดิ์เช่นนี้ ถือว่ายอมลดเกียรติครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ผล
เฉาหลันเอามือข้างหนึ่งกดงอบ อยู่ในท่าทางยืนอย่างสงบนิ่งเช่นนี้นานมาก
หลงหวงที่พิงกำแพงหินตรอกเล็กกอดกระบี่ยาวในอก หรี่ตาแคบลง
ขู่เช่อที่นั่งยองข้างนางเคี้ยวหญ้าพลางกดเสียงต่ำลง พูดด้วยความแอบโมโห “เจ้าหนูนี่หมายความว่าอย่างไรกัน…บอกดีๆ ไม่ฟังต้องบังคับ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
เกิดเสียงดังตึง หลงหวงไม่พูดไม่จาก็ฟาดฝักกระบี่ที่ศีรษะขู่เช่อ
บุรุษร่างใหญ่กุมศีรษะ บนศีรษะเกิดเป็นรอยฝักกระบี่แดงขึ้นมา
เขาเบนหน้าด้วยความคับคับใจ เห็นสีหน้าหลงหวงแล้วก็มองด้วยแววตางุนงงไม่เข้าใจ
ใบหน้าหลงหวงใต้ผ้าปิดหน้าเคร่งขรึมขึ้นทีละนิด
นางเห็นว่านิ้วของเฉาหลันกำลังสั่นไหวเบาๆ
เขากำลังตึงเครียด หรือกำลังลังเล
หรือว่า…เจ็บปวด
….
เสียงถอนหายใจดังขึ้น
เฉาหลันยกมือขึ้นช้าๆ ถอดงอบนั้นออก พลังในตัวไม่อยู่ใต้การคุ้มกันของวิชาลับนี้อีก เผยใบหน้าหล่อเหลานั้นออกมา
เสียงถอนหายใจนี้ดังขึ้น ไม่ใช่แค่คุณชายหยวนฉุน แต่ทุกคนที่นี่ต่างเผยแววตาผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง
นี่จะปฏิเสธรึ
“คุณชาย ช่วยรับคำขอโทษของข้าก่อนด้วย…” เฉาหลันหน้าเศร้าลงเล็กน้อย เขาหัวเราะแห้งๆ ก่อนพูดอย่างจริงจัง “ข้ายังเรียกท่านว่าอาจารย์ไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ ข้าก็ทำไม่ได้”
ในแววตาหยวนฉุน ความผิดหวังนั้นวูบมาแล้วก็หายไป
“เพราะเหตุใด” น้ำเสียงคนชรายังคงอ่อนโยน “เจ้ายังมีความปรารถนาที่ไม่สำเร็จอยู่อีกรึ พูดออกมาสิ ความแค้นใหม่ความแค้นเก่า ข้าจะช่วยจัดการมันให้เจ้า”
“เป็นเรื่องที่ตึงมือจริงๆ แต่ไม่ใช่ความแค้นใหม่ และไม่ใช่ความแค้นเก่า” เฉาหลันลูบใบหน้า พยายามให้น้ำเสียงตนราบเรียบ นิ้วมือเขากำลังสั่น จุดเล็กๆ ตรงนี้ ไม่ใช่แค่หลงหวงเห็น คุณชายหยวนฉุนก็เห็นเช่นกัน
เขาพูดด้วยความยากลำบากนิดๆ
“ข้าว่า…ข้าจัดการเองได้”
เฉาหลันสูดลมหายใจเบาๆ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ก่อนนั่งยองลง วางงอบนั้นลงบนพื้น
เกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้น
การทิ้งงอบนี้ลงต่อหน้าทุกคนเท่ากับตัดขาดระหว่างเขากับคุณชายหยวนฉุน เขาประนมสองมือและพูดทีละคำ “ขออภัยด้วย เฉาหลันทำให้คุณชายผิดหวังแล้ว”
สายตาแปลกๆ มองมา
เฉาหลันยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง “หากคุณชายอยากรับเฉาหลันเป็นศิษย์จริงๆ เช่นนั้น…ก็รอข้าจบศึกตัดสินกับเยี่ยหงฝู จุดดาราชะตาอย่างแท้จริงแล้วค่อยคารวะเป็นอาจารย์ก็ยังไม่สาย”
หยวนฉุนมองงอบนั้นบนพื้นเงียบๆ อยู่นานมาก
เขาเงยหน้ามองเฉาหลันและพูดเสียงเบาอีกครั้ง “เฉาหลัน หอบัวจะไม่รับศิษย์ครั้งที่สอง ตั้งแต่กลับจากแดนอุดรถึงเมืองหลวง นับจากคืนนี้ไป…เจ้ากับข้าไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
เฉาหลันเม้มริมฝีปาก เขาก้มหน้าลงมองงอบนั้น
เขายิ้มก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณชาย บุญคุณยิ่งใหญ่ยากจะลืมเลือนได้ ข้าเฉาหลันเป็นคนใจกว้างมาทั้งชีวิต ไม่เคยติดค้างน้ำใจใคร เดินทางมาจากแดนอุดร ข้าได้เรียนอะไรหลายอย่าง จดจำไว้ในใจแล้ว ตอนนี้มีเพียงความปรารถนาเดียวในใจคือใช้ตัวตนผู้บำเพ็ญพเนจรตัดสินกับเขาลั่วเจียและเยี่ยหงฝู ก่อนหน้านี้ จิตมรรคข้าไม่เคยสั่นคลอนเลย”
เขากัดฟัน
“ขอให้คุณชาย อย่ายุ่งกับข้าอีกเลย!”
หลงหวงที่พิงปากทางเข้าตรอกดวงตาแวววาว แต่ก็ยังคงเงียบ
“พูดอะไร นี่ภาษาคนรึ คุณชายของข้าต้องขอให้เขามาคารวะเป็นอาจารย์รึ” ขู่เช่อโกรธจัด เบิกตาโตทั้งสองข้าง พูดด้วยความโมโห “เจ้าหนูแซ่เฉาเนรคุณ ข้ามองเขาเป็นศิษย์น้อง ดูแลอย่างดีระหว่างทาง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแค่หมาป่าตาขาว! ตอนนี้เป็นอย่างไร หน้าร้อนแนบกับก้นเย็น ถ้าเป็นข้านะ จะรีบคอยตามประจบอยู่ข้างๆ เลย รอข้าออกเมืองหลวงก่อนเถอะจะทุบตีเขาสักยก!”
เมื่อสิ้นเสียง มือข้างหนึ่งกดลงบนศีรษะขู่เช่อ เจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ที่มีนิสัยฉุนเฉียวคนนี้ถึงกับตกใจ เย็นเยือกไปทั้งตัว หนาวสั่นไปหมด
แต่ไม่นึกเลยว่าฝ่ามือของหลงหวงจะมีความอบอุ่นอยู่สามส่วน ขยี้ศีรษะของขู่เช่อ
เป็นความอบอุ่นที่ไม่เคยเจอมาก่อน…
เกิดเรื่องแปลกเช่นนี้ต้องมีอะไรแน่ บุรุษร่างใหญ่พลันหุบปากทันที
เขาท่องอยู่ในใจว่าอย่าตีข้าเลยๆ ก่อนพูดอุบอิบ “ข้าก็แค่โมโหเอง…”
หลงหวงถอนหายใจเบา “ช่างเถอะ…ช่างเถอะ…ในเมื่อเขาไม่ยอม ก็ช่างเถอะ”
……
หนิงอี้ไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
ไม่ใช่แค่หนิงอี้
เผยฝานข้างๆ อ้อยอิ่งแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว คุณชายใหญ่ทุกคน ผู้บำเพ็ญเขาศักดิ์สิทธิ์ต่างไม่กล้าเชื่อ
ปฏิเสธไปจริงๆ
อีกทั้งยังปฏิเสธเด็ดขาดเช่นนี้ กระทั่งยังมีกลิ่นของความ ‘เนรคุณ’
คุณชายหยวนฉุนไม่ได้มีสีหน้าโกรธอะไรขนาดนั้น นัยน์ตาเขามีความผิดหวังเล็กๆ
คุณชายชราก้มตัวลงเก็บงอบนั้นขึ้น สวมให้เฉาหลันช้าๆ
ในช่วงเวลานี้ทั้งช้าและอ่อนโยน
เฉาหลันผลักออกปฏิเสธก่อน จากนั้นก็ตัวแข็ง ไม่ได้ปฏิเสธ
เสียงของคุณชายหยวนฉุนหุ้มด้วยแสงดารา ดังข้างหูเขาเบาๆ
“เจ้ากำลังตัดสัมพันธ์”
หยุดไปเล็กน้อยก่อนจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ารู้…ว่าเจ้ากำลังตัดสัมพันธ์ของเรา ปัญหาตึงมือนั่น มีข้าอยู่ ไฉนเจ้าต้องกังวล”
เฉาหลันอึ้งงัน
คุณชายหยวนฉุนตบบ่าเขาด้วยรอยยิ้ม ใช้เสียงที่ไม่มีใครได้ยินพูดอย่างอบอุ่น “เฉาหลัน กลับมาจากแดนอุดร ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่ ข้าก็มองเจ้าเป็นศิษย์ตั้งนานแล้ว วันนั้นที่เขาลั่วเจีย เจ้าออกมือออกเท้าได้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจคนอื่น ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เอง”
คุณชายชราปล่อยมือที่จับบ่าไว้
เสียงตกใจของเขาดังขึ้นในจวน
“อ๋า…นี่งอบของใครกัน”
ฝ่ามือแห้งเหี่ยววางลงบนงอบสีแดงเพลิงช้าๆ
คุณชายหยวนฉุนเก็บงอบขึ้นมา เขย่งเท้าตบศีรษะเฉาหลันเบาๆ สวมงอบลงไป
เขาพูดทีละคำต่อหน้าทุกคน “คนแปลกหน้า จำไว้ งอบนี้เป็นของเจ้า ไม่เกี่ยวกับหอบัว สวมไว้ดีๆ อย่าทำหาย”
เฉาหลันเหม่อมองคนชราดอกบัวม่วงหมุนตัวกลับช้าๆ อวิ๋นสวินกับหลงหวงประคองซ้ายขวาพาไปจากตรอกเล็กแห่งนี้
ในที่สุดละครก็มาถึงตอนจบ
แขกของจวนไม่รวมกันอีก
ทุกคนแยกย้ายกันกลับ
เมืองหลวงกลับคืนสู่ค่ำคืนยาวนาน เงียบสงบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
เฉาหลันย่อตัวลง สิบนิ้วดุจคีมกุมแก้มและลากผ่านไป เกิดเสียงโลหะกระทบดังขึ้น
ไม่มีใครเห็นสีหน้าใต้ผ้า ทั้งเจ็บปวดและเหี้ยมเกรียม
เขาแผดเสียงร้องแปลกๆ มาจากในลำคอ ฟังดูไม่เหมือนคน
หนิงอี้กับเผยฝานไม่รบกวน แต่แสร้งกลับจวน ปิดประตูจวน
สองคนนั่งบนหลังคาจวน วางค่ายกล มองนอกจวนเงียบๆ
บุรุษหนุ่มที่อยู่อันดับสามของโลกบำเพ็ญรุ่นเยาว์คนนั้นก้มตัวตรงจุดที่ไม่มีใคร กระแอมไอด้วยความเจ็บปวด งอบสั่นสะเทือน เขาอยากจะถอดออกหลายครั้ง สุดท้ายก็ปล่อยและจับไว้แน่น สองมือที่ลดลงมาจากงอบ ปลายนิ้วเปื้อนเลือดสีแดงจากที่ข่วนใบหน้า ดูน่าตกใจมาก
เฉาหลันซวนเซเดินไปไกลเรื่อยๆ ร่างเงาจมเข้าไปในตรอกเล็ก สุดท้ายก็หายไป
เด็กสาวหน้าเศร้านิดๆ “พี่ เมื่อครู่เขา…ร้องไห้รึ”
หนิงอี้เงียบ
เด็กสาวถามอีก “พี่ เหตุใดเขาต้องปฏิเสธด้วย”
หนิงอี้ก้มหน้าลง ไม่ได้ตอบคำถามนี้ตรงๆ แต่ถามกลับอย่างจริงจัง “นี่ หากข้าเป็นยอดปีศาจ เจ้าจะกลัวข้าหรือไม่ จะหลบข้าหรือไม่”
ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าปีศาจกับมนุษย์ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ประนีประนอมกันไม่ได้แล้ว
ปีศาจกินคน คนฆ่าปีศาจ กฎที่วางอยู่หน้าสุดของกฎเหล็กต้าสุยก็คือมนุษย์กับปีศาจยืนคนละฝั่งกัน
เสียงใสและเยาว์วัยดังขึ้นทันที
“ไม่!”
เผยฝานแกว่งสองขา นางพูดคำนั้นจบก็ลังเลอยู่นานมาก จากนั้นพูดอย่างจริงจัง “ข้าอยากให้เจ้าเป็นยอดปีศาจ แบบนั้นข้าก็จะพาเจ้าไปในที่ที่ไกลมากๆ ได้”
เด็กสาวมองหนิงอี้ พลันหยุดแกว่งขาสองข้างนั้น ดวงตาใสสะอาด ครั้งนี้ นางไม่เรียกพี่ แต่เรียกชื่อ
“หนิงอี้ ก็เหมือนที่เจ้าพาข้ามาเมืองหลวง ข้าจะพาเจ้าบินไปไกลโพ้น จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้”
……………………..