เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 476 เจ้าอย่าได้ยั่วยวนคนไปทั่ว~
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 476 เจ้าอย่าได้ยั่วยวนคนไปทั่ว~
บทที่ 476 เจ้าอย่าได้ยั่วยวนคนไปทั่ว~
ยามเช้าที่อลหม่านก็ผ่านไปเช่นนี้
เนื่องจากเมืองจินโจวก้าวผ่านความยากลำบากมาแล้ว ราษฎรก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูวิถีชีวิต
ข่าวเนี่ยเจิ้งอ๋องมาจินโจว ก็แพร่ออกไปพร้อมกับข่าวชัยชนะ
ทันทีที่คนของเมืองใกล้เคียงได้ยินเรื่องของจินโจว ก็รีบมาขอพบเผยยวนด้วยตนเอง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกเขายังนำครอบครัวผู้ตรวจการที่หลบหนีไปมาส่งด้วย
เผยยวนจับคนเข้าคุกตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่หนีสงครามเช่นนี้ ต้องลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง
จนถึงตอนนี้เผยยวนก็ยังไม่ได้ส่งทหารไปยังเพี่ยวโจว เหตุผลก็เพราะเขาต้องการดูว่าสือฟางจะตัดสินใจเช่นไร ยังมีเรื่องทางเดินใต้ดินอีก เขาต้องแน่ใจว่าทางหนีทีไล่ของกองกำลังสือฟางจะมุ่งหน้าไปที่ใด
เจ้าหน้าที่และแม่ทัพที่แห่กันมาที่เมืองจินโจวอย่างไม่ขาดสายเหล่านี้ ทั้งหมดมาหาใครแค่คิดก็รู้แล้ว
ภายในร้านขายยา บรรดาเด็กรับใช้กำลังต้มยา ท้องถนนกลับมาคึกคักเหมือนเดิมแล้ว พ่อค้าที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายต่างก็กำลังเร่ขายสินค้า
เย่จิ่งฝูกำลังบดยาอยู่ บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องมารวมตัวกันเพื่อลอบสังเกตบางอย่าง
“วันนี้ไม่มาหรือ?”
“อืม”
“พวกเจ้าพูดถึงใครกัน?” มีเสียงนุ่มนิ่มดังขึ้น
หนุ่มสาวกลุ่มนั้นจึงอุ้มอาชิงขึ้นไปบนโต๊ะยาวหน้าร้าน เพื่อจะได้จับตาดูด้วยกัน “กำลังรอนายอำเภออยู่”
“ชิ พูดอะไรของเจ้ากัน อีกไม่นานเขาก็จะได้เป็นผู้ตรวจการแล้ว และเป็นสามีของศิษย์พี่ด้วย”
“ก็ยังไม่ได้แต่งนี่นา”
“คำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อ สำนักของเราเคร่งครัดเรื่องการรักษาคำพูดที่สุด ต่อให้อาจารย์อยู่ที่นี่ด้วย การแต่งงานนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้ว ไม่ว่าจะคำนวณอย่างไร ข้าก็คิดว่าตำแหน่งศิษย์พี่เขยนี้แน่นอนแล้ว”
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใครกัน!?” อาชิงเงยหน้าขึ้นมาถาม
“นั่นไง ใต้เท้าลู่นั่นอย่างไรเล่า”
อาชิงครุ่นคิดเล็กน้อย “เขาจะแต่งงานกับท่านน้าเย่หรือ?”
บรรดาศิษย์ของสำนักหมอเทวดาต่างก็จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
โดยเอาทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกัน
“จะว่าไปแล้วสำนักของเรามีเงินมีชื่อเสียง ภายภาคหน้าศิษย์พี่ต้องสืบทอดวิชาของอาจารย์อยู่แล้ว การจะมาสู่ขอ เขาคงไม่มีปัญหาอะไรกระมัง!”
“แต่ตอนนี้เขาได้เป็นผู้ตรวจการแล้ว พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา จะสามารถให้เขายอมแต่งเข้าได้หรือ?”
“ใช่แล้ว บนหนังสือสู่ขอก็ไม่ได้เขียนเอาไว้นะ”
อาชิงเอียงคอเล็กน้อย “อีกอย่างเขาสวยมากด้วย สวยเหมือนกับท่านแม่ของข้าเลย”
ทุกคนจ้องลู่เอี้ยนที่อยู่ไม่ไกล และพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
ก็ใช่น่ะสิ ใบหน้าของศิษย์พี่ไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย เพราะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นหญิงหรือชาย!
แต่เมื่อพิจารณาเรื่องทรัพย์สิน เบี้ยหวัดของใต้เท้าลู่ไม่สามารถเทียบกับสำนักของพวกตนได้ ทว่าต้นตระกูลของเขานั้นร่ำรวยอย่างมาก
ลู่เอี้ยนในเวลานี้กำลังย่อตัวลง ช่วยปัดฝุ่นตามเนื้อตัวให้เด็กคนหนึ่งอยู่
“มีจิตใจเมตตา ปกป้องเมืองอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่กลัวความตาย เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง”
“หน้าตาดี มีความรู้ มีชาติตระกูล ยังมีความกล้าหาญ สูด ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรง ๆ ไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลยจริง ๆ”
“อืม~” สำนักหมอเทวดาต่างพยักหน้าเห็นด้วยโดยพร้อมเพรียง
จากนั้นก็มีเพียงเสียงสับยาของเย่จิ่งฝูที่ดังขึ้นมา
ใครไม่รู้คงคิดว่านางกำลังสับซี่โครงหมูอยู่เป็นแน่
และคนที่ตามลู่เอี้ยนมาด้วยก็คือจี้จือฮวนและเผยยวน
เมื่อมองทั้งสามคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันเช่นนี้ ช่างเจริญหูเจริญตาจริง ๆ
“ข้าว่านะ ศิษย์พี่สามารถหาสามีเช่นนี้ได้ก็ถือเป็นกำไรแล้ว เพราะบนโลกนี้ผู้ชายที่มีเมตตาและคุณธรรม พึ่งพาได้เช่นนี้มีไม่มากหรอกนะ”
ในที่สุดเย่จิ่งฝูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงวางสากบดยาลง
“นี่พวกเจ้าไม่ได้โดนตีมาหลายวันก็เลยดื้อรั้นกันแล้วใช่หรือไม่ ยังไม่รีบไปบดยาอีก! ใบสั่งยาท่องกันคล่องหรือยัง!? วิธีการผ่าตัดฝึกกันคล่องแล้วหรือ?”
เพียงพริบตากลุ่มคนที่ล้อมอยู่ตรงโต๊ะยาวก็กระจัดกระจายทันที เหลือเพียงอาชิงที่มีสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากขาสั้นจึงลงจากโต๊ะไปไหนไม่ได้
อาชิงกะพริบตากลมโตปริบ ๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา “อุ้ม ๆ!”
เย่จิ่งฝูจึงถอนหายใจ ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมา
ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ยังอยู่แถวนั้นชะโงกหัวออกมา เอาหัวเรียงกันอยู่ที่ประตูด้านข้าง
“ดูสิ ศิษย์พี่ของเราตอนนี้กำลังเปล่งประกายความรักของแม่ออกมาแล้ว”
“ต่อไปหากมีลูกกับใต้เท้าลู่ก็คงจะเป็นเช่นนี้กระมัง!”
เย่จิ่งฝูมุมปากกระตุก “พวกเจ้าคิดว่าข้าหูหนวกหรืออย่างไร!! ไปตายให้หมด!”
เผยยวนรับตัวอาชิงออกมาจากอ้อมแขนของนาง ก่อนจะพูดกับลู่เอี้ยนต่อ “สถานการณ์ที่เจ้ารายงานมาข้าเองก็รู้แล้วเช่นกัน ส่วนเรื่องเจ้าหน้าที่ที่มาจากที่ต่าง ๆ เหล่านั้น หลังจากนี้ข้าคงไม่มีเวลาต้อนรับอีกแล้ว ดังนั้นเจ้ารับหน้าที่ช่วยข้าไล่คนหน่อยเถอะนะ”
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว” ยิ่งไปกว่านั้น ที่คนพวกนั้นมาหาก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไร
ไม่อย่างนั้นเผยยวนกับจี้จือฮวนก็คงไม่ต้องหลบมาอยู่ที่ร้านขายยา
เย่จิ่งฝูตอนนี้พอเห็นลู่เอี้ยนก็คิดจะหลบหน้า ขณะที่กำลังจะหนีก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ประตูร้านขายยาเสียก่อน
“ท่านอ๋อง พระชายา ผู้น้อยตั้งใจมาคารวะขอรับ”
“ข้ามาก่อนขอรับ ข้ามารอท่านทั้งสองที่นี่นานมากแล้วขอรับ”
“ท่านอ๋อง หลายปีก่อนข้าเคยพบท่านอ๋องมาก่อนนะขอรับ ท่านพ่อข้ากับท่านซิ่นอู๋โหวยังสนิทสนมกันอีกด้วย”
คนกลุ่มนี้ไม่รู้ว่าไปสืบข่าวมาจากที่ใด เพียงพริบตาก็ทำเอาประตูร้านขายยาแน่นขนัด แม้แต่น้ำสักหยดก็ผ่านไปไม่ได้
“ท่านอ๋อง นี่เป็นลูกสาวคนเล็กของข้า ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบห้า ให้นางปรนนิบัติท่านกับพระชายาด้วยนะขอรับ ซิ่วซิ่ว รีบมาคารวะท่านอ๋องกับพระชายาเร็วเข้า”
พวกมู่เหยากวงเพิ่งกลับมาจากการฝึกซ้อม เหงื่อบนร่างกายยังไม่ทันได้เช็ดด้วยซ้ำ ก็เห็นว่ามีคนจะมาทำลายครอบครัวของเจ้านายพวกเขา เช่นนี้พวกเขาจะทนได้อย่างไรกัน!
“ยกคนให้ท่านอ๋องของเราหรือว่ายกคนให้พระชายากันแน่!?” คนทั้งกลุ่มจึงเบียดฝูงชนเข้ามา
เจ้าหน้าที่ผู้นั้นไม่รู้ว่าพวกเขามีฐานะอะไร เห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “ให้ทั้งคู่ ๆ”
เอ่ยจบเขาก็ดึงเด็กหนุ่มปากแดงฟันขาวคนหนึ่งออกมาจากทางด้านหลัง “นี่เป็นลูกชายคนเล็กของข้า หากว่าพระชายาไม่รังเกียจ…!”
เด็กสาวคนนั้นมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเผยยวน ก็เขินอายจนหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที
ส่วนเด็กหนุ่มก็มองไปทางจี้จือฮวน และเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
ทว่าคนต้นเรื่องทั้งสองกลับหมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ
“ข้ารังเกียจ!” อาชิงหันหน้ามา ดวงตาที่ราวกับองุ่นดำพิจารณาพี่น้องคู่นั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เฮ้อ คุณชายน้อย ท่านอายุยังน้อย ไม่เข้าใจหรอกขอรับ”
อาชิงมุ่ยปาก “ข้าเป็นเด็กแต่ไม่ได้เป็นคนโง่ เจ้าอยากเป็นอนุของพ่อข้าอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของเด็กสาวคนนั้นสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ไม่กล้าปฏิเสธ พลางก้มหน้าลงแล้วเอ่ยพึมพำขึ้นมา “แล้วแต่ท่านพ่อจะสั่งเจ้าค่ะ”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอนุบ้านใดจะอัปลักษณ์กว่าภรรยาเอก ท่านแม่ข้าหน้าตางดงามราวบุปผาและจันทรา เสมือนเทพธิดาลงมาจุติ ฝีมือการแพทย์ก็ล้ำเลิศ เจ้าเล่านิทานเรื่องไซอิ๋วเป็นและสามารถออกรบได้หรือไม่? ยังจะมาหมายปองท่านพ่อของข้าอีก ข้าว่าครอบครัวของพวกเจ้าคงเป็นตระกูลคางคกทองคำกระมัง*!”
* ตระกูลคางคกทองคำ (金蟾世家) หมายถึง ทั้งครอบครัวต่างก็ใฝ่สูง อยากจะเด็ดดอกฟ้า
เด็กสาวผู้นั้นเคยถูกทำให้อับอายเช่นนี้ที่ใดกัน ทันใดนั้นดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา
“เจ้า ๆ ๆ ๆ ท่านอ๋อง!”
เผยยวนมีท่าทางเย็นชา มอบผู้หญิงให้เขาและต้องการให้ร้ายเขาว่าเป็นคนไร้คุณธรรมก็แล้วไป! แต่นี่คิดจะมอบผู้ชายให้ฮวนฮวนด้วยอย่างนั้นหรือ!
คนที่จินโจวช่างเปิดกว้างจริง ๆ มีธรรมเนียมที่สามีภรรยาต่างก็มีชู้ของตัวเองได้ แต่ไม่ใช่ตระกูลเผยของเขา!!! เป็นไปไม่ได้!
การประจบสอพลอนี้เรียกได้ว่าเจอตอเข้าแล้ว
“เจ้า ๆ ๆ ๆ เจ้าอะไรของเจ้า พี่ชายข้าเป็นหวงไท่ซุน ท่านทวดข้าเป็นไท่ซ่างหวง ท่านพ่อข้าเป็นเนี่ยเจิ้งอ๋อง ท่านแม่ข้าเป็นองค์หญิงแห่งถู่เจีย และยังเป็นฮู่กั๋วฮูหยินด้วย ส่วนเชลยของข้าก็เป็นถึงองค์ชายสิบองค์ปัจจุบัน เจ้าเป็นใครกัน! เด็ก ๆ! ลากพวกเขาออกไปเก็บอึ ต่อไปคนที่มีเจตนาแอบแฝงให้จัดการเช่นนี้ให้หมด!”
ฮึ จะมาเทียบเรื่องคนหนุนหลังกับเขาอย่างนั้นหรือ!
.
.
.