เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 468 มาสิ~มีความสุขจริง ๆ
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 468 มาสิ~มีความสุขจริง ๆ
บทที่ 468 มาสิ~มีความสุขจริง ๆ
สือฟางโกรธแค้นอย่างมาก จนล้มโต๊ะลงและสั่งให้น้องรองของตัวเอง หวังป้าเทียนเป็นผู้นำกองกำลังเข้าโจมตีจินโจว ปะทะกับเผยยวนซึ่ง ๆ หน้า
เดิมจินโจวก็อยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อกองกำลังมารวมตัวกันแล้ว สือฟางจึงคิดจะกล่าวให้กำลังใจทหารก่อน พร้อมเปิดเหล้าชั้นดีอีกสิบกว่าไห เตรียมที่จะเฉลิมฉลองล่วงหน้า เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้ทหารสักเล็กน้อย แต่ใครจะคิดว่าเขาเพิ่งพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็สังเกตเห็นว่าบนท้องฟ้ามีนกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งกำลังบินวนอยู่
“นี่มัน…หรือว่าจะเป็นนกเทพที่ถูกความยิ่งใหญ่ของกองกำลังของเราดึงดูดมา?”
ตั้งแต่สมัยโบราณ ขอเพียงเรื่องอะไรที่สามารถสัมผัสเชื่อมโยงถึงสรรพชีวิตได้ ก็จะได้รับพรลึกลับจากสิ่งนั้นเสมอ เพื่อปลอบใจตัวเองและผู้อื่น ราวกับว่ามีผู้ส่งสารของเทพเจ้าคอยปกป้องอยู่ก็มิปาน
เมื่อสือฟางได้ยินคนพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที
ถึงขนาดมีคนคารวะให้กับนกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวนั้น
หวังป้าเทียนก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “เห็นได้ชัดว่าสวรรค์ก็คิดว่าศึกครั้งนี้พวกเราต้องเป็นฝ่ายชนะ เจ้าเผยยวนนั่นต้องตายอยู่ใต้ค้อนของข้าอย่างแน่นอน!”
ขณะที่เขากำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีก้อนอะไรบางอย่างตกใส่ปากของเขาอย่างรวดเร็ว และรู้สึกเหมือนลำคอของเขามีเสมหะติดอยู่ ทำให้หายใจลำบากขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะตัดสินใจกลืนมันลงไป
ทหารทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง หลังจากที่พวกเขาได้สติ ก็กลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด!
สัตว์เทพสวรรค์บัดซบนี่ ขี้ลงมาแม่นจริง ๆ!!!
สือฟางก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่าขันเช่นนี้เกิดขึ้น ส่วนหวังป้าเทียนก็กระทืบเท้าเร่า ๆ “เจ้านกสารเลว! ไปเอาคันธนูมาให้ข้า วันนี้หากข้าไม่ได้ถอนขนเจ้านกอ้วนตัวนี้ อย่ามาเรียกข้าว่าหวังป้าเทียน!”
เขาเพิ่งจะตะโกนจบ นกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวนั้นก็สะบัดตัวไปมา ก่อนจะสะบัดผ้าขาวม้วนหนึ่งออกจากกรงเล็บของมัน จากนั้นก็มีแท่งไม้เล็ก ๆ กลิ้งออกมาจากผ้า เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าด้านบนเขียนเอาไว้ว่า ‘เลือดบนกายไม่เหือดแห้ง สาบานว่าจะสู้ไม่ถอยอย่างแน่นอน!’
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกอยู่ในความโกลาหล!
นี่ใช่นกเทพที่สวรรค์ส่งมาที่ใดกัน นี่มันสารท้ารบที่กองทัพทหารเกราะเหล็กส่งมาต่างหากเล่า!
ช่างกำเริบเสิบสานอะไรขนาดนี้! เลือดบนกายของกองกำลังสือฟางไม่เหือดแห้ง พวกเขาจะไม่หยุดอย่างแน่นอน!
หวังป้าเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยความเกรี้ยวกราดออกมา “พี่น้องทั้งหลาย! พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่! กองทัพทหารเกราะเหล็กมาขี้รดบนหัวของพวกเราแล้ว! ยังจะต้องเกรงใจอะไรพวกมันอีก!”
“สังหารกองทัพทหารเกราะเหล็ก ชิงจินโจวคืนมา!!! สนับสนุนสายเลือดที่แท้จริง!”
“สังหารกองทัพทหารเกราะเหล็ก!”
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน!”
หวังป้าเทียนถือค้อนขนาดใหญ่สองด้ามของตัวเอง และกระโดดขึ้นหลังม้าทันที พร้อมกับมุ่งหน้าไปทางจินโจวด้วยความโกรธแค้น
…
ส่วนจินโจวในเวลานี้
จี้จือฮวนยืนอยู่บนกำแพงเมือง ลู่เอี้ยนก็เอ่ยขึ้นมา “พี่สะใภ้ ในเมืองไม่มีน้ำมันเดือดแล้ว น้ำร้อนก็ค่อนข้างลำบาก”
ทั้งหมดนี้ล้วนเตรียมไว้สำหรับรับมือกับกองกำลังสือฟางที่จะโจมตีเมือง
เผยเสี่ยวเตาจึงเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ไม่มีน้ำมันเดือด แต่ในบ้านคงมีถังใส่อุจจาระอยู่กระมัง! สาดพวกนั้นไปก่อนก็ได้ อย่างไรเสียข้าก็ไม่ถือสาอยู่แล้ว”
ลู่เอี้ยนรู้สึกประหลาดใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้วิธีการเช่นนี้ได้ด้วย
จี้จือฮวนมองไปที่หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อที่บินกลับมาแล้ว นางหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นมา “ไปเตรียมตัวได้แล้ว ทัพใหญ่ของสือฟางกำลังจะมาถึงแล้ว”
ลู่เอี้ยนเชื่อในการตัดสินใจของจี้จือฮวนอย่างไม่มีข้อสงสัย ส่วนเรื่องการปกป้องเมือง เห็นได้ชัดว่าเหล่ารองแม่ทัพมีประสบการณ์มากกว่าจี้จือฮวน ดังนั้นพวกเขาจึงรับผิดชอบในการวางกำลังและดูแลเมือง
จี้จือฮวนกับสตรีคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อใกล้ถึงเวลาทหารที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง ส่วนคนที่สูญเสียความสามารถในการต่อสู้แล้ว ก็ต้องไปอยู่กับพวกเด็ก ๆ แทน
คนแก่และหญิงสาวในเมืองต่างยอมสละที่ให้กับพวกเขา
“อย่างไรเสียพวกเราก็แก่มากแล้ว สามารถแบ่งเบาภาระได้นิดหน่อยก็ยังดี”
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่รุนแรงของสงคราม หากไม่ได้ลู่เอี้ยนคอยปลุกใจผู้คนในช่วงแรก เกรงว่าเมืองจินโจวคงจะแตกความสามัคคีไปนานแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสามารถยืนหยัดจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือ
เพราะลู่เอี้ยนได้วางรากฐานที่ดี จึงทำให้มีเมืองจินโจวที่ราษฎรรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นในตอนนี้
จี้จือฮวนไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองในสมัยโบราณเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ยังอดที่จะซาบซึ้งไปกับหัวใจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ได้
“พระชายาเจ้าคะ พวกเขาบอกว่าท่านอ๋องเทพสงครามจะมาจริงหรือไม่เจ้าคะ?”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับ “เขาต้องมาแน่นอน”
หากลู่เอี้ยนหนึ่งคนสามารถทำให้พวกเขาวางใจได้เล็กน้อย เช่นนั้นการปรากฏตัวของกองทัพทหารเกราะเหล็กก็คงทำให้ชาวบ้านเหล่านี้สามารถวางใจได้อย่างแท้จริง
กองปืนไฟกลุ่มเล็กที่จี้จือฮวนพามาด้วย ก็ได้หาตำแหน่งซุ่มยิงบนกำแพงเมืองตามคำสั่งของจี้จือฮวนแล้ว
บางคนที่ไม่เคยไปรบกับโจรสลัดมาก่อน นี่จะถือเป็นประสบการณ์การต่อสู้จริง ๆ ครั้งแรก หากพวกเขาล้มเหลวก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับศัตรู ในสนามรบ หากเจ้าไม่ตายก็เป็นข้าที่ต้องตาย แต่พวกเขาไม่มีทางถอยให้กับผู้รุกรานอย่างแน่นอน
ไม่อยู่ก็เท่ากับตาย ไม่สู้ก็เท่ากับตาย
คนที่ทำให้เกิดสงคราม เคยคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขาที่ใดกัน
เวลาค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งสายที่กองทัพทหารเกราะเหล็กส่งออกไปกลับมารายงานว่าทัพใหญ่ของสือฟางใกล้จะมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดพวกเขาก็มาเสียที!
แทนที่จะรออย่างกระวนกระวายใจเช่นนี้ ไม่สู้ต่อสู้ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยเสียยังจะดีกว่า
…
หวังป้าเทียนมาพร้อมความโกรธแค้น เพราะกองทัพทหารเกราะเหล็กส่งนกตัวหนึ่งมายั่วยุ นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างมาก เขาต้องกอบกู้หน้าตาของตัวเองคืนมาให้ได้
แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่เขตแดนจินโจว เขาที่รีบรุดไปข้างหน้า ทว่าด้านหลังจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา
มีเสียงประทัดยักษ์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทันใดนั้นเสียงม้าร้องและเสียงอุทานของผู้คนก็ผสมปนเปกันไปหมด
ม้าที่หวังป้าเทียนขี่อยู่ก็พลันตื่นตกใจกลัวขึ้นมา จึงวิ่งห้อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนสามารถมองเห็นประตูเมืองได้ราง ๆ แล้ว แต่เสียงประทัดยักษ์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าหากไม่ระเบิดที่นี่จนเป็นรูก็จะไม่หยุดอย่างไรอย่างนั้น!
ม้าศึกส่วนใหญ่จึงสะบัดคนที่อยู่บนหลังลง จากนั้นก็วิ่งหนีกลับไปทางเดิม!
คนที่ไม่ได้อยู่บนหลังม้าก็ถูกแรงของประทัดยักษ์ระเบิดใส่จนเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ
ไม่รู้ว่าประทัดยักษ์นี้มาจากที่ใด! มีคนกล้าใช้วิธีนี้ในสนามรบ! ช่างชั่วช้ายิ่งนัก
และขณะที่หวังป้าเทียนกำลังจะตะโกนด่าทอคนที่อยู่ในเมืองจินโจวว่าให้ออกมารับความตายนั้น เมื่อไปถึงประตูเมืองกลับถูกทหารข้างกายปิดปากเอาไว้ ก่อนจะพาถอยมาด้านหลังหนึ่งก้าว
รองแม่ทัพข้างกายของหวังป้าเทียนกำลังจะบอกเขาว่ามีกลลวง ก็เห็นทหารสองคนที่ปกปิดร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิดเดินออกมาเสียก่อน แต่ละคนยังถือกระสอบใบใหญ่มาด้วย
เมื่อพวกเขาเปิดปากกระสอบออก ผงสีขาวที่อยู่ข้างในก็ปลิวมาตามลม
“โอ๊ย! ตาของข้า!”
ผงนั้นค้นมาได้จากในบ้านของพ่อค้าปูนขาวในเมืองจินโจว จากนั้นไป๋จิ่นก็ได้เติมส่วนผสมดี ๆ เข้าไปอีกหลายอย่าง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความแสบร้อน เพราะแค่ได้กลิ่นก็เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตายแล้ว!
“เจ้าใส่ส่วนผสมลงไปเท่าใดกันแน่” จี้จือฮวนและเหล่าทหารที่อยู่ในเมืองต่างก็กินยาถอนพิษกันไปคนละชามตั้งนานแล้ว ส่วนพวกชาวบ้านก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดิน จึงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด หากจะโทษก็ต้องโทษโชคชะตาที่กองกำลังสือฟางต้องมาเจอคนที่ชั่วร้ายและไร้ยางอายยิ่งกว่าพวกเขา
สู้กันซึ่ง ๆ หน้าอย่างนั้นหรือ พวกเขาคู่ควรด้วยหรือ?
ไป๋จิ่นหัวเราะออกมา “ไม่เยอะ ๆ แต่ละชนิดล้วนใส่ไปอย่างละหน่อยเท่านั้นเอง”
บางชนิดมีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอน ส่วนบางตัวจะทำให้คันอย่างน่าประหลาด หวังป้าเทียนเวลานี้ถูกพิษเข้าดวงตาจนแสบร้อนไปหมด และทำให้เขากลายเป็นคนตาบอดสนิทข้างหนึ่งในทันที ปากจึงด่าทอออกมาไม่หยุด “เจ้าโจรสุนัขที่โสเภณีเลี้ยงมา กล้าใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
เผยเสี่ยวเตาพับแขนเสื้อขึ้น “เฮอะ เป็นโจรแต่ร้องให้จับโจรเสียเอง เจ้าหนูตายที่ชอบขุดอุโมงค์ใต้ดิน ใครจะต่ำช้าไปกว่าพวกเจ้าอีกเล่า”
จี้จือฮวนหยิบโทรโข่งตัวเล็กออกมาจากกล่องยาน้อยอย่างใจเย็น “ใช้สิ่งนี้ด่าสิ จะทำให้เสียงดังขึ้นมาก พูดเบา ๆ ก็สามารถกลบเสียงของเขาได้แล้ว!”
พูดถึงเรื่องอุปกรณ์แล้ว กล่องยาน้อยของเราไม่เคยเป็นสองรองใคร!!
.
.
.