เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 460 กับดักล้อมเมือง
บทที่ 460 กับดักล้อมเมือง
อาอินนั่งตัวตรงขึ้นมา แสดงท่าทางแน่วแน่ว่าตัวเองไม่มีเจตนาที่จะขี้เกียจ
จี้จือฮวนจะไม่รู้จักนิสัยของพวกเขาอย่างนั้นหรือ ก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวที่บางลงหน่อยออกมาจากในหีบเสื้อผ้า “คาดว่าอากาศคงจะร้อนขึ้นกะทันหัน อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะนะ”
เซียวเซวียนจิ่นมองไปนอกหน้าต่าง “พวกเราคงใกล้จะถึงหนิงโจวแล้วกระมังขอรับ เร่งเดินทางอีกไม่กี่วันก็คงจะไปถึงเพี่ยวโจว พื้นที่ของเมืองอวิ๋นจงตอนนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
จี้จือฮวนเอ่ยขึ้นมา “พวกเราได้ส่งสายลับไปยังที่ต่าง ๆ แล้ว เพราะหากสือฟางจะบุกโจมตีเมืองใดเมืองหนึ่งขึ้นมา พวกเราจะได้ไปสนับสนุนทัน
การเดินทัพด้วยความเร็วเช่นนี้ถือว่าเร็วมากแล้ว ดังนั้นหากสือฟางบุกโจมตีอย่างกะทันหัน กว่าพวกเขาจะไปถึงก็คงสายเกินไปเสียแล้ว
โดยเฉพาะเหล่าทหารที่ต้องการอาหารสามมื้อต่อวัน แม้จะกินอาหารแห้งระหว่างทางก็ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย
ภายในรถม้าอีกคัน เยว่พั่วหลัวกำลังกลอกตาไปมา อยากจัดไม้ที่ใช้ทำนายบนโต๊ะให้ตรง
เว่ยเจ๋อเซิงกลับขวางนางเอาไว้เสียก่อน “แม่นางเยว่ ทำมิได้ หลักแห่งฟ้าชะตาชีวิตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
เยว่พั่วหลัวมือสั่นเล็กน้อย มืออีกข้างก็จับมือข้างที่ยื่นออกไปเอาไว้แน่น “เช่นนั้นเจ้าช่วยโยนให้เรียบร้อยกว่านี้หน่อยสิ”
“การทำนายเดิมก็ไม่เรียบร้อยอยู่แล้ว”
เว่ยเจ๋อเซิงที่ตั้งใจคำนวณอยู่ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้นมา “แย่แล้ว”
เขาเปิดม่านแล้วกระโดดลงจากรถม้า มุ่งหน้าไปหาเผยยวนที่อยู่ด้านหน้าสุดทันที
เผยยวนกำลังคิดจะสั่งให้ทุกคนหยุดพักที่นี่ ดื่มน้ำสักหน่อยจะได้เร่งเดินทางต่อ ทว่ากลับเห็นเว่ยเจ๋อเซิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
หัวใจของเผยยวนจึงกระตุกขึ้นมา เขาจึงแยกออกมาจากกลุ่มให้คนอื่นไปกันก่อน จากนั้นก็โน้มตัวลงไปถาม “ท่านเว่ยทำนายได้ว่าอย่างไรหรือ?”
เว่ยเจ๋อเซิงรีบเอ่ยออกมาทันที “ทิศทางของสันเขามีการเปลี่ยนแปลง น่าจะเป็นจินโจว ขอท่านอ๋องรีบส่งม้าเร็วไปตรวจสอบที่จินโจวด้วยขอรับ”
ความแม่นยำในการทำนายของเว่ยเจ๋อเซิงนั้นเผยยวนเชื่อถืออย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ชายเจ้าชู้ในเมืองหลวงที่แม่นยำทุกคน เอาแค่เรื่องโจรสลัดทะเลตะวันออกครั้งก่อน หากไม่ใช่เพราะคำเตือนของเว่ยเจ๋อเซิง เขาและจี้จือฮวนก็คงไม่สามารถไปถึงได้เร็วเพียงนั้น
“ได้”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่ขอรับ?” เซียวเซวียนจิ่นเปิดม่านรถม้า บังเอิญเห็นเผยยวนกำลังคุยกับเว่ยเจ๋อเซิงอยู่ จากนั้นก็เห็นเผยเสี่ยวเตากับหลิวเฟิงพาคนมุ่งหน้าไปทางจินโจว
จี้จือฮวนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน “เกรงว่าสือฟางคงจะบุกจินโจวแล้ว”
เซียวเซวียนจิ่นขมวดคิ้ว “จินโจวป้องกันง่ายโจมตียาก จากความเร็วของเราตอนนี้ หวังว่าจินโจวจะยังสามารถยืนหยัดได้อีกสักสี่วัน แต่ทหารรักษาการณ์ของจินโจวที่ผ่านมาก็มีไม่มาก และกำลังพลของที่นั่นสี่วันก็คงเป็นลูกธนูที่สุดแรงบิน*แล้ว เกรงว่าคงไม่ดีแน่ขอรับ”
* ลูกธนูที่สุดแรงบิน (强弩之末) หมายถึง กำลังที่แข็งแรงมาถึงช่วงท้ายที่เสื่อมโทรมแล้ว
กว่าพวกเขาจะไปถึง ไม่แน่เมืองอาจจะถูกทำลายจนย่อยยับไปหมดแล้ว
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องภูมิประเทศและสถานการณ์ของกองกำลังทหารดีเพียงนี้กัน?”
เซียวเซวียนจิ่นไหนเลยจะกล้าพูดออกมาว่ารู้จากในความฝัน ซึ่งในฝันเขาเคยไปสถานที่ทั้งสองแห่งนี้มาแล้ว และเคยสู้กับสือฟางด้วย แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ ก็ต้องถอยกลับมาก่อนแล้ว
เพราะเซี่ยหยางในความฝันนั้นราวกับมีเทพคอยช่วยเหลือ สือฟางถูกตีจนแพ้ราบคาบ
“พ่อข้าเคยพูดถึงขอรับ เพียงแต่ท่านพ่อของข้าอยู่ไกลเกินไปหน่อย แต่ข้าก็ได้เขียนจดหมายส่งไปให้ท่านพ่อแล้ว หากจะยึดหลงซีทั้งแปดเมือง ไม่แน่เขาอาจจะนำทหารม้ามาร่วมด้วยก็ได้นะขอรับ”
แผนการเดิมก็คือ ถึงเวลาค่อยสู่ขอ แต่จี้จือฮวนปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้ว ว่าต้องให้อาอินเลือกเอง เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงต้องพยายามให้มากกว่านี้
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้
หลังจากเผยยวนเรียกหลิวเฟิงและเผยเสี่ยวเตามาหา และสั่งให้นำทหารชั้นยอดกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปตรวจสอบดูก่อน
จี้จือฮวนก็ลงจากรถม้า และเดินไปหาเขา
“จะส่งคนไปตรวจสอบใช่หรือไม่?”
เผยยวนพยักหน้ารับ จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพาพวกไป๋จิ่นไปด้วย มอบคนให้ข้าหนึ่งพันคน”
เผยยวนเป็นแม่ทัพใหญ่ ย่อมไม่สามารถละทิ้งกองทัพและเดินทางล่วงหน้าไปก่อนได้ และจินโจวมีปัญหาจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้
แต่เผยยวนเชื่อในความสามารถของจี้จือฮวน ดังนั้นหากปฏิเสธเพราะกลัวว่านางจะเป็นอันตราย เกรงว่าคงจะเป็นการดูถูกนางเกินไปแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี พวกเด็ก ๆ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม”
…
จินโจว
สถานการณ์ย่ำแย่กว่าที่เว่ยเจ๋อเซิงทำนายเอาไว้มาก
กองทหารรักษาการณ์แม้จะลาดตระเวนตลอดทั้งปี แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้อะไร ในเมืองมีคนแก่ ผู้หญิง และเด็กค่อนข้างมาก ผู้ชายที่แข็งแรงเกือบทั้งหมดต่างก็ไปเป็นทหาร ชาวนาที่เหลือก็ถือเป็นแค่จอบเท่านั้น ป้องกันอะไรเป็นที่ใดกัน
ในยุ้งฉางยังมีอาหารเหลืออยู่ แต่เมื่อคืนนี้ถูกไฟไหม้จนหมดแล้ว
กว่าจะจับไส้ศึกได้ คนผู้นั้นก็ชิงกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อนแล้ว
คนตายไปแล้ว เสบียงอาหารก็ไม่มีแล้ว ชาวบ้านในเมืองกลัวว่าตนเองจะทนต่อไปไม่ไหว และมีไม่กี่คนที่กล้านำอาหารที่เก็บไว้ในบ้านออกมา
ยาที่ร้านขายยาก็มีจำกัด
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปล่ะก็ ให้ทนอย่างนั้นหรือ?
จะทนได้อย่างไรกัน?
เป็นครั้งแรกที่ลู่เอี้ยนรู้สึกว่ายากที่จะจัดการ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ มักมีชาวบ้านไม่เชื่อฟังต้องการบุกออกไป เมื่อถูกจับตัวได้พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเล่าสถานการณ์ในเมืองให้พวกนั้นฟัง โดยหวังว่าพวกมันจะไว้ชีวิตพวกเขา
น่าเสียดายที่ความจริงกับความหวังกลับตรงกันข้าม สือฟางต้องการค่อย ๆ บีบพวกเขา ให้ในเมืองเกิดความวุ่นวาย
เดิมทีลู่เอี้ยนต้องออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทุกวัน เพื่อยืนยันจำนวนที่ขาดกับแม่ทัพจางที่เป็นแม่ทัพของทหารรักษาการณ์ แต่เมื่อเขาวนกลับมาก็พบว่า ผู้ตรวจการซ่งและครอบครัวได้หนีไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ทางการในเมืองจึงเหลือแค่เขากับแม่ทัพจางเท่านั้น
บัดนี้พวกชาวบ้านต่างก็บุกเข้าไปในบ้านของพ่อค้าเพื่อไปปล้นของ คราวนี้จึงโกลาหลเข้าไปใหญ่
ลู่เอี้ยนยุ่งจนเท้าไม่แตะพื้น ในที่สุดก็ต้องทำตัวเป็นคนใจร้าย โดยจับผู้นำที่ก่อปัญหาสองสามคนมาและมัดพวกเขาไว้ก่อน
“นายอำเภอลู่! พวกเราแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว เหตุใดท่านยังจะมาจับพวกเราอีก! พวกเราทำอะไรผิดกัน”
ลู่เอี้ยนมองคนที่ก่อเรื่อง ก่อนจะชักกระบี่ออกมา “ข้าศึกมาประชิดประตูเมืองแล้ว แต่กำลังเสริมยังมาไม่ถึง คนพวกนั้นสามารถบุกเข้ามาได้ตลอดเวลา ในเมืองมีสายลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง หรือพวกเจ้าอยากจะเห็นบ้านของตัวเองถูกยึด เมืองล่มสลายอย่างนั้นหรือ!?”
เพียงประโยคเดียวถึงกับทำให้คนพูดไม่ออก ใครจะยอมกัน?
“คนที่มีเจตนาไม่ดีกำลังหลอกใช้พวกเจ้า! พวกมันปะปนอยู่ในกลุ่มของพวกเจ้า ถึงเวลาเมื่อภายในเมืองเกิดความวุ่นวาย พวกมันก็จะตีขนาบพร้อมกันทั้งด้านนอกด้านใน แต่พวกเรากลับทำได้เพียงนั่งรอความตายอยู่ด้านใน พวกมันแทบจะไม่เปลืองแรงอะไรเลย ก็สามารถจัดการพวกเจ้าได้ทั้งหมดในคราเดียวแล้ว พวกเจ้าจะทนดูพ่อแม่ลูกเมียของตัวเอง และทรัพย์สินของตัวเองถูกคนแย่งชิงไปอย่างนั้นหรือ?
เพี่ยวโจวตอนนั้นก็แทบจะถูกฆ่าล้างเมือง พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ! ด้านนอกคือกองทหารของสือฟางนะ!
ยิ่งกว่าถูกคนเถื่อนรุกรานเสียอีก สือฟางเป็นใครกัน ยังต้องให้ข้าย้ำกับพวกเจ้าอีกหรือ!”
ลู่เอี้ยนไม่สามารถหนีไปที่ใดได้และไม่สามารถล้มลงตอนนี้ได้ แม่ทัพจางวางกำลังอยู่ด้านนอก เขาทำได้เพียงรักษาความสงบทางด้านหลังให้แม่ทัพจางเท่านั้น
“วันนี้ข้าขอบอกพวกเจ้าเอาไว้เลยว่า หากมีคนรวมตัวกันก่อปัญหาอีกจะต้องถูกประหารไม่มีละเว้น เหมือนกับสายลับของสือฟาง ตอนนี้ข้ายืนอยู่ตรงนี้ มีใครจะก่อเรื่องก็เข้ามาได้เลย”
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน มีหญิงชราหลายคนรวบรวมความกล้าถามออกมา “ใต้เท้า พวกเราก็ไม่ได้อยากจะหนี จะเอาชีวิตพวกเราไปก็ได้ แต่ว่าลูกหลานในบ้านยังเล็ก ต้องหาทางรอดให้พวกเขานะเจ้าคะ ท่านช่วยหาวิธีพาพวกเขาออกไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ!”
เพียงประโยคเดียว ดวงตาของทุกคนก็แดงก่ำขึ้นมา
“ใช่แล้ว ใต้เท้า พาพวกเด็ก ๆ ในเมืองออกไปก่อนได้หรือไม่?”
ลู่เอี้ยนมองดูพวกเขา และเห็นว่ามีเด็กบางคนยังอยู่ในห่อผ้าอยู่เลย
“ข้าจะหาวิธีให้ แต่พวกเจ้าก็รู้จุดจบของคนที่ออกไปดี แต่ข้ากล้ารับปากพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง ขอเพียงพวกเราทุกคนร่วมใจกันผ่านสี่วันนี้ไปให้ได้ เพียงสี่วันนี้เท่านั้น กองหนุนต้องมาถึงอย่างแน่นอน กองทัพทหารเกราะเหล็กอยู่ระหว่างทางมาปราบสือฟางแล้ว พวกเราต้องให้เวลาพวกเขาหน่อย!”
.
.
.
………………………………………………..