เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 417 ซักถามซูมู่ชิง!
ตอนที่ 417 ซักถามซูมู่ชิง!
เย่เฉินถือรูปถ่ายพวกนี้เอาออกมาจากห้องด้วย
เมื่อเห็นเย่เฉินเดินออกมาจากบ้านของกัวเยว่หมิง ซีกวาที่กำลังซ่อนอยู่ในมุมลับก็รีบเดินมาหาแล้วถามเขา
“คุณชายเย่ คุณเจออะไรหรือเปล่า?”
หน้าเย่เฉินดูหัวเสียกว่าตอนที่เข้าไปอย่างมาก ซีกวาเองก็พอจะมองออกตั้งแต่แรก
เย่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจนัก “รีบไปลากตัวไอ้สารเลวกัวเยว่หมิงมาจากโรงพยาบาลให้ฉันเร็วๆ!”
ซีกวาตกใจแต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น เขารับตอบรับ “ครับคุณชาย!”
จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถไปกลับไปที่บ้านก่อน“คุณชายทำไมกลับมาเช้าขนาดนี้ล่ะคะ?”
ซวงเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้รอเปิดประตูให้เย่เฉิน
แต่สีหน้าเย่เฉินแข็งกระด้าง ไม่สนใจหล่อน แล้วเดินตรงดิ่งเข้าบ้านไป
ซวงเอ๋อร์เห็นว่าเย่เฉินมีสีหน้าผิดปกติ เหมือนว่ากำลังโกรธ จึงเดินสาวเท้าไปพร้อมกับกล่าวว่า
“คุณชายจะหาคุณหนูหรือเปล่า? คุณหนูพาคุณซือซือไปหานายท่านแล้วล่ะ”
เย่เฉินหงุดหงิด “ซูมู่ชิงไม่อยู่บ้านเหรอ?”
ซวงเอ๋อร์พยักหน้ารับ“อ้อ เหมือนว่านายท่านจะบอกว่าจ้างคุณครูสอนวาดรูปคนใหม่มาให้คุณซือซือ คุณหนูเลยพาซือซือไปเจอคุณครูคนใหม่แล้ว”
เย่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาหุนหันออกจากบ้าน แล้วขับรถตรงดิ่งไปที่บ้านของพ่อแม่ซูมู่ชิงทันที
เมื่อมาถึงในบ้านพ่อแม่ของซูมู่ชิงก็พบว่าบริเวณห้องรับแขกครึกครื้นเหลือเกิน
มีจางเชี่ยนจือมารดาของซูมู่ชิง มีซือซือและซูมู่ชิง มีซูมู่หลินและหวังเจียเหยา และยังมีซูมู่เสวี่ยและซูมู่ชิวด้วย
“คุณชายมาแล้ว!”
คนใช้ในบ้านตระกูลซูอุทาน ทุกคนในบ้านจึงรู้ว่าเย่เฉินมา
ซูมู่ชิงประหลาดใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะมาถึงที่นี่ได้
วันนี้เย่เฉินออกจากบ้านไปตังแต่ไก่โห่ ยังคิดว่าเขาจะกลับบ้านตอนดึกๆ ดังนั้นซูมู่ชิงถึงได้พาซือซือมาเจอกับคุณครูสอนวาดรูปที่นี่
ซูมู่ชิงรู้ว่าเย่เฉินไม่ชอบที่นี่เพราะว่าตอนนี้หวังเจียเหยาอยู่ที่บ้านของพ่อแม่หล่อน
คราวก่อนเย่เฉินเจอกับหวังเจียเหยายังมีเรื่องทะเลาะกันจนไม่ค่อยดีนัก…
ซูมู่ชิงรีบร้อนเดินไปด้านหน้า แล้วกล่าวอย่างสนิทสนม “ที่รัก คุณมาได้ยังไง? คุณไม่เห็นต้องมาเองเลย คุณโทรหาฉัน ฉันก็พาซือซือกลับไปแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ซูมู่เสวี่ยก็ไม่พอใจ
“พี่มู่ชิง ดูพี่พูดเข้า ทำไมเขาจะมาไม่ได้ล่ะคะ? เขาเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลซูของเรานะ ถ้าเขาอยากเจอซือซือกับพี่ก็สมควรต้องเป็นฝ่ายมาหาพี่สิ อีกอย่างต่อให้ไม่ได้แต่งเข้าแต่ลูกเขยจะมาบ้านพ่อตาแม่ยายก็ปกตติดีออกไม่ใช่เหรอ? ทำไมเพราะฉันอยู่ที่นี่เหรอ? ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ?”
ซูมู่เสวี่ยรู้ว่าเย่เฉินเกลียดหล่อน แถมยังคิดว่าคำพูดเมื่อครู่ของเย่เฉินต้องการจะเหน็บแนมตนเอง เพราะหล่อนเองก็บังเอิญอยู่ที่นี่ด้วย
แน่นอนว่าซูมู่ชิงเองก็ไม่อยากจะอธิบาย แต่ว่าหวังเจียเหยากลับชิงพูดก่อน
“พี่มู่เสวี่ย พี่อย่าใส่ใจเลยค่ะ คนที่เขารังเกียจคือฉัน ไม่ใช่พี่หรอกค่ะ พี่มู่ชิงน่าจะไม่อยากใส่สามีหล่อนมาที่น่าจะเพราะว่าฉันอยู่ที่นี่ด้วย”
ซูมู่เสวี่ยกับหวังเจียเหยาเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า แต่พูดคุยกันถูกคอดี
บางทีเพราะหวังเจียเหยาเคยทรยศเย่เฉิน ทำให้ซูมู่เสวี่ยสะใจ ดังนั้นถึงได้ดีกับอีกฝ่าย เห็นหล่อนเป็นพวกเดียวกับตัวเอง
ซูมู่เสวี่ยกล่าวด้วยท่าทีประหลาด “นี่ น้องหวังเจียเหยาของเราสวยขนาดนี้ เรียกได้ว่ามัจฉาลืมจมธารา เป็นหยางกุ้ยเฟยกลับชาติมาเกิด คิดไม่ถึงว่าจะไม่เป็นที่ต้อนรับด้วยเหรอ? น้องเจียเหยาพี่เป็นคนแรกเลยนะที่จะขอทวงความยุติธรรมให้เธอ”
ซูมู่หลินนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่จู่ๆ ก็เหมือนกับละครเรื่องเจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน
เขาเป็นผู้ชายอกสามศอกเบื่อการพูดคุยแบบอ้อมไปอ้อมมา หลอกด่ากันของพวกผู้หญิงแบบนี้ที่สุด น่ารำคาญ
ไม่เหมือนพวกผู้ชายที่ไม่ชอบขี้หน้าก็จะด่ากัน ลงไม้ลงมือกันไปเลย
ส่วนเย่เฉินเองเขาไม่ได้ฟังบทสนทนาของทั้งสองคน เขาทำเหมือนสองคนนั้นเป็นอากาศเสียด้วยซ้ำ
เขาถึงขนาดที่ว่าไม่สนใจภรรยาของตัวเองด้วยซ้ำ เขาเดินตรงดิ่งไปคว้าแขนซือซือ
แล้วลากเด็กหญิงออกนอกบ้านทันทีโดยไม่พูดไม่จา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง เย่เฉินคิดจะทำอะไร?
จางเชี่ยนจือก็อดพูดบ้างไม่ได้ “เย่เฉิน! แกไอ้ลูกเขยไร้มารยาท! เจอพ่อตาแม่ยายไม่ทักทายสักคำ! ในสายตาแกยังมีแม่ยายอย่างฉันอยู่ไหม!”
จางเชี่ยนจือโดนเมิน ทำให้หญิงสูงวัยหัวเสีย หล่อนคิดว่าเย่เฉินจะต้องชิงชังตนเองที่คราวก่อนประเคนฝ่ามือฟาดใส่หน้าเขาฉาดใหญ่
เมื่อครู่ซูมู่เสวี่ยเองก็ได้ยินเรื่องเข้าเลยเยาะเย้ย
“ใครๆ ก็พูดว่าสามีภรรยาไม่โกรธกันนาน นับประสาอะไรกับแม่ยายและเขยที่แต่งเข้า เย่เฉินอย่าบอกนะว่าเพราะฉันตบนายไปฉาดหนึ่งนายยังจำมาจนถึงตอนนี้เลยล่ะสิ? ใจแคบจริงๆ”
ตอนนี้มีแค่ซูมู่ชิงคนเดียวที่มองเห็นความผิดปกติของเย่เฉิน!
เย่เฉินไม่มีทางจงใจทำตัวแย่ใส่คนในครอบครัวหญิงสาวเพียงเพราะเรื่องคราวก่อน
เย่เฉินไม่ใช่คนใจแคบ เขาไม่มีทางทำเรื่องเหมือนเด็กไม่รู้จักโต!
ซูมู่ชิงเดินตามเย่เฉินตลอดทางจนเข้าไปในตัวบ้าน หญิงสาวรีบวิ่งไปขวางแล้วถาม “ที่รัก คุณจะพาซือซือไปไหนคะ?”
เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะปิดบังหญิงสาว เขากล่าว “ศูนย์ตรวจ DNA!”
ทันใดนั้นเองซูมู่ชิงก็อุทานออกมา “ศูนย์ตรวจ DNA เหรอ? คุณจะพาซือซือไปตรวจ DNA อีกเหรอ? ทำไมล่ะคะ?”
คนตระกูลซูงุนงงไปหมด
ซูมู่เสวี่ยหงุดหงิด “เย่เฉินพาซือซือไปตรวจ DNA มา แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังต้องตรวจอีก?”
หวังเจียเหยาชะงักไปในวินาทีต่อมาใบหน้าก็ฉาบรอยยิ้มทันที เจ้าหล่อนดีใจจนเนื้อเต้น
“ฉันรู้แล้ว! จะต้องเป็นเพราะเย่เฉินจับได้ว่าซูมู่ชิงมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น ดังนั้นเขาเลยสงสัยว่ารายงาน DNA เมื่อครั้งก่อนเป็นของปลอม! ที่แท้ซูมู่ชิงก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ดีนักหนา! ฉันมีโอกาสอีกแล้ว!”
ที่ด้านนอกพอซือซือได้ยินว่าจะต้องไปที่ศูนย์ตรวจ DNA ก็รีบร้อนปล่อยมือเย่เฉิน
“ทำไมล่ะคะ คุณพ่อ หนูไม่ชอบที่นั่น หนูไม่อยากไป”
ซูมู่ชิงเองก็ซักไซร้ต่อ“ที่รัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณพอจะบอกฉันได้ไหม?”
เย่เฉินเองก็อยากจะถามซูมู่ชิงต่อหน้า “ผมไม่อยากให้คุณขายหน้าต่อหน้าคนในครอบครัว กลับบ้านค่อยพูดกัน!”
พูดพลางชิงเดินออกจากวิลล่า ส่วนซูมู่ชิงก็ชิงอุ้มซือซือเดินออกไป
ในห้องรับแขกคนอื่นๆ ในตระกูลซูต่างก็งุนงง
ซูมู่เสวี่ย “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? จะไปเดินไปดูไหม?”
เย่เฉินรีบขับรถพาซูมู่ชิงกลับไปที่บ้าน
หลังจากถึงบ้านแล้ว ซูมู่ชิงก็ส่งซือซือให้ซวงเอ๋อร์ดูแล จากนั้นเย่เฉินกลับไปถึงห้องของพวกเขา
ซูมู่ชิงมองออกว่าเย่เฉินโกรธมาก กำมือเย่เฉินเอาไว้แน่นแล้วถามอย่างอ่อนหวาน
“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เย่เฉินสะบัดมือของซูมู่ชิงทิ้งแล้วถามตรงๆ“ซูมู่ชิงคุณบอกผมมาตรงๆ ดีกว่าซือซือเป็นลูกของผมหรือเปล่า?”
ประโยคนี้ทำให้ซูมู่ชิงสับสน
ซูมู่ชิงกล่าว “ซือซือต้องเป็นลูกของคุณอยู่แล้วสิคะ ผู้ชายคนเดียวในชีวิตของฉันก็คือคุณ…”
“พอได้แล้ว!” จู่ๆ เย่เฉินก็ตะโกนเสียงดัง “ไม่ต้องพูดเรื่องผมเป็นผู้ชายคนเดียวของคุณแล้ว ไม่ต้องพูดว่าคุณจะรักแต่ผม ผมไม่อยากฟังคำโกหกของคุณอีก!”
ซูมู่ชิงเองก็มีสีหน้างุนงง จนคตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าที่แท้เย่เฉินสงสัยในความซื่อสัตย์ของหล่อน!