เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 9.3 เรื่องกลุ้มใจ + มุมมองของอายานะ
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 9.3 เรื่องกลุ้มใจ + มุมมองของอายานะ
“ฟู่…”
ฉันถอนหายใจเบาๆขณะทิ้งตัวลงบนเตียง
หลังจากนั้นฉันก็ไปส่งอายานะใกล้ๆบ้านของเธอ
เดิมทีฉันไปย่านการค้าเพื่อออกเดทหลังเลิกเรียนกับอายานะ อย่างไรก็ตาม วันนั้นจบลงด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดหลังจากได้เห็นสองคนนั้น
พอเราบอกลากัน อายานะก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันรู้สึกโล่งใจนิดๆแต่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอเป็นแบบนั้น
“…นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ฉันรู้สึกเป็นห่วงอายานะแน่นอน แต่สิ่งที่กวนใจฉันยิ่งกว่านั้นคือปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อฉันเห็นโคโตเนะและฮัทสึเนะซัง
รู้สึกเหมือนฉันถูกทิ้งไว้คนเดียวบนโลกใบนี้ และฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมฮูทสีดำ พอหันกลับ…. สิ่งเหล่านั้นหายไปทั้งหมดเมื่ออายานะเรียกฉัน แต่ฉันเห็นคนสวมฮูทแน่นอนฉันมันใจได้
“เขียนเรื่องวันนี้ลงสมุดดีกว่า มันอาจจะเป็นเบาะแส ก็ได้”
ฉันจดข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้ไว้ในสมุดที่ฉันหยิบออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ
ฉันบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเลิกเรียน รวมถึงเหตุการณ์ที่โรงเรียนด้วย ขณะที่ฉันไล่ดูสิ่งที่จดไป ฉันก็หัวเราะเบาๆ
“ประโยคนั้นคืออะไรกันนะ…..ฉันสงสัยว่ามันหมายถึงอะไร”
ฉันนึกถึงประโยคที่ฝังอยู่ในความทรงจำของฉันและพูดมันออกมา
“ต้องทำให้เขาจนมุม…..ไล่ต้อนเขา…..ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….”
เพื่อทำให้พวกเขาจนมุมและทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน – คำเหล่านี้ไม่มีอะไรนอกจากความหมายเชิงลบ ฉันพึมพำคำเหล่านี้กับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น
“….ฮะ?”
ราวกับว่าประโยคยังคงดำเนินต่อไป มือของฉันที่จับปากกาก็ขยับไปเอง
ต้องทำให้เขาจนมุม…..ไล่ต้อนเขา…..
ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….
สุดท้ายก็เอาสิ่งที่มีค่าที่สุดไป……แล้วพวกเขาจะไม่มีอะไรนอกจากความสิ้นหวังใช่ไหม?
มือของฉันเขียนคำเหล่านี้โดยที่ฉันไม่รู้ตัว ฉันไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านี้และไม่รู้ด้วยว่าทำไหมมือฉันถึงขยับไปเอง อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างเกี่ยวกับคำเหล่านี้มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ฉันนั่งบนเก้าอี้สักพัก จ้องมองข้อความที่ฉันเขียน แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากความรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยเท่านั้น
“..…บ้าเอ๊ย”
น่าหงุดหงิด น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว
ถึงกระนั้น ฉันก็ยังพยายามนึกว่าฉันเคยได้ยินประโยคเหล่านี้มาจากไหนหรือเปล่า แต่หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที ความอดทนของฉันก็ถึงขีดจำกัด
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!”
ฉันไม่สามารถเริ่มอะไรได้เลย! ฉันจำอะไรไม่ได้เลย อ๊าาา!
ฉันโยนสมุดลงพื้น แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดื่มอะไรเย็นๆ เผื่อทำให้หัวเย็นลงได้
“อารา เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ตอนแรกฉันคิดว่าแม่ของฉันอยู่ที่ห้องของเธอแล้ว แต่แม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ เธอดูประหลาดใจเมื่อจู่ๆฉันก็ปรากฏตัวขึ้น แต่แล้วแม่ก็ปรบมือแล้วเดินไปที่ตู้เย็น รินชาข้าวบาร์เลย์ใส่แก้วแล้วยื่นมาให้ฉัน
“นี้จ้า ลูกต้องการอะไรเย็นๆใช่ไหม”
“ใช่…แม่รู้ได้ไงอะ”
“ก็ลูกเป็นลูกชายของแม่ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
เรื่องธรรมดาเหรอ..…?
จากนั้นฉันก็รับชามาจากแม่ ฉันเลยขอบคุณแม่แล้วรีบดื่มมันให้หมด
“แม่ว่า ลูกเป็นนักดื่มที่ดีได้นะ”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น…..”
“ให้แม่ล้างให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้ผมทำเองดีกว่า”
ฉันไม่อยากรบกวนแม่มากนัก ดังนั้นฉันจึงเดินไปล้างแก้วที่ซิ้งล้านจาน
ระหว่างนั้นแม่ก็ยิ้มให้ฉันตลอดเวลา มันค่อนข้างน่าตกใจและทำให้ฉันหยุดล้างแก้วแล้วหันมาพูดกับเธอ
“แม่ มีอะไรเหรอ?”
“ฟุฟุ โทษที แม่อดไม่ได้ที่จะคิดว่าลูกชายของแม่ทำอะไรก็หล่อไปหมดเลยนะเนี่ย”
อืม…..คือฉันเป็นโทวะ ฉันก็ต้องหล่อมากแน่ๆ เรื่องนั้นคงช่วยไม่ได้สินะ
แม้ว่าฉันจะเป็นโทวะมาหลายวันแล้ว แต่ทุกครั้งที่ส่องกระจก ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีทีเดียว
อย่างไรก็ตามการถูกบอกว่าฉันหล่อก็ทำให้ฉันรู้สึกดี
“ผมเป็นลูกชายของแม่ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหม? ผมได้รับความสวยความงามมาจากคุณแม่สุดสวยของผม”
“…โทวะะะะะะะะะะะ!”
เธอเข้ามาหาฉันทันที
ฉันพยายามทนต่อแรงกระแทกที่พุ่งไปทั่วทั้งร่างกายและโล่งใจที่แก้วในมือไม่ตก
“ลูกชายแม่จะดีเกินไปแล้ว แม้กระทั่งนิสัยของลูก! ลูกพูดในสิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขอยู่เสมอเลย!”
“เฮ้ๆๆๆ อย่าจูบผมนะ มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ!”
“อืม ก็เรื่องปกตินิ?”
ไม่ดีเลย! ฉันสับหัวแม่เบาๆเพื่อผลักเธอออกไป
ดูเหมือนแม่จะไม่พอใจมาก แล้วแก้มของเธอพองขึ้น ฉันเกือบจะพูดว่า “ดูอายุตัวเองบ้างสิ” แต่ฉันอดไว้ได้ เพราะมีคนบอกว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามเมื่อพูดถึงเรื่องอายุของผู้หญิง
“เอาล่ะ นั้นผมขึ้นห้องก่อนนะ”
“อืม—โทวะ”
“หืม?”
ก่อนที่ฉันจะออกจากห้องนั่งเล่นไป แม่ก็พูดอะไรบางอย่าง
“ถ้าลูกต้องการอะไรก็แค่พึ่งพาแม่ได้นะ ลูกปรึกษาอะไรแม่ก็ได้นะ อย่างเช่นเรื่องที่ลูกไม่สามารถบอกอายานะจังได้นะ แล้วแม่จะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือทุกเรื่องที่ลูกต้องการเอง”
“…ครับ ขอบคุณครับแม่”
ฉันเดาว่าเธอคงสังเกตเห็นตอนที่ฉันเหม่อระหว่างทานอาหารเย็น แม่ของฉันรักฉันและห่วงใยฉันมาก เธอพร้อมเสมอที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือฉันในทุกๆเรื่อง
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณผู้คนรอบตัวฉัน โทวะนายก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันใช่ไหมล่ะ?
[มุมมองของ อายานะ]
“โอ้? รู้สึกเหมือนมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับโทวะคุงเลย”
ขณะที่นอนอยู่บนเตียง──โอโตนาชิ อายานะ ก็พึมพำแบบนั้นขึ้น
ฉันไม่ได้จะแสร้งทำเป็นพวกคนที่มีพลังจิตหรอกนะ แต่ฉันมีความรู้สึกแปลกๆที่ทำให้ฉันสามารถเข้าใจความรู้สึกของโทวะคุงได้
อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ แต่สัญชาตญาณที่ฉันพัฒนาตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ฉันรู้ว่าโทวะคุงกำลังมีความสุข
“…ฉันยอมรับว่ามันดูน่าขนลุกนิดหน่อย”
แม้ว่าฉันจะรักเขา แต่ฉันก็รู้ว่ามันดูน่าขนลุกนิดหน่อย ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดละกัน
ในมือของฉัน ฉันถือรูปถ่ายไว้ใบหนึ่ง–รูปของโทวะคุงและฉันที่ยิ้มกันอยู่
“โทวะคุง!”
ฉันจูบรูปของโทวะคุง
และมันก็เหมือนอย่างที่เป็นมา แค่คิดถึงเขาก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นด้วยความดีใจและฉันก็มีความสุขมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ความอาฆาตพยาบาทต่อพวกเธอรุนแรงขึ้น และหัวของฉันก็เดือดพล่านไปด้วยความโกรธ
“จุ๊…”
นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อฉันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเลิกเรียน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น
การเดตของฉันกับโทวะคุงเป็นช่วงเวลาที่แสนหวาน ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความรัก เหมือนกับย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เราอยู่กันสองคน
ความสุข การเป็นที่รักของกันและกัน และสนุกไปด้วยกัน…ในโลกของเรา ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกระหว่างโทวะคุงกับฉัน ผู้คนเหล่านั้นก้าวเข้ามาพร้อมกับรองเท้าบู๊ตที่เต็มไปด้วยโคลน
“ฉันจะไม่ให้อภัยพวกเธอ…ฉันจะไม่ให้อภัยพวกเธอ จะไม่ให้อภัยพวกเธอ จะไม่ให้อภัยพวกเธอ จะไม่ให้อภัยพวกเธอ จะไม่ให้อภัยพวกเธอ จะไม่ให้อภัยพวกเธอ!”
คนเหล่านั้นไม่ได้สังเกตเห็น…โทวะคุง
ถึงกระนั้น เมื่อฉันเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของโทวะเมื่อเห็นคนเหล่านั้น ฉันก็คิดกับตัวเองว่า สุดท้ายแล้ว คนเหล่านั้นก็ต้องถูกทำความสะอาด
“ลูกกลับมาสายนะ เล่นกับชูคุงอยู่เหรอ?”
แม่ของฉันเรียกเมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน แต่ฉันทนไม่ได้ที่เธอเชื่อมโยงทุกอย่างกับชูคุง
แม้ว่าแม่ของฉันจะไม่เคยพูดรุนแรงกับโทวะคุงโดยตรงเลยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เธอเคยตำหนิฉันเรื่องที่ฉันไปคบกับโทวะคุง ตอนนั้นเหมือนเธอจะลามไปด่าโทวะคุงด้วย
“……ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”
ฉันลุกจากเตียงออกไปที่ระเบียง
แม้ว่าใจฉันจะสับสน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามก็จ้องมองกลับมาที่ฉัน
ฉันแน่ใจว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ……ไม่ สิ่งที่ฉันได้เริ่มต้นไปแล้วนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่สวยงามเลย หัวใจของฉันแปดเปื้อนไปแล้วตรงกันข้ามกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามเหล่านี้
“โทวะคุง…ฉันเป็นของนายนะ…”
มันถูกแล้วหรือเปล่านะ….?
เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันก็กลับมาได้สติอีกครั้ง โดยตระหนักว่าฉันไม่สามารถหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ ฉันตบแก้มเบาๆ
“โอเค ฉันทำได้…แน่นอน”
ฉันจะนำความสิ้นหวังมาสู่คนที่ทรมานโทวะคุงอย่างโหดร้าย ฉันเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่โทวะคุงใจดีมากจนฉันไม่สามารถบอกเขาได้ ฉันจึงอยากให้คนเหล่านั้นหายไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ฉันจะอยู่เคียงข้างโทวะคุงตลอดไป… ฉันสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้
“มันแปลกใช่ไหมล่ะ? ทำไมทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวยขนาดนี้”
ตอนนี้เป็นเวลาหว่านเมล็ดพืช และอีกไม่นานก่อนที่เมล็ดแห่งความสิ้นหวังจะงอกออกมา
คนส่วนใหญ่คงจะคิดไม่ถึงกับวิธีเหล่านี้ แต่ฉันเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และน่าแปลกที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่มีข้อผิดพลาด แม้ว่าความสำเร็จจะไม่แน่นอนก็ตาม
“ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….”
ฉันจะทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน…แล้วฉันจะโจมตีพวกเขาด้วยความสิ้นหวังทำให้เหมือนกับตายทั้งเป็น
หลังจากที่คิดแบบนี้ได้สักพักฉันก็ได้รับข้อความจากคนที่ฉันรัก
“โทวะคุง!”
ฉันสงสัยว่าโอโตนาชิ อายานะ เมื่อสักครู่นี้หายไปไหน กระบวนการคิดของฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“เขาจะส่งอะไรมานะ~? ฉันจะชวนเขาคุยเรื่องอะไรดี? อุฟุฟุ~♪”
เล็กน้อย…เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันเคยคิดที่จะสวีทกับโทวะคุงให้ทุกคนเห็น แต่มันจะทำให้โทวะคุงลำบากได้ฉันเลยล้มเลิกไป ฉันจะไม่รบกวนเขาเกินไปเมื่อมีคนอื่นอยู่รอบๆหรือเมื่อมีคนอยู่ใกล้ๆ แต่เวลาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ ฉันก็สามารถสวีทกับเขาได้มากเท่าที่ต้องการ
[สายลมรอยไป]
“….??”
ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับข้อความจากโทวะคุง
“สายลม…..รอยไปเหรอ?”
ฉันเปล่งเสียงออกมาเพื่อทำความเข้าใจความหมายของมัน
มันเป็นสำนวนเก่าๆที่ล้าสมัย และฉันก็คิดว่ามันมีความหมายที่ซ่อนอยู่หรือเปล่าเพราะโทวะคุงส่งมา น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถหาคำตอบได้
“ไม่ ฉันทำไม่ได้! ถ้าฉันไม่เข้าใจความตั้งใจนี้ ฉันจะถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นผู้หญิงของโทวะคุง!”
แต่… แต่ แต่ แต่แต่ ฉันไม่รู้เลย! จู่ๆโทวะคุงก็ส่งข้อความนี้มา และฉันไม่เข้าใจความหมายเลย!
“เอ่อ อืม…ส้มบนกระป๋อง…”
ไม่ ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเขากลับด้วยสำนวนไร้สาระแบบนี้ ฮะ?
เป็นไปได้ไหมว่าเขามีเจตนาอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ฉันพูดถึงมัน?
มู่มู่มมมม…..ขณะที่ฉันกำลังกระวนกระวายที่จะตอบกลับ ฉันก็ได้รับข้อความจากโทวะคุงอีก
[ขอโทษที โทษนะที่ส่งข้อความแปลกๆออกไป]
“เอ่อ ไม่ต้องขอโทษหรอก โทวะคุง! นายไม่จำเป็นต้อง…..!”
แม้ว่าโทวะคุงจะไม่อยู่ที่นี่ แต่ฉันก็ส่ายหัวปฏิเสธอย่างแรง
[ขอโทษสำหรับข้อความแปลกๆนะ ฉันกำลังจะนอนแล้วก็คิดว่า ‘อืม อายานะอาจจะรู้สึกแย่’ ฉันก็เลยส่งสำนวนนั้นไป ฉันเสียใจ มุขตลกของฉันช่างเป็นหายนะโดยแท้]
เมื่อรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงส่งข้อความดังกล่าวมา ฉันก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
“….ฟุฟุ”
แน่นอนว่ามันเป็นการเล่นสำนวนที่ไม่ธรรมดา แต่ฉันก็มีความสุขเพราะเขาคิดถึงฉันและส่งข้อความนั้นมา เราเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง และฉันเชื่ออย่างนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
“บางทีฉันอาจทำให้โทวะคุงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้”
วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ฉันบอกโทวะคุงอย่างชัดเจนว่าฉันไม่ชอบครอบครัวของชู เนื่องจากโทวะคุงใจดี ฉันคิดว่าเขาคงจะกังวลหากรู้ว่าฉันซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของครอบครัวนั้นรู้สึกเช่นนั้น เขาอาจจะเดาได้เมื่อพิจารณาจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ แต่ฉันไม่ได้บอกเขาไปทั้งหมด อย่างไรก็ตามวันนี้ฉันรู้สึกว่ามันโอเค
ในท้ายที่สุด บทสนทนาก็จบลง และโทวะคุงก็ไม่ถามอะไรต่อ ดังนั้น สิ่งเดียวที่เหลือคือให้ฉันลงมือทำและกำจัดคนเหล่านั้นและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นแค่ความทรงจำอันขมขื่น
“โทวะคุง มันใกล้จะจบแล้ว…….อีกไม่นาน”
จะไม่มีใครอยู่เพื่อทรมานเธออีกต่อไป
และเมื่อทุกอย่างสำเร็จ โลกที่โทวะคุงและฉันปรารถนาก็จะ……อ๊า♪ ด้วยเหตุนี้ วันที่ฉันจะได้สวีทกับโทวะคุงก็จะได้เริ่มต้นขึ้นสักที
ทุกที่ทุกเวลา… มุฟูมุฟูมุฟู♪!
———————————————————————————————————————————————————–
คุยท้ายตอน
ตอนแรกกระจะเปลี่ยนสำนวนที่โทวะส่งให้อายานะเป็นสำนวนแบบไทยๆแต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่าตัวเองก็ไม่ได้เก่งภาษาขนาดนั้นเลยปล่อยไปงั้นละกัน เอาเป็นว่าทุกคนไม่ต้องเข้าใจสำนวนที่โทวะส่งไปก็ได้ครับ เพราะอายานะยังไม่เข้าใจเราคนอ่านจะไปเข้าใจได้ไงจริงไหม
คอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันได้ครับเปิดรับทุกความคิดเห็น (เพราะผมก็มานั่งอ่านคอมเมนต์พวกคุณแก้เบื่อนี่แหละ)