เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 764 พวกเขาดูเหมาะสมกันดี ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 764 พวกเขาดูเหมาะสมกันดี ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!
บทที่ 764 พวกเขาดูเหมาะสมกันดี ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!
เฉียวเหลียนเฉิงไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งเขาจะถูกคนรวยมีอำนาจไล่ล่า
ส่วนเหตุผลก็คือ แกไม่คู่ควรกับหลานชายฉัน แกต้องตาย!
ช่างไร้สาระจริง ๆ!
เหตุผลที่ไร้สาระเช่นนี้ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกรำคาญและโมโห
เขาฟาดมือไปข้างหน้า ส่งผลให้สองคนในนั้นหมดสติ ทว่ามีคนหนึ่งที่หลบหลีกได้
เฉียวเหลียนเฉิงไม่อยากพูดพร่ำทำเพลง ตอนนี้เขาคิดเรื่องต่อสู้เท่านั้น
เมื่อตงเหล่าเห็นอย่างนี้ เขาจึงรีบส่งสัญญาณให้อีกสองคนขึ้นไปข้างหน้า
เขาสังเกตเห็นว่าฝีมือของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่น่าแปลกใจที่หลานชายของเขาจะหลงใหลได้ปลื้มเธอ
น่าเสียดาย!
ตงเหล่าเป็นคนหัวโบราณ เขาไม่ต้องการผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับพี่ชายตัวเอง
การแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้นจะนำความอับอายมาสู่ตระกูล
ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางคัดค้าน
เมื่อมีคนมาเสริมอีก เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกกดดันเล็กน้อย ทั้งสามคนนี้มีฝีมือการต่อสู้สูง และถือว่าพวกเขามีประสบการณ์มาก
อีกทั้งคนเหล่านี้ยังมาจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งสืบทอดมาจากศิลปะการต่อสู้โบราณ พวกเขาจึงมีทักษะที่แท้จริงอยู่ในมือ
เฉียวเหลียนเฉิงต้องต่อสู้แบบสามรุมหนึ่ง ย่อมลำบากเป็นธรรมดา
แต่สิ่งนี้ทำให้ตงเหล่าไม่พอใจอย่างมาก
แม้จะเคลียร์พื้นที่แล้ว แต่ที่นี่คือเหยียนจิง ทั้งยังเป็นสวนสาธารณะ ชายชราจึงกังวลว่าการทำตัวโอหังเกินไปจะนำมาซึ่งปัญหา
จึงโบกมือส่งอีกสองคนไปสมทบ
ครั้นชายห้าคนร่วมมือกัน เฉียวเหลียนเฉิงก็เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้ยิ่งตงเหล่ามอง เขาก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึง ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชม สายตาที่จ้องมองมีความแน่วแน่ที่จะฆ่าอีกฝ่ายมากขึ้น
ช่วงขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงกำลังถูกกดดันอย่างหนัก และอีกไม่นานก็จะต้านทานไม่ไหว
ทันใดนั้น เสียงคำรามเย็นชาก็ดังขึ้น
“หยุดนะ!”
หัวใจของเฉียวเหลียนเฉิงเต้นรัว นี่เป็นเสียงของตงเลี่ยว
แต่คำสั่งของตงเลี่ยวเหมือนจะไม่มีผลอะไร ชายฉกรรจ์ทั้งหลายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ตงเลี่ยวโมโห พุ่งตัวเข้าใส่วงล้อมต่อสู้เหมือนกระสุนปืนใหญ่
เขาตวัดมืออย่างรุนแรง ตบลงที่หน้าอกของชายคนหนึ่ง ส่งผลให้ชายคนนั้นถอยหลังไปหลายก้าว
ทันใดตงเลี่ยวก็หมุนตัว ตบฝ่ามือออกไปอีกหลายครั้ง
ชายทั้งห้าที่ล้อมอยู่ต่างก็ถูกกระแทกจนถอยออก
พวกเขากำลังจะสวนกลับ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นตงเลี่ยว พวกเขาก็จำใจต้องหยุด
หลายคนมองหน้ากัน รีบทักทายตงเลี่ยวด้วยความเคารพ
“อาเลี่ยว!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ตงเหล่าก็ขมวดคิ้วพร้อมตะโกนเสียงดัง
เฉียวเหลียนเฉิงได้โอกาสพักหายใจ มองตงเลี่ยวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ตงเลี่ยวเหลือบมองเฉียวเหลียนเฉิงเล็กน้อย
แววตานั้นซับซ้อน มีทั้งความโกรธแค้น ความชื่นชมและความเศร้าโศก
และสุดท้ายก็กลับกลายเป็นความเรียบเฉย
“คุณตา กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
ตงเลี่ยวหันกลับไปมองตงเหล่า ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ก้าวเดินไปอยู่ด้านหน้าเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิง “…”
นี่คือการปกป้องเขาเหรอ? ใช่ไหม? ใช่ใช่ไหม?
จากมุมหนึ่งหลังเนินเขา เจียงหว่านรอเฉียวเหลียนเฉิงอยู่นาน เธออดรนทนไม่ไหวจึงแอบย่องเข้ามาดู
แล้วเธอก็เห็นชายฉกรรจ์หลายคนกำลังกันคนออกจากพื้นที่
แค่เห็นเจียงหว่านก็รู้ทันทีว่าเป็นคนของตงเหล่า ไม่ต้องถามว่าทำไม เพราะคนพวกนี้พูดภาษาจีนสำเนียงกวางตุ้ง ฟังดูเหมือนลิ้นพันกันตลอดเวลา
ในฐานะคนที่โดนคอลเซนเตอร์โทรมาหลอกลวงเป็นประจำ เธอจึงไวต่อสำเนียงนี้มาก
เธอรีบซ่อนตัว ค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ แล้วก็เห็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
จากนั้นเจียงหว่านก็เห็นตงเลี่ยวมายืนขวางอยู่ด้านหน้าเฉียวเหลียนเฉิง ท่าทางเหมือนปกป้องลูกไก่
ในชั่วพริบตาหัวใจก็ตกอยู่ในความขัดแย้ง
พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ มุมปากของเขาเปื้อนไปด้วยคราบเลือด
ใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ยังหล่อ ประกอบกับคราบเลือดสีแดงสด ช่างดูเปราะบางเสียเหลือเกิน!
เมื่อมองดูตงเลี่ยวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชา ปอยผมสีเงินแซมประปรายยิ่งเพิ่มเสน่ห์
แต่แววตาที่เด็ดเดี่ยวของเขากลับพวยพุ่งด้วยความโกรธแค้น ถ่ายทอดความเป็นพ่อที่หวงลูกได้อย่างสุดขีด
การผสมผสานกันของคนสองคนช่างดูเหมาะสมและน่าตื่นเต้นเหลือเกิน
แต่มันทำให้เธอแทบคลั่ง เพราะหนึ่งในนั้นคือสามีของเธอ!
ในขณะที่เจียงหว่านกำลังยืนซ่อนอยู่หลังต้นไม้ด้วยความสับสน
ตงเลี่ยวเผชิญหน้ากับคุณตาของเขา
“อาเลี่ยว ผู้หญิงคนนี้เก่งมากก็จริง แต่ไม่คู่ควรกับแก!”
“แกจำไม่ได้แล้วเหรอว่าแม่ของแกตายยังไง?”
ตงเลี่ยวกลั้นใจไม่พูดอะไร แต่เมื่อพูดถึงแม่ ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ
“คุณตาไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะไม่ขึ้นสังเวียนประลองกับคุณเหมือนแม่แน่นอน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ตงเหล่าก็คลายกังวลลงเล็กน้อย
ตงเลี่ยวพูดต่อว่า “เพราะว่าผมกับเธอไม่ได้รักกัน!”
เขาหันไปมองเฉียวเหลียนเฉิง สีหน้าเศร้าหมองมาก
“ผมแค่คิดไปเองคนเดียว!”
“ตาจะเอาอะไรกับผมนักหนา!”
“ผมรับรองว่าหลังจากวันนี้ ผมจะออกจากเหยียนจิง และไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
เหล่าตงดีใจมาก “พูดจริงเหรอ?”
ตงเลี่ยวพยักหน้า “จริงครับ ไม่สิ สิ่งที่ผมพูดคือ ผมจะออกเดินทางในคืนนี้!”
ตงเหล่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เดิมทีคิดว่าหลานชายผู้ดื้อรั้นจะตัดใจได้ก็ต่อเมื่อผู้หญิงคนนี้ตาย
ตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว คงเป็นเพราะการปฏิเสธของผู้หญิงคนนี้ทำให้หลานชายรู้ตัวเอง และต้องการจะหนีจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกนี้
ตงเหล่าเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนั้น เรื่องของวันนี้ก็ถือว่าจบลง พวกเราไปกันเถอะ!”
พูดจบก็โบกมือ พาลูกน้องทุกคนออกไป
ตงเลี่ยวหันกลับมามองเฉียวเหลียนเฉิง
“ผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ผมพูดออกไป ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิงหรือชาย หรือเป็นใครก็ตาม!”
“แผนสำหรับวันพรุ่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หวังว่าผมจะไม่มีวันได้พบตาของผมอีก!”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไปพร้อมกับเหล่าตง
เมื่อเห็นเขาจากไป เฉียวเหลียนเฉิงไม่สามารถระงับอาการบาดเจ็บภายในที่เขาได้รับในระหว่างการต่อสู้ได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมา และกำลังทรุดลงกับพื้น
เจียงหว่านรีบวิ่งออกมาและประคองเขาไว้ไม่ให้ล้ม
“นายเป็นยังไงบ้าง ฉันจะรีบพานายไปโรงพยาบาล!”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร แค่อวัยวะภายในกระทบกระเทือนนิดหน่อย!”
หัวใจของเจียงหว่านเต้นรัว เธอรีบประคองเขาออกจากสวน พาขึ้นรถและมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล
ระหว่างทาง เจียงหว่านถามว่า “คนของตงเหล่าเก่งมากเลยเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสียงอืมอย่างอึดอัด
เขาหยุดนิ่งชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า “ความจริงแล้ว ศิลปะการต่อสู้ของประเทศเรานั้นลึกซึ้งและกว้างใหญ่ไพศาล”
“มีสำนักมากมาย แต่ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในอดีตทำให้สายการสืบทอดเหล่านั้นขาดตอน”
“มณฑลกว่างมีตระกูลโบราณที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มากมาย บางคนก็จงใจซ่อนมรดกเหล่านั้นไว้ เมื่อความวุ่นวายผ่านพ้น มรดกก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง”
“ดังนั้น คนที่มีความต้องการเหมือนกันจึงรวมตัวกันก่อตั้งเป็นสหพันธ์”
“คนเหล่านี้ก็คือสมาชิกของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้โบราณ”
เจียงหว่านแลบลิ้น ตอนนี้เป็นยุคสมัยของอาวุธปืนแล้ว ต่อให้ศิลปะการต่อสู้จะเก่งแค่ไหน ก็คงต้านทานกระสุนเหล็กได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนห้ามประชาชนทั่วไปครอบครองอาวุธปืน ศิลปะการต่อสู้จึงยังมีบทบาทอยู่
เมื่อเจียงหว่านพาเฉียวเหลียนเฉิงไปถึงโรงพยาบาล อาการของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่เจียงหว่านกังวลว่าเขาจะช้ำใน จึงบังคับให้เขาไปตรวจ
ทั้งคู่จอดรถและกำลังจะลงจากรถ
ทันใดนั้น ก็เห็นว่าบรรดาผู้คนหน้าประตูโรงพยาบาลตกอยู่ในความอลหม่าน
“นี่ เมื่อกี้มีผู้หญิงเลือดท่วมตัววิ่งพรวดเข้ามา น่ากลัวมากเลยนะ!”
“จริงด้วย ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นนักข่าว มือยังกำกล้องแน่นอยู่เลย ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ดูท่าจะอาการหนักมากเลยนะ!”