เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 758 เร่งรีบไปเกิดใหม่หรือไง?
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 758 เร่งรีบไปเกิดใหม่หรือไง?
บทที่ 758 เร่งรีบไปเกิดใหม่หรือไง?
ที่นอกประตู ตงเลี่ยวไม่ได้เดินไปไหนไกล
แม้ตอนเขาเข้ามาจะทำทีสบาย ๆ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกกังวลอยู่บ้าง
ดังนั้นเมื่อเขาออกจากห้องมา เขาจึงเดินช้าลง และแกล้งก้มลงผูกเชือกรองเท้า
เมื่อได้ยินบทสนทนาในห้อง เขาก็รู้สึกโล่งใจ จึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
ข่าวการตายของเอ้อร์หนิวถูกส่งกลับมาในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผู้ส่งข่าวคือมู่เหย่
มู่เหย่พูดด้วยความเสียใจ “เมื่อวานนี้ผมไปเดินเล่นในสวนสาธารณะกับเฉียวเหลียนเฉิงและคนอื่น ๆ แล้วก็เจอกับตงเลี่ยว”
“พวกเรายืนคุยกันอยู่สองสามคำ ก็เห็นน้องชายคนนี้ของคุณทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ มองมาทางเรา”
“ผมรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเขาเป็นคนของพวกคุณ แต่ก็ไม่แน่ใจ เลยตะโกนเรียกเขา!”
“ไม่คิดว่าเขาจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าทำอะไรผิดมา”
“ด้วยความงุนงงผมก็เลยวิ่งตามไป แล้วจู่ ๆ ก็เห็นเขาพุ่งออกไปที่ถนน เพื่อจะหยุดเขาไว้ ผมเลยตะโกนจากด้านหลังว่า ช่วยจับขโมยด้วย!”
“นักเรียนโรงเรียนกีฬาคนหนึ่งคิดว่าเขาเป็นขโมยจริง ๆ จึงพยายามขัดขวาง ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะพุ่งตัวออกไปกลางถนนใหญ่ ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง”
“และโชคร้าย หมอช่วยเขาไว้ไม่ได้”
“ผมขอโทษสำหรับเรื่องนี้จริง ๆ ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะวิ่งหนีสุดชีวิตแค่เพราะเห็นผมวิ่งตาม!”
มู่เหย่พูดด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
สุดท้ายเขาหยิบเงินปึกหนึ่งออกมา
หนึ่งหมื่นหยวน
“นี่เป็นเงินช่วยเหลือเล็กน้อยจากผม!”
เสี่ยวตงและเหล่าฉีนิ่งงัน
ทำไมถึงต้องวิ่งหนีสุดชีวิตด้วย
เพราะเสี่ยวติงเห็นตงเลี่ยวกับเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ด้วยกัน เลยให้เอ้อร์หนิวติดตามไปดูว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
เอ้อร์หนิวเห็นอะไร พวกเขาไม่มีทางรู้เลย
เอ้อร์หนิววิ่งออกมาอย่างรีบร้อน และมู่เหย่ก็วิ่งตาม พวกเขาต่างก็เห็นกันหมด
ปฏิกิริยาแรกของเสี่ยวติงคือการบอกให้คนขับรถรีบขับออกไป เพราะพวกเขาทำเรื่องเลวร้าย จึงรู้สึกกลัว
ไม่มีใครคาดคิดว่าเอ้อร์หนิวจะตาย!
แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ ก็เพราะพวกเขากลัวความผิดเอง
เรื่องนี้จึงจบลงแบบนี้
ไม่มีใครสงสัยว่าตงเลี่ยวกับเฉียวเหลียนเฉิงมาเจอกันเพื่อคุยอะไร และไม่มีใครสงสัยว่ามู่เหย่ เฉียวเหลียนเฉิง เจียงหว่าน และหลัวนีน่าเป็นพวกเดียวกัน
เจียงหว่านพูดด้วยความขำขัน “โจรพวกนี้ทั้งโง่เขลาและซื่อบื้อมาก!”
ตงเลี่ยวอธิบายว่าหลักฐานอย่างสมุดบัญชีไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขาได้ส่งคนไว้ใจได้กลับไปเอาแล้ว
เขาบอกด้วยว่าต้องการเวลาอีกสักระยะ ประมาณห้าถึงเจ็ดวัน น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้
เจียงหว่านกลับมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้สามวัน เธอก็อ้อนวอนขอออกไป
เฉียวเหลียนเฉิงคัดค้านทันที “ไม่ได้! ครั้งนี้คุณต้องรักษาตัวจนหายดีก่อนถึงจะออกไปได้”
เจียงหว่านกลอกตา ลุกออกจากเตียงและเดินไปหาเฉียวเหลียนเฉิง
เธอเอื้อมมือไปสัมผัสนิ้วของเฉียวเหลียนเฉิงเบา ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ไม่ได้ ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เรื่องนี้ห้ามต่อรอง!”
เจียงหว่านยิ้มหวาน ยื่นนิ้วไปสะกิดที่ฝ่ามือของเขา!
ร่างกายของเฉียวเหลียนเฉิงสั่นสะท้านเล็กน้อย เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!”
เจียงหว่านประสานนิ้วกับนิ้วมือของเขา แล้วเธอก็ซบศีรษะลงบนไหล่ ทั้งยังโน้มตัวไปข้างหน้า
นิ้วมือเรียวของเธอวาดเป็นวงกลมบนหน้าอกของเขาไม่หยุด
ร่างกายของเฉียวเหลียนเฉิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงปฏิเสธของเขาสั่นเครือ
“คุณทำอะไรก็ไม่เป็นผลหรอก! คุณต้องรักษาตัวจนหายดีก่อนถึงจะออกไปได้!”
เจียงหว่านเบ้ปาก แกล้งทำเสียงออดอ้อนว่า “ที่รัก เค้าไม่ค่อยชินกับการอยู่ที่นี่เลย”
“เค้าอยากกลับบ้านจังเลย!”
ทันทีที่พูดจบ ร่างกายของเฉียวเหลียนเฉิงก็แข็งทื่อ
แต่เจียงหว่านกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก “โอ้โห ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เหมาะกับการทำตัวเป็นดอกบัวขาวแฮะ”
“พูดเสียงอ้อนแบบนั้นทั้งวัน คงหายใจไม่ออกแน่ ๆ”
เฉียวเหลียนเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง
เจียงหว่านไม่แกล้งทำต่อแล้ว เธอคว้าคอเสื้อของเฉียวเหลียนเฉิง แล้วดึงให้เข้ามาใกล้
“นี่ ให้ฉันกลับบ้านเถอะนะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้!”
เจียงหว่านโมโห เธอใช้แรงกดตัวเขาลงบนเตียง
เฉียวเหลียนเฉิงกลัวว่าถ้าเขาขัดขืนจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ จึงยอมให้เธอกดลง!
เจียงหว่านคุกเข่าข้างหนึ่งบนเตียง อีกข้างทับต้นขาของเขา น้ำหนักตัวครึ่งหนึ่งกดทับอยู่บนตัวเฉียวเหลียนเฉิง เธอจ้องมองเขาจากด้านบนและถามว่า
“พูดมา จะให้ฉันออกจากโรงพยาบาลไหม?”
ดวงตาเฉียวเหลียนเฉิงสั่นไหว ลำคอของเขาตีบลง กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ปากแห้งผากขณะพูดว่า
“ไม่ได้!”
เจียงหว่านโกรธจัด ทันใดนั้นเธอก้มลงจูบริมฝีปากเขา
“พูดมาว่าจะตกลงหรือไม่ ถ้ากล้าปฏิเสธ พรุ่งนี้ฉันจะจูบนายต่อหน้าทุกคน”
“ฉันจะทำให้นายอับอายจนไม่กล้าออกไปพบใคร”
ใบหน้าเฉียวเหลียนเฉิงหมองหม่นลง แต่แววตาของเขากลับมีความคาดหวังแฝงอยู่
เขาขบฟันแน่น แล้วตอบอย่างหนักแน่น
“คุณ นี่ ผมไม่ยอม!”
โครม!
ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้งคู่ เสียงดังสนั่นจากประตูที่พุ่งชนกำแพงก็ดังขึ้น
ทั้งสองหันขวับไปด้วยความตกใจ พบว่าประตูห้องพักเปิดออก
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคือเจี๋ยไห่เสียที่ถือกระติกน้ำร้อน แต่ด้านหลังของเธอมีกลุ่มหมอและพยาบาลติดตามมาด้วย
ทันใดนั้น เจียงหว่านก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้คือวันจันทร์ และเวลาแปดโมงเช้าก็เป็นเวลาที่หมอจะมาตรวจคนไข้
ร่างกายของเธอแข็งค้าง รีบกระโดดลงจากเตียง แล้วดึงเฉียวเหลียนเฉิงขึ้นมาด้วย
ทั้งสองยืนตัวตรงอยู่หน้าเตียง
เฉียวเหลียนเฉิงคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คุณควรนอนลงนะ คุณเป็นคนไข้!”
เจียงหว่านตอบรับอย่างเขินอาย “โอ้ จริงด้วย!”
แล้วเธอก็รีบปีนขึ้นเตียงอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อนอนลงแล้ว เธอก็เงยหน้ามองหมอที่เดินเข้ามาในห้อง แล้วถามว่า
“เมื่อกี้ พวกคุณไม่ได้เห็นหรือได้ยินอะไรใช่ไหมคะ?”
หมอทุกคนพยักหน้า
“พวกเรามาตรวจคนไข้ เพิ่งเข้ามา ไม่ได้เห็นอะไรเลย!”
“ใช่แล้ว พวกเราเห็นแค่คุณนอนอยู่บนเตียง!”
เจียงหว่านรู้สึกโล่งใจ
พอหมอเริ่มตรวจร่างกาย หมอเจ้าของไข้เจียงหว่านก็รายงานผลว่า
“ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บจากภายนอก มีรอยถลอกและรอยขีดข่วนหลายสิบแห่งทั่วร่างกาย แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงแผลที่เนื้อเยื่ออ่อน!”
“ที่ศีรษะมีบาดแผล สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย ต้องให้นอนพักดูอาการก่อน!”
“พิจารณาจากความคล่องแคล่วเมื่อครู่ ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่น่าจะมีผลข้างเคียง!”
หัวหน้าหมอมองดูแล้วพยักหน้า “อืม ไม่น่ามีปัญหาอะไร ขนาดที่ล้มชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงได้ ก็ถือว่าสบายดีแล้วล่ะ!”
หมออีกคนพูดต่อ “ดูจากท่าทางและแรงกดทับ ร่างกายคงจะฟื้นตัวได้ดี!”
“ทั้งยังสามารถพูดขู่คนอื่นได้ด้วย แสดงว่าสมองก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร อีกไม่กี่วันก็คงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หมอทุกคนก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
เจียงหว่านหน้าซีดเผือด อับอายจนอยากจะหาที่ซุกหัวหนี
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นท่าทางของเธอแล้ว รีบพูดว่า “เอ่อ เรื่องเมื่อกี้เป็นความเข้าใจผิด!”
“จริง ๆ แล้วพวกเรา…”
เขาอยากจะพูดว่าพวกเราแค่อยู่ระหว่างการซ้อมบทละคร!
นี่คือข้ออ้างที่เขาคิดขึ้นมาได้ในยามคับขัน
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันพูดจบประโยค หมอเจ้าของไข้ก็พูดแทรกขึ้นว่า
“ไม่เป็นไรครับ เราเข้าใจ คุณไม่ยอม!”
พูดจบทุกคนก็เดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
แต่พอถึงหน้าประตู พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะดังเข้ามาถึงในห้อง
เจียงหว่านคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะ
“ไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว ฉันจะออกจากโรงพยาบาล ด่วนเลย เดี๋ยวนี้!”
เฉียวเหลียนเฉิงถอนหายใจเบา เมื่อกี้หมอบอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว งั้นจะออกก็ได้!
เขาก็รู้สึกอับอายเหมือนกัน!
เฉียวเหลียนเฉิงจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น เจียงหว่านชวนเจี๋ยไห่เสียไปพักที่บ้าน แต่เธอปฏิเสธ
“เราต่างก็อยู่บ้านพักเขตทหาร ฉันกลับไปคงไม่เหมาะสม!”