เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 525 ตอนนั้นหลี่หงเหมยทำอะไรบ้าง?
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 525 ตอนนั้นหลี่หงเหมยทำอะไรบ้าง?
บทที่ 525 ตอนนั้นหลี่หงเหมยทำอะไรบ้าง?
เจียงหว่านไอออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก สิ่งที่ฉันเขียนน่ะดีอยู่แล้ว พรุ่งนี้พาฉันไปหาบรรณาธิการก็พอ!”
“เอาละ! งั้นเจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน” เจียงหว่านตอบตกลงอย่างยินดี
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เจียงหว่านโกรธมาก และผลลัพธ์ที่ตามมาก็ค่อนข้างร้ายแรง
ไห่หรงเทียนไม่เข้าใจว่าเขาควรเคารพผู้อื่นยังไง และยังก่นด่าเหล่าเฉียวอย่างเปิดเผย เธอจึงต้องการเปิดโปงเขาด้วยเช่นกัน!
ขณะเดียวกันทางตระกูลไห่
หลังจากกลับมา ไห่หรงเทียนก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
เขาเดินเข้าประตูมาก็เห็นภรรยาเจียไห่เสียกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
ในยุคนี้โทรทัศน์ยังเป็นภาพขาวดำ และสัญญาณมักไม่ค่อยดี หากเปิดไว้สักครู่ก็จะเกิดจุดเล็ก ๆ คล้ายหิมะปรากฏเต็มหน้าจอ
และเมื่อภาพเริ่มเลือนรางมองไม่ชัด คิ้วของเจี๋ยไห่เสียก็เริ่มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
ไห่หรงเทียนมองภรรยาที่รักของเขาด้วยความสงสัย
กระทั่งเจี๋ยไห่เสียเห็นว่าเขากลับมาแล้ว หล่อนจึงกล่าวทักทาย
“หรงเทียนกลับมาแล้วเหรอคะ แล้วทำไมยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ?”
ไห่หรงเทียนพลันรู้สึกตัว เขาครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเดินเข้าไปหาภรรยา แล้วถามเบา ๆ ว่า “ไห่เสีย คุณจำผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นที่ช่วยคุณตอนคลอดหนิงซวงได้ไหม?”
เจี๋ยไห่เสียตกใจ หันมองสามีทันที “จำได้ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”
ไห่หรงเทียนพูดขึ้นว่า “ถ้าวันไหนเธอมาพบคุณ คุณห้ามไปยุ่งเด็ดขาด”
เจี๋ยไห่เสียสับสน “ทำไมเธอถึงต้องมาหาฉันด้วยล่ะคะ? คราวนั้นเรายังตอบแทนไม่พออีกเหรอ?”
ก่อนไห่หรงเทียนจะตอบกลับ เจี๋ยไห่เสียก็ขมวดคิ้ว พูดว่า “ฉันจำได้ว่า หลังจากเราจากที่นั่นมาได้ไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาฉันพร้อมกับนาฬิกาที่คุณให้ บอกฉันว่าไห่หนิงซวงน้อยไม่ใช่ลูกของเรา”
“เธอยังบอกด้วยว่าทารกที่เราให้กำเนิดเป็นผู้ชาย และเด็กผู้หญิงเป็นลูกของเธอ”
ไห่หรงเทียนพยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นตำรวจต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยเลยล่ะ”
“และหลังจากหวาดกลัว เธอจึงเริ่มพูดความจริง”
“เพราะครอบครัวของเธอยากจน ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เธอจึงอยากให้ลูกชายมีความสุขอยู่ภายในเมืองหลวง”
“ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนนั้นว่ามีผู้หญิงเลวทรามเช่นนี้อยู่บนโลกจริง ๆ!”
เจี๋ยไห่เสียพูดด้วยความโกรธ
“หลังจากไล่เธอกลับไปแล้ว เธอก็มาหาฉันอีกหลายครั้งพร้อมกับเฝ้ามองและข่มขู่ให้เราช่วยจัดหางานในเมืองให้ และยังขอเงินจากเราด้วย”
“ฉันจำได้ว่าเธอได้เงินไปมากกว่าแปดร้อยหยวนแล้ว!”
“โชคดีที่คำสั่งย้ายของคุณมาถึงพอดี เราเลยใช้โอกาสนี้หนีมาได้!”
“แล้วทำไมวันนี้คุณถึงมาพูดเรื่องนี้อีกล่ะคะ?”
“หรือว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกแล้วเหรอ?”
ไห่หรงเทียนส่ายศีรษะ “ไม่หรอก ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นเด็กชายที่เธอให้กำเนิดก่อนหน้านี้”
“เด็กคนนั้นอายุเท่ากับหนิงซวงของเรา และผมไม่คิดว่า…”
ทันทีที่เห็นแววตาเป็นกังวลของเจี๋ยไห่เสีย ไห่หรงเทียนจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด และหาทางออกให้กับเรื่องนี้โดยเร็ว
“ผมไม่คิดมาก่อนว่าเด็กคนนั้นจะเป็นทหารในหน่วยของผม!”
“และเขาเพิ่งกระทำความผิดเมื่อไม่นานมานี้ ผมกังวลว่าเขาจะมาหาคุณเพื่อร้องขอบางอย่าง”
“เอาเถอะ ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งออกไปไหนเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็อยู่บ้านนี่แหละ แล้วดูแลตัวเองให้มากเวลาที่ผมไม่อยู่ด้วย!”
เจี๋ยไห่เสียพึมพำพร้อมยกยิ้มให้สามี “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเข้าใจ!”
“ผู้หญิงคนนั้นโลภมาก ไม่ใช่เราที่ใจร้าย ยังไงแล้วความเมตตาก็ควรมีขอบเขต”
“เราอย่าไปยุ่งกับเธออีกเลย!”
ไห่หรงเทียนรู้สึกผ่อนคลายลงมาก
เวลานั้นหลังภรรยาคลอดลูกสาว เขาก็พาภรรยากับลูกกลับเข้าเมือง และในวันรุ่งขึ้นก็หอบข้าวยี่สิบกิโลกรัมพร้อมด้วยบะหมี่ขาวไปขอบคุณหลี่หงเหมย
และก่อนกลับ เขาก็ยังทิ้งนาฬิกาไว้ให้เป็นของขวัญอีกด้วย
เดิมทีเขาคิดว่านี่คือการตอบแทนที่เธอช่วยเหลือภรรยาและลูกสาว ดังนั้นถ้าหากเขาพอจะช่วยเหลืออีกฝ่ายได้บ้าง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือหลี่หงเหมยและครอบครัวของเธอ
แน่นอนว่าทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ความเต็มใจของเขาเช่นกัน!
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น… ไห่หรงเทียนไม่อาจยอมรับได้
เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากมอบนาฬิกาให้ หลี่หงเหมยก็มาเคาะประตูพร้อมกับเด็กชายในอ้อมแขน โดยบอกว่าเธอสลับเด็กสองคนโดยไม่ตั้งใจ
และขอให้เปลี่ยนลูกกัน
แม้เจี๋ยไห่เสียจะหมดสติไปหลังคลอด แต่เธอก็ไม่มีทางยอมเปลี่ยนตัวเด็กเพียงเพราะคำพูดของหลี่หงเหมย
ไห่หรงเทียนถามหลี่หงเหมยว่ามีหลักฐานอะไร แต่หลี่หงเหมยไม่สามารถตอบได้
เมื่อสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ ไห่หรงเทียนจึงขอให้ตำรวจเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
หลี่หงเหมยที่เห็นตำรวจมา เธอก็หวาดกลัวมากและยอมรับทันทีว่าเด็กทั้งสองคนไม่ได้ถูกสลับตัวกัน
แต่ครอบครัวของเธอยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายได้ เธอจึงวางแผนว่าจะแลกเปลี่ยนเด็กหญิงกับเด็กชาย เพื่อที่ลูกชายของเธอจะได้เข้าไปอยู่ในเมืองอย่างสุขสบาย
หลังจากหลี่หงเหมยสารภาพออกมาอย่างนั้น ไห่หรงเทียนก็โกรธจัดพร้อมไล่เธอออกไป
และเพราะเด็กไม่ได้ถูกสับเปลี่ยนตัว หลี่หงเหมยจึงใช้ตัวอ้างต่าง ๆ เพื่อขอเงินไปกว่าแปดร้อยหยวน
แม้จะเป็นเงินแปดร้อยหยวน แต่สำหรับไห่หรงเทียนแล้วก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากโข
ขณะที่ไห่หรงเทียนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับความโลภของหลี่หงเหมย
คืนนี้อาจจะเป็นค่ำคืนปกติของคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับเจียงหว่านและไห่หรงเทียนมันคือจุดพลิกผัน
ครั้นรุ่งสาง ไห่หรงเทียนก็ทิ้งผู้คุ้มกันไว้เพื่อปกป้องภรรยาก่อนจะออกไปทำงาน
ส่วนสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากมาถึงห้องทำงานก็คือ มองหาแฟ้มของเฉียวเหลียนเฉิง
ในแฟ้มนั้น เขาเห็นว่าบ้านเกิดของเฉียวเหลียนเฉิงคือมณฑลเดียวกับเขา เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไห่หนิงซวงเกิด
และชื่อแม่ของเขาก็ถูกระบุไว้ชัดเจน ‘หลี่หงเหมย!’
เวลานี้ไห่หรงเทียนรู้สึกสับสน ยิ่งพอเห็นชื่อของหลี่หงเหมยอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพะอืดพะอมราวกับกลืนแมลงวันนับร้อยเข้าไป
สุดท้ายเขาก็วางแฟ้มลงพร้อมถอนหายใจ
“เขาเป็นเด็กดี แต่ทำไมถึงมีแม่แบบนี้!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
เวลาสิบโมง ไห่หรงเทียนเสร็จงานในช่วงเช้าแล้ว เขาจึงตรงไปหาเกาเสียง
ด้านเกาเสียง พอได้เห็นท่าทีอีกฝ่าย เขาก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด
“นายพลไห่มาที่นี่ มีเรื่องอะไรเหรอ?” ท่าทีของเกาเสียงคล้ายกับไม่ต้อนรับ และเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เพียงแค่คิดถึงท่าทีของไห่หรงเทียนที่แสดงต่อเจียงหว่านเมื่อคืน เขาก็รู้สึกโกรธแล้ว
ไห่หรงเทียนมองเขาด้วยแววตาเคร่งขรึมก่อนจะถามว่า “เจียงหว่าน… ทำไมนายถึงรับหล่อนเป็นลูกบุญธรรม?”
“เหล่าเกา แม้เราจะแข่งขันกันเสมอมา แต่นาย… ก็ถือเป็นคู่แข่งของฉัน และไม่ควรมาพลาดกับเรื่องแบบนี้!”
เกาเสียงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เรื่องแบบนี้? แล้วมันแบบไหนกันล่ะ?!”
ใบหน้าของไห่หรงเทียนกลายเป็นเคร่งขรึม เขาพูดต่อ “รู้เรื่องของเจียงหว่านดีแล้วเหรอ?”
เกาเสียงหัวเราะ “เธอคือลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน และแน่นอนว่าฉันพิสูจน์หมดแล้ว!”
ไห่หรงเทียนตกตะลึง ทำไมถึงกลายเป็นลูกสาวแท้ ๆ ได้? ไม่ใช่แค่ลูกบุญธรรมหรอกเหรอ?
เกาเสียงพูดต่อ “ถ้านายจะมาเพื่อพูดเรื่องนี้ก็พอเถอะ นี่ไม่จำเป็น ฉันไม่ได้ตาบอด และหัวใจของฉันก็ยังทำงานได้ดี!”
“แต่นายควรจะเชื่อฉัน และไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบดวงตาสักหน่อยดีกว่า!”
“ไม่สิ ไม่ใช่แค่หมอตา แต่ไปตรวจสมองด้วยก็ดี!”
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้วมุ่น พลันผุดลุกขึ้นรวดเร็ว เขาคร้านที่จะโต้เถียง จึงหันหลังกลับออกไปทันที!
เกาเสียงก็ไม่ได้หยุดอีกฝ่าย เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมมองแผ่นหลังของไห่หรงเทียนอย่างเย้ยหยัน
เขาอยากรู้นักว่าไห่หรงเทียนจะรู้สึกยังไงถ้าหากเฉียวเหลียนเฉิงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอีกฝ่ายจริง ๆ!