เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 524 เจียงหว่านคุ้มคลั่ง คุณกล้าดียังไงมาดูถูกสามีของฉัน?!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 524 เจียงหว่านคุ้มคลั่ง คุณกล้าดียังไงมาดูถูกสามีของฉัน?!
บทที่ 524 เจียงหว่านคุ้มคลั่ง คุณกล้าดียังไงมาดูถูกสามีของฉัน?!
หลายคนก็มักจะเป็นเช่นนี้ หากได้เริ่มต้นจากจุดที่สูง และวันหนึ่งถูกกดให้ต่ำลง ย่อมเป็นธรรมดาที่จะทนไม่ไหว
เฉียวเหลียนเฉิงขึ้นเป็นหัวหน้ากองพันแล้ว แม้เขาจะเข้าร่วมกองร้อยของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กระนั้นตำแหน่งและระดับของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ทว่ายังไงในกองกำลังปฏิบัติงานพิเศษ ถึงเขาจะมีตำแหน่งสูง แต่เมื่อเข้าร่วม เขาก็ต้องเริ่มต้นจากการเป็นทหารธรรมดาเหมือนกัน
แล้วเขาจะมาขุ่นเคืองด้วยเรื่องอะไรกัน?!
ลืมไปซะ… สุดท้ายเด็กนั่นก็ปฏิเสธไปแล้ว และตอนนี้ยังให้ภรรยามาที่นี่พร้อมกับนาฬิกาที่เคยถูกทิ้งไว้ก่อนหน้า นี่มันหมายความว่ายังไง?
ตอนนี้เองที่ไห่หรงเทียนยิ่งดูถูกหลี่หงเหมยและเฉียวเหลียนเฉิงอย่างถึงที่สุด!
เขาลอบดีใจที่เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้เข้าร่วมในกองกำลังพิเศษจริง ๆ!
ไม่อย่างนั้น ถ้าหากต้องอยู่ภายใต้อำนาจของใครคนใดคนหนึ่ง เด็กนั่นอาจจะต้องกระอักเลือดจนตาย
แม้ว่าตรงนี้จะมืดสักหน่อย แต่เจียงหว่านก็มองเห็นร่องรอยการดูถูกและเหยียดหยามในแววตาของไห่หรงเทียนชัดเจน
เธอขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “นายพลไห่ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันไม่ได้มาหาคุณเพราะต้องการจะใช้นาฬิกาเรือนนี้เป็นเส้นสาย แต่เพราะฉันมีบางอย่างจะพูดด้วยเท่านั้น”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภรรยาและลูกสาวของคุณ แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเฉียวเหลียนเฉิงด้วย!”
“ความจริงแล้วตอนนั้น…”
“พอ! ฉันไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว!” ก่อนเจียงหว่านจะพูดอะไร ไห่หรงเทียนก็คำรามขัดจังหวะอย่างดื้อรั้น
“นาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญจากฉันมอบให้หลี่หงเหมยเพื่อเป็นการขอบคุณ ในเมื่อให้ไปแล้ว ฉันจะไม่รับคืนเด็ดขาด!”
“น้ำใจของหลี่หงเหมยต่อครอบครัวของเรานับว่ายิ่งใหญ่”
“แต่คุณคิดจะใช้น้ำใจในคราวนี้เกาะกินพวกเราไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?”
หลังพูดอย่างนั้น เขาก็วางนาฬิกาลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“การที่คุณได้เป็นบุตรสาวบุญธรรมของเกาเสียง เป็นเพราะเกาเสียงคนนั้นมันตาบอด!”
“แต่ฉัน ไห่หรงเทียน มีสายตาและไหวพริบยอดเยี่ยม กลอุบายเล็กน้อยพวกนี้ไม่มีผลกับฉันหรอก!”
“ในอนาคตไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ต่อให้คุณจะเป็นลูกสาวบุญธรรมของเกาเสียง แต่ฉันก็สามารถส่งคุณให้ตำรวจได้!”
พูดจบเขาก็ยืนขึ้น แล้วเดินออกจากศาลา
เจียงหว่านถึงกับชะงักค้าง เกิดอะไรขึ้น!
เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ!
เจียงหว่านกำลังจะรั้งไห่หรงเทียนไว้ แต่ก่อนที่เธอจะเรียกไห่หรงเทียน ไห่หรงเทียนก็หันกลับมาจ้องมองเธอเสียก่อน
“กลับไปบอกเฉียวเหลียนเฉิงซะ ต่อให้เขาจะมีความสามารถแค่ไหน ฉันไห่หรงเทียนก็ไม่ต้องการคนที่มีจิตใจชั่วร้ายอย่างเขา!”
“จากนี้ไป กองกำลังพิเศษนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอย่างเด็ดขาด!”
หลังพูดจบแล้ว เขาเดินออกไปทันที
เดิมทีเจียงหว่านอยากจะเรียกเขาไว้และอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน
แต่เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของไห่หรงเทียน เธอก็เปลี่ยนใจ
เขากล้าพูดว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนชั่วร้ายงั้นเหรอ?!
แล้วยังบอกว่ากองกำลังพิเศษนี้จะไม่มีวันยอมรับเฉียวเหลียนเฉิงงั้นเหรอ?!
ทำไมเขาถึงกล้าพูดอย่างนั้น?
เขาดูถูกสามีของเธอได้ยังไง!
เจียงหว่านกำลังจะระเบิดแล้ว!
เธอหยิบนาฬิกาบนโต๊ะขึ้นมา แขนขาของเธออ่อนแรงเล็กน้อยจากความโกรธ
เวลานี้เจียงหว่านโกรธจนตัวสั่น แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง จ้องมองไห่หรงเทียนที่จากไปพร้อมกัดฟันแน่น
แม้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ความหนาวเย็นก็ค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่มีลมพัดผ่าน
กระนั้นเจียงหว่านก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ในศาลาโดยไม่ขยับตัวไปไหน ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ ตัวเธอกำลังสั่นสะท้านจากลมหนาวด้านนอก
ทว่าไม่นาน เสื้อคลุมหนาก็พาดลงบนไหล่ของเธอ ความอบอุ่นนี้ทำให้เจียงหว่านฟื้นคืนสติ
ด้านหลังเธอ เกาเสียงยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลและทุกข์ใจ
“พ่อ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เกาเสียงกระชับเสื้อคลุมให้เธอก่อนจะพูด
“ฤดูใบไม้ผลิน่ะหนาวมากนะ อย่ายืนตรงนี้เลย เดี๋ยวจะแข็งตายเอา”
เจียงหว่านถอนหายใจหนัก และเหมือนเธอจะนึกบางอย่างได้จึงเงยหน้ามองเกาเสียง และพูดว่า
“ไห่หรงเทียนเป็นคนดื้อรั้น เขาไม่ฟังที่หนูพูดด้วยซ้ำ และยังเข้าใจพ่อผิดด้วย!”
เกาเสียงโบกมือ “ไม่ต้องพูดหรอก พ่อได้ยินทุกอย่างแล้ว!”
เจียงหว่านประหลาดใจ
เกาเสียงพูดต่อว่า “พ่อไม่ได้กังวลเรื่องลูกหรอก สุดท้ายแล้วแม้ไห่หรงเทียนจะเหมือนหินหยาบกร้านและเหม็นเน่าในห้องน้ำ แต่เขาก็เป็นผู้ชาย ก่อนหน้านี้พ่อถึงได้พยายามห้ามปรามลูกไง เพราะพ่อกังวลว่าเขาจะไม่เชื่อลูก!”
เจียงหว่านเงียบ เธอรู้สึกสะท้อนใจ
ระหว่างทางกลับ เกาเสียงก็พูดขึ้น “ไห่หรงเทียนไม่คิดจะฟังลูก ดูเหมือนเขาจะเกลียดลูกไปแล้วล่ะ”
“ถ้าลูกต้องการจะเข้าใกล้เขาอีกครั้ง พ่อคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องยากแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นก็เหลือเพียงทางเดียว ลูกควรไปคุยกับภรรยาของไห่หรงเทียนที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเฉียวเหลียนเฉิงแทน!”
“แต่ว่าลูกควรเตรียมตัวให้ดี มารดาผู้ให้กำเนิดเฉียวเหลียนเฉิงรักไห่หนิงซวงยิ่งกว่าอะไร และความพยายามของลูกอาจเสียเปล่า!”
“ถ้าลูกบอกเธอไปว่าไห่หนิงซวงไม่ใช่ลูกของเธอ แน่นอนว่าเธอจะไม่เชื่อแน่”
เจียงหว่านลูบหน้าผากของตัวเองก่อนจะพูดต่อไปว่า “หนูจะไม่ไปหาเธอหรอกค่ะ แม่แท้ ๆ แต่กลับมองลูกตัวเองไม่ออก ถือว่าเป็นคนตาบอดจริง ๆ!”
เกาเสียงเงียบ แม้มองจากภายนอกจะสัมผัสบางอย่างได้ แต่หากเขาเป็นไห่หรงเทียน เขาก็คงไม่อาจค้นพบความผิดแปลกเหล่านั้นได้แน่
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก ทำเพียงเดินกลับบ้านเคียงข้างกันไปเงียบ ๆ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เจียงหว่านใช้ข้ออ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย และขอตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ห้องของเธอเป็นห้องที่เกาเสียงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ซึ่งเขาเตรียมไว้ตั้งแต่ที่เขาจดจำเจียงหว่านได้
ห้องนี้เต็มไปด้วยตู้สูงต่ำไล่เลี่ย และมีสีสันที่ค่อนข้างไปในทางเดียวกันคือจืดชืด
คราวแรกที่เธอเดินเข้ามาในห้องนี้ เธอรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในค่ายทหาร
แต่เจียงหว่านค่อนข้างชอบมันทีเดียว!
พอกลับมาถึงห้อง เจียงหว่านก็เดินไปรอบ ๆ พร้อมกับนึกคิดบางอย่างในใจ
จากนั้นเธอจึงไปหาเกาเสียงเพื่อยืมห้องอ่านหนังสือสักครู่
“หนูแค่อยากจะเขียนบางอย่าง และหนูจะไม่แตะต้องข้าวของของพ่อค่ะ!”
เจียงหว่านรู้ว่าในนั้นอาจจะมีเอกสารที่เธอไม่สมควรอ่าน เช่นนั้นเธอจึงกล่าวเน้นย้ำกับเขา
เกาเสียงรีบกล่าวแทรก “ไม่มีความลับในห้องอ่านหนังสือหรอก พวกเอกสารลับทางทหาร พ่อไม่เอากลับมาที่บ้านด้วยแน่”
“ในห้องอ่านหนังสือมีหนังสือเยอะมากเลย ลูกอ่านได้ตามสบายนะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไว้วางใจเธอมาก เจียงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลาย
เธอหันไปหยิบกระดาษและปากกาของเกาเสียงขึ้นมา และเริ่มเขียนนิยายของตัวเอง
นิยายเรื่องนี้บอกเล่าถึงเรื่องราวของนายน้อยที่แท้จริงกับลูกสาวกำมะลอที่ถูกสับเปลี่ยนตัว
ตัวจริง ตัวปลอม… นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่เกินจริง ตัวละครทั้งหมดถูกใช้นามแฝงประกอบ กระนั้นลูกสาวกำมะลอกลับได้รับการตั้งชื่อว่าไห่หนิงซวงโดยตรง
ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนใช้นามแฝงทั้งสิ้น
เจียงหว่านเป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญ และเรื่องของลูกตัวจริงตัวปลอมก็มีอยู่ในทุกหนแห่งในชีวิตที่แล้วของเธอ
ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะเขียนมันมาก
นิยายเรื่องนี้ยังไม่จบ แต่เธอเขียนโครงเรื่องเอาไว้ว่าลูกสาวตัวปลอมรู้ว่าลูกตัวจริงกำลังจะปรากฏตัว และหล่อนก็เริ่มสร้างโศกนาฎกรรมทุกรูปแบบเพื่อรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้
เธอเขียนมันไปกว่าสามพันคำโดยไม่รู้ตัว จนเสียงเตือนเวลาสี่ทุ่มดังขึ้นในกลางดึก
เจียงหว่านจึงแยกต้นฉบับออกมา ก่อนจะโทรหามู่เหย่ทันที
มู่เหย่ตกใจมากเมื่อได้ยินว่าเจียงหว่านอยู่ที่นี่ [ทำไมไม่บอกล่ะว่าเธออยู่ที่นี่ ฉันจะได้ไปหา!]
เจียงหว่านมองดูท้องฟ้ามืดมิดด้านนอกก่อนจะกล่าวปฏิเสธ แล้วถามเข้าประเด็น
“นายรู้จักบรรณาธิการหนังสือบ้างไหม? แล้วสำนักพิมพ์ไหนขายดีที่สุดในประเทศ!”
มู่เหยครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า [ฉันรู้จักเพื่อนคนนึง เป็นรองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ดอกไม้ เธออยากจะตีพิมพ์นิยายเหรอ?]
เจียงหว่านพึมพำ “ฉันมีต้นฉบับแล้ว อยู่ที่ว่าเพื่อนของนายจะกล้าตีพิมพ์ไหม!”
มู่เหย่ตอบกลับอย่างไม่ต้องคิด [ถ้าเธออยากจะตีพิมพ์ ตราบใดที่มันเป็นของเธอ เขาก็ต้องตีพิมพ์มันแน่! และจะต้องทำแม้ไม่อยากทำด้วย หรืออย่างแย่ที่สุดก็คือเขาต้องเกลามันสักหน่อยก่อนตีพิมพ์ล่ะนะ!]
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เจียงหว่านก็แทบจะหัวเราะออกมา เธอไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะเกลามันเพราะกังวลว่างานเขียนของเธอจะแย่ แต่เธอไม่ต้องการให้ใครเข้ามาแก้ไขเนื้อหา!