เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 517 ขุดหลุมดักหลี่หงเหมย และรวบรวมหลักฐาน
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 517 ขุดหลุมดักหลี่หงเหมย และรวบรวมหลักฐาน
บทที่ 517 ขุดหลุมดักหลี่หงเหมย และรวบรวมหลักฐาน
เจียงหว่านหัวเราะ “เดี๋ยวเขาก็กลับมา”
“ไม่ต้องกังวลหรอก”
เมื่อได้รับคำตอบ ฮวาจือก็ยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง
“พี่ไม่ต้องห่วง ฉันจะเรียนรู้วิธีการเป็นเมียที่ดีอย่างแน่นอน!” เจียงหว่านมองรอยยิ้มสดใสของฮวาจือก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริง ๆ เกลี้ยกล่อมอะไรก็ง่ายไปหมด!
เรื่องระหว่างหล่อนกับเจียงจวินนั้น เจียงหว่านตัดสินใจที่จะไม่ขัดขวาง แต่ก็จะไม่ส่งเสริมเช่นกัน ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า
หลังแยกจากฮวาจือแล้ว เจียงหว่าก็ไปซื้อเนื้อสัตว์และผักเพื่อไปที่บ้านของหลี่หงเหมย
เมื่อเธอเข้าไปในบ้าน เธอก็เห็นหลี่หงเหมยกำลังนั่งพักผ่อนอยู่
เมื่อหล่อนเงยหน้าขึ้น หล่อนก็เห็นเนื้อในมือของเจียงหว่าน
ซึ่งปฏิกิริยาแรกของหลี่หงเหมยคือ ‘นังนี่มาทำไม?’
หล่อนพูดตะคอก “ยังมาถูกอยู่อีกเหรอ ปีใหม่ผ่านมาสามวันแล้ว ทำไมไม่รอจนกว่าแกจะตายและค่อนเป็นวิญญาณมาล่ะ?!”
เจียงหว่านเลิกคิ้วและหัวเราะเบา ๆ “ดี ถ้าฉันตาย ฉันก็จะกลายเป็นผีมาเอาชีวิตคุณ เป็นความคิดที่ดีเลย!”
หลี่หงเหมยหน้าซีด “พูดบ้าอะไร ถ้าแกตายมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ทำไมต้องมาหาฉันด้วย!”
เจียงหว่านเดินเข้าไปเก็บเนื้อสัตว์และผักในครัว จากนั้นถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่เอาชีวิตคุณ แล้วฉันจะเอาชีวิตใคร ก็คุณไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เหล่าเฉียวถูกจับ”
หลี่หงเหมยตกตะลึงและลุกขึ้นยืนทันที “หมายความว่าอะไร ที่ว่าเฉียวเหลียนเฉิงถูกจับ?”
เจียงหว่านกอดอก พูดเย้ยหยัน “ก็คุณเขียนร้องเรียนไปตั้งเยอะ ทั้งครอบครัวของคุณก็ลงลายนิ้วมือไว้ในจดหมายร้องเรียนด้วย ที่ทำแบบนี้อยากให้เขาถูกจับไม่ใช่หรือไง?”
ใบหน้าของหลี่หงเหมยเปลี่ยนไป และหล่อนก็สับสน “ไม่ จะเป็นไปได้ยังไง?!”
“ฉะ ฉันแค่อยากจะสั่งสอนเขา ฉันไม่เคยคิดจะให้เขาโดนจับจริง ๆ สักหน่อย”
เจียงหว่านมองหล่อนอย่างเฉยเมย “มีหลายวิธีในการสั่งสอน ทำไมต้องร้องเรียนด้วย”
“ใครบอกคุณว่าการร้องเรียนเฉียวเหลียนเฉิงคือการสั่งสอนเขา!” เจียงหว่านตะคอก
เธอกล่าว “ไห่หนิงซวงเหรอ หรือที่เธอให้เงินคุณสองร้อยหยวนก็เพื่อการนี้?”
หลี่หงเหมยตาเบิกกว้าง ะสีหน้าของหล่อนตกตะลึงมาก
“แก แกรู้ได้ยังไง”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “ไห่หนิงซวง สาวสวยชั้นสูงจะมาเหยียบที่ที่ห่างไกลเมืองอย่างเกากวนจวงทำไม คุณคิดว่าทุกคนตาบอดหรือไง?”
“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เธอมาแล้ว!”
หลี่หงเหมยอึ้งไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เฉียวเหลียนเฉิงจะได้รับโทษมากแค่ไหน? เขายังเป็นทหารได้อยู่หรือเปล่า?”
เจียงหว่านตอบ “กลัวเหรอว่าถ้าเฉียวเหลียนเฉิงไม่รับราชการแล้ว คุณจะไม่มีเงินกินงั้นสิ”
หลี่หงเหมยสูดจมูกและมองออกไป
“ฉันทำงานหนักเพื่อเลี้ยงมันมา ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่มันจะต้องตอบแทนฉันสิ ถ้าตอนนี้มันไม่ใช่ทหารแล้ว มันจะตอบแทนฉันยังไง”
เจียงหว่านหัวเราะ “อย่าทำเป็นพูดดีหน่อยเลย เลี้ยงดูเขางั้นเหรอ?”
“คุณเลี้ยงเขาสักกี่ครั้งเชียว? ให้นมเขาเต็มปากหรือยังเถอะ!”
“ใครกันที่บังคับเด็กที่ยังเรียนอยู่ให้ลาออกจากโรงเรียนมาทำอาหารให้ครอบครัว และคอยดูแลน้องชาย!”
“ใครกันที่รังแกและเอาเปรียบเฉียวเหลียนเฉิงมาตลอด!”
“หลี่หงเหมย ในฐานะแม่ คุณไม่รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้เลยเหรอ?”
หลี่หงเหมยคำรามด้วยความโกรธ
“ตอนนั้นฉันเห็นมันก็โกรธแล้ว เห็นทีไรฉันก็นึกถึงลูกสาวของฉันทุกที!”
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวของฉันมีชีวิตที่ดีไหม ฉันเลยรู้สึกแย่และโกรธมันมาตลอด”
เจียงหว่านหัวเราะ “ก็ในเมื่อคุณรักลูกสาวที่ตัวเองให้กำเนิดมานัก ทำไมคุณถึงสลับตัวพวกเขาตั้งแต่แรกล่ะ!”
“ถ้าคุณไม่เปลี่ยนตัวลูกคุณ ชีวิตของเฉียวเหลียนเฉิงกับพ่อแม่ของเขาก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้”
หลี่หงเหมยหงุดหงิดและเริ่มพูดอย่างไม่เกรงใจ “แกพูดอะไร ฉันคิดมาตลอดว่าเด็กคนนี้จะพาฉันตั้งตัวในชนบทได้ ฉันก็เลยให้กำเนิดลูกอีกคนมาด้วย!”
“ถึงฉันจะปฏิบัติกับเขาอย่างเลวร้ายมาหลายปี แต่ฉันก็ไม่ได้ทรมานเขา!”
“ฉันช่วยเขาด้วยซ้ำ เขาเกิดมาพร้อมกับลูกสาวของฉัน และแม่ของเขาก็เป็นลมหลังคลอด…”
เจียงหว่านมองหลี่หงเหมยอย่างเยาะเย้ย
“ไม่ว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะแย่แค่ไหน เขาก็ดูแลคุณมาตลอด เขาดูแลคุณมานานนานแล้ว คุณก็แค่ปล่อยเขาไปไม่ได้หรือไง!”
“หลี่หงเหมย ดูลูก ๆ ของคุณแต่ละคนสิ ลูกที่คุณเลี้ยงมาไม่ได้ดีเท่าเฉียวเหลียนเฉิงด้วยซ้ำ ทำไมคุณถึงยังเอาเปรียบเขาแบบนี้!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลี่หงเหมยรู้สึกเศร้า “ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน เจ้าสามยังต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย และเจ้ารองก็ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
เจียงหว่านถามอย่างเฉยเมย “ลูกสาวของคุณล่ะ คุณไม่ได้ไปหาไห่หนิงซวงหรอกเหรอ ทำไมเธอถึงปฏิเสธคุณมาล่ะ?!”
หลี่หงเหมยพูดอย่างเสียใจ “ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบฉัน เพราะฉันเป็นแค่หญิงจากชนบท และเธอบอกฉันว่าในเมื่อเธอถูกทิ้งตั้งแต่แรก ก็ให้ฉันคิดซะว่าเธอตายไปแล้ว!”
“หลายปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาตลอด”
คราวนี้หลี่หงเหมยเศร้ามาก หล่อนมองเจียงหว่านด้วยตาที่แดงก่ำ
เจียงหว่านเงียบและหันหลังกลับเข้าไปในห้อง “ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องของคุณหรอก”
แต่หลี่หงเหมยรีบก็รีบไล่ตามเจียงหว่านไป “เฉียวเหลียนเฉิงถูกจับจริง ๆ เหรอ?”
เจียงหว่านตะคอก “เขาถูกปล่อยตัวมาแล้ว ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันไม่ซื้อเนื้อมาให้คุณ แต่คงจะเอามีดมาสับคุณแทน!”
เธอหยุดและมองหลี่หงเหมยอย่างเย็นชา “จำไว้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงคือคนที่ให้ค่าครองชีพกับคุณทุกเดือน ไม่ใช่ลูกสาวของคุณ ไม่ใช่ไห่หนิงซวงที่มีความสุขกับความร่ำรวยและความมั่งคั่งแทนที่เฉียวเหลียนเฉิงคนนั้น”
“อย่าคิดที่จะร่วมมือกับลูกสาวของคุณเพื่อทำร้ายเฉียวเหลียนเฉิงอีก!”
“ครั้งต่อไปถ้าคุณทำอีก ไม่ว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะถูกจับหรือไม่ แต่ฉันรับประกันว่าฉันจะไม่ให้เงินคุณแม้แต่หยวนเดียว!”
ใบหน้าของหลี่หงเหมยซีดลง หล่อนพลันพยักหน้าโดยสัญชาตญาณ
ขณะที่พูด เจียงหว่านก็รู้สึกถึงดวงตาที่แหลมคมคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอด
เธอรีบหันไปมอง และทันใดนั้นก็เห็นดวงตาที่เหมือนนกอินทรีคู่หนึ่ง
ทว่าความเฉียบคมในดวงตาของเขาหายไปในพริบตา และถูกแทนที่ด้วยความสงบอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว
เจ้าของดวงตาคู่นี้คือ เฉียวเหลียนเจีย
เจียงหว่านกล่าวทักทายเฉียวเหลียนเจียอย่างใจเย็น
“ฉันคิดว่านายจะกลับไปเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยซะอีก!”
เฉียวเหลียนเจียเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ “มันเป็นวันหยุดยาว ช่วงนี้ผมเลยมาทบทวนหนังสือเองที่นี่น่ะครับ!”
“ผมเจอโรงเรียนที่ช่วยสอนผมได้แล้วด้วย ผมคงจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละ”