เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 510 ขุดหลุมแล้วรอให้ไห่หนิงซวงกระโดดลงไป
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 510 ขุดหลุมแล้วรอให้ไห่หนิงซวงกระโดดลงไป
บทที่ 510 ขุดหลุมแล้วรอให้ไห่หนิงซวงกระโดดลงไป
นายท่านเฉินพยักหน้าเงียบ ๆ “เธอพูดถูก เราควรจะตรวจดู”
“ฉันจำได้ว่าเฉินผิงมีรอยแผลเป็นบนตัว!”
“เขามีไฝเจ็ดจุดที่ก้น”
“มีปานรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ที่โคนต้นขา”
“ปานพระจันทร์เสี้ยวนี้เป็นลักษณะตกทอดของตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินทุกรุ่นมีสิ่งนี้!”
หลังจากที่พ่อของเฉินผิงพูดจบ เขาก็ถอดเสื้อคลุม และเปิดแขนออก เผยให้เห็นว่าตนมีปานรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ใต้รักแร้
“ของฉันอยู่ใต้รักแร้ และของเฉินผิงอยู่ที่ต้นขา!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ขอให้คนที่ดูน่าไว้ใจประมาณสองสามคนเข้าไปตรวจสอบ
พวกเขาถอดเสื้อผ้าของเฉินผิงออก แล้วก็ได้เห็นไฝที่บั้นท้าย และปานที่ต้นขาด้านในของศพจริง ๆ
นายท่านเฉินจึงมองไปที่ไห่หนิงซวง “ยืนยันได้แล้วสินะ!”
ไห่หนิงซวงกัดริมฝีปากร่างกายสั่นเทา หล่อนพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ดีแล้วล่ะค่ะ!”
แล้วทุกคนก็ไม่ได้สนใจเธออีก
จากนั้นพิธีอำลาก็เริ่มขึ้น จนเวลาผ่านไปสองชั่วโมง
เมื่อขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น นายท่านเฉินก็กล่าว “สาเหตุการตายของลูกชายฉันแปลกมาก ฉันเลยเชิญเซี่ยวหลิน แพทย์นิติเวชที่มีเก่งที่สุดในเหยียนจิงมาทำการชันสูตรพลิกศพลูกชายของฉัน”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่เซี่ยวหลินข้าง ๆ
เซี่ยวหลินในวัยสามสิบ หน้าตาหล่อ มีรอยยิ้มที่อบอุ่น ดูไม่เย็นชาเหมือนแพทย์นิติเวชเลยสักนิด
อีกฝ่ายยืนขึ้น ทักทายทุกคน และก้าวไปข้างหน้า
“เพื่อความปลอดภัย เราจะทำการชันสูตรพลิกศพที่นี่!”
“กรุณารอสักครู่!”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ ทุกคนต่างก็สงสัย แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปดูใกล้ ๆ
จากนั้นพวกเขาก็ปิดประตูกั้นการมองเห็นทั้งหมด
นายท่านเฉินกล่าว “การชันสูตรศพคงจะต้องใช้เวลาสักระยะ เชิญไปกินข้าวกันก่อน หรือจะกลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนก่อนก็ได้!”
ทว่าจู่ ๆ ไห่หนิงซวงก็พูดขึ้น “ไม่ได้!”
ทุกคนหันมองหล่อน
ตอนนี้ใบหน้าของไห่หนิงซวงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และหล่อนก็พูดอย่างเร่งรีบ “ฉันหมายถึง ฉันจะไม่พัก ฉันอยากรออยู่ที่นี่ ฉันอยากรู้สาเหตุการตายของพี่ผิงให้ได้ก่อน!”
ทุกคนพยักหน้าหลังจากได้ยินอย่างนั้น และต่างตัดสินใจว่าจะรอเช่นกัน
เพราะหลังจากการชันสูตรเสร็จสิ้น พวกเขาอาจจะได้เห็นเฉินผิงเป็นครั้งสุดท้าย
ส่วนนายท่านเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป ทุกคนรอคอยตั้งแต่เช้า และรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องโถง
กระทั่งประมาณบ่ายสองโมง เซี่ยวหลินก็ออกมาจากห้อง
เขายังถือกล่องหนึ่งอยู่ในมือ
“เป็นยังไงบ้าง” พ่อของเฉินผิงรีบถาม
เซี่ยวหลินถอดหน้ากากออก ใบหน้าอันอบอุ่นของเขาซีดลงเล็กน้อย
“จากที่ดูแล้ว สาเหตุการคือหัวใจวายกะทันหัน พูดง่าย ๆ คือเขาตายด้วยอาการหัวใจวายครับ”
นายท่านเฉินขมวดคิ้วและถาม “เกิดจากการโดนซ้อมจนตายหรือเปล่า?”
เซี่ยวหลินกล่าว “ยังไม่แน่ใจ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว สาเหตุการตายคืออาการหัวใจวาย ซึ่งมันมีหลายสาเหตุที่ทำให้หัวใจวายเฉียบพลันได้”
“แต่อะไรทำให้เขาหัวใจวายนั้นยังไม่แน่ชัด”
“เฉินผิงเคยเป็นโรคหัวใจมาก่อนหรือเปล่า?”
นายท่านเฉินส่ายหัวแทนการตอบว่าไม่
เซี่ยวหลินจึงกล่าวต่อ “โดยทั่วไปแล้ว หัวใจวายมักมีสาเหตุมาจากสิ่งกระตุ้น และแรงภายนอกก็เป็นหนึ่งในสิ่งกระตุ้นได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก”
“การที่เฉินผิงเสียชีวิตกะทันหันนั้น ขึ้นอยู่กับผลการทดสอบตัวอย่างเลือดของเขา”
ขณะที่พูด เขาก็ยกถุงตัวอย่างในมือขึ้นมา
“ผมติดต่อโรงพยาบาลไปแล้ว ต้องส่งมันไปตรวจที่โรงพยาบาล”
ขณะที่พูด เขาก็ใส่ตัวอย่างเลือดลงในกล่องบรรจุ
นายท่านเฉินได้ยินดังนั้นก็รีบพูด “เอามาให้ฉัน ฉันจะไปส่งเอง!”
“เอามาให้ฉัน ฉันจะไปส่ง!” อีกสองเสียงดังขึ้น เป็นเสียงมู่เหย่และไห่หนิงซวงที่พูดขึ้นมาพร้อมกัน
ทั้งสามมองหน้ากัน
มูเหย่พูดก่อน “ผมเร็วกว่า ให้ผมไป!”
ไห่หนิงซวงกล่าว “ฉันไปดีกว่า มู่เหย่ต้องอยู่ดูแลงานที่นี่ ต้องเผาศพอีกไม่ใช่เหรอ?”
นายท่านเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงส่งตัวอย่างให้ไห่หนิงซวง
“งั้นเธอเอาไป เดี๋ยวต้องเผาแล้ว อีกสักพักเราต้องรอเก็บขี้เถ้า”
ไห่หนิงซวงรับมันมาอย่างยินดี กล่องนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ และมีที่อยู่เขียนอยู่บนนั้น
ไห่หนิงซวงดูที่อยู่โรงพยาบาลแล้วรีบวิ่งออกไป
เมื่อเห็นไห่หนิงซวงจากไป นายท่านเฉินก็มองไปที่มู่หเย่ เขาลังเลที่จะพูดบางอย่าง
แต่มู่เหย่ดูเหมือนจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไร จึงมองเขาอย่างให้ความมั่นใจ และก็ยังโน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“หางจิ้งจอกมันซ่อนไว้ไม่ได้หรอกครับ!”
นายท่านเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ผิงเอ๋อร์กับไห่หนิงซวงเติบโตมาด้วยกัน แต่เราไม่ชอบเธอเพราะ เธอมักทำตัวห่างเหินเกินไป”
“แต่ผิงเอ๋อร์ดันชอบเธอ เราก็เลยทำอะไรไม่ได้”
“ฉันไม่คิดว่าสุดท้ายจะเป็นเธอ…”
มู่เหย่รีบให้ความมั่นใจ “อย่ากังวลไปเลยครับ บางทีเราอาจจะเดาผิดก็ได้”
นายท่านเฉินนิ่งเงียบไป
ด้านไห่หนิงซวง เมื่อหล่อนออกจากงานแล้วพบว่าไม่มีรถกลับเข้าเมือง เนื่องจากวันนี้คนมางานเยอะมาก ก่อนหน้านี้มู่เหย่ติดต่อบริษัทเช่ารถโดยสารท้องถิ่น เพื่อจะได้มีรถบัสรับคนมาที่งาน
และเพราะตอนนี้ทุกคนยังอยู่ที่นี่ คงเป็นเรื่องยากที่ไห่หนิงซวงจะมีรถไปที่เมือง
เมื่อหล่อนกำลังกังวล จู่ ๆ ก็มีรถจี๊ปคันเล็กมาจอดข้างหน้าหล่อน
กระจกรถเลื่อนลงมาเผยให้เห็นคนหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือถานหย่ง
“จะไปไหนคุณไห่ ขึ้นรถมาคุยกันเถอะ!”
ไห่หนิงซวงคิ้วขมวด เพราะรู้จักคนคนนี้ดี นายถานหย่งเป็นคนวิปริตที่ชอบทรมานผู้หญิง
ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่อยากไปกับเขาหรอก
เมื่อเห็นหล่อนเงียบ ถานหย่งก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“เธอไม่อยากรู้เหรอว่าร่างของเฉินผิงอยู่ที่ไหน?”
ไห่หนิงซวงตกตะลึง ร่างของเฉินผิงเหรอ?
กำลังจะเผาแล้วไม่ใช่หรือไง?
หล่อนเม้มริมฝีปากแล้วมองดูถานหย่งด้วยสายตาที่สงสัย
ถานหย่งจึงเลิกคิ้ว แล้วโบกมือให้หล่อนเข้าไปในรถ
ไห่หนิงซวงเงียบ แต่สุดท้ายก็จำใจเปิดประตูแล้วขึ้นรถไป
เมื่อรถสตาร์ต ถานหย่งก็ยิ้มแล้วถามขึ้น
“คุณไห่ ถืออะไรอยู่ในมือน่ะ”
ไห่หนิงซวงกอดกล่องนั้นแน่น “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
ถานหย่งยิ้ม แต่มีแววตาชั่วร้ายที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่ออกมา
“เป็นตัวอย่างเลือดของเฉินผิงสินะ!”
ไห่หนิงซวงถึงกับประหลาดใจ “คุณรู้ได้ยังไง”
เขาตอบ “แน่นอน ฉันรู้ ฉันรู้ด้วยว่าตระกูลเฉินไม่ไว้ใจเธออีกต่อไปแล้ว พวกเขาเลยใช้กลอุบายหลอกเธอ!”
“ถ้าให้ฉันเดา เธอคงจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนตัวอย่างเลือดในกล่อง เพื่อให้ความจริงที่ว่าเธอวางยาพิษเฉินผิงจะได้ไม่ถูกเปิดเผยสินะ!”
ใบหน้าของไห่หนิงซวงซีดลง
ถานหย่งกล่าวต่อ “ไม่ต้องกลัว ที่ฉันมาหาเธอ มันก็หมายความว่าฉันต้องการช่วยเธอ”
“เธอคงไม่รู้สินะว่าเจียงเสวี่ยขอให้ฉันช่วย”
“เราเป็นพันธมิตรกัน”
ไห่หนิงซวงรู้สึกประหลาดใจมากไปอีก
ตอนมู่เหย่บอกว่าจะจัดพิธีรำลึก ไหนจะตอนที่เขาพบศพของเฉินผิงแล้ว ไห่หนิงซวงต้องการหาคนที่จะมาขโมยศพของเฉินผิงโดยตลอด แต่หล่อนก็คิดไม่ตกว่าจะมองหาใครดี