เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 506 ขู่งูให้กลัว เฉียวเหลียนเฉิงมาแล้ว!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 506 ขู่งูให้กลัว เฉียวเหลียนเฉิงมาแล้ว!
บทที่ 506 ขู่งูให้กลัว เฉียวเหลียนเฉิงมาแล้ว!
แม้ว่าไห่หนิงซวงจะซ่อนมันไว้อย่างดี แต่ความตื่นตระหนกในดวงตาของหล่อนก็ยังคงเห็นชัดในสายตาของมู่เหย่และนายท่านเฉิน
นายท่านเฉินเป็นสมาชิกคนหนึ่งในวงในของเหยียนจิง เขาอยู่ในแวดวงนี้มาสามสี่ปี ทำให้ทักษะการสังเกตของเขาดีมาก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกไป แต่คำพูดของมู่เหย่ก็ทำให้เขาระมัดระวังมากขึ้น
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือภรรยาของเขา
เฉินหลิงจือ แม่ของเฉินผิง ผู้หญิงที่มักจะอ่อนโยนและสง่างามอยู่เสมอ เธอไม่จำเป็นต้องทำร้ายเฉียวเหลียนเฉิงเลย เพราะยังไงเขาก็คือคนที่ถูกกำหนดให้ตายอยู่แล้ว
เว้นแต่จะมีใครใช้ประโยชน์จากความโกรธของคุณนายเฉิน และทำอะไรสักอย่าง
พอคิดแบบนี้ก็มีข้อสงสัยมากมาย
นายท่านเฉินจึงให้ความสนใจกับไห่หนิงซวง และแน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ
ขณะนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่าเขาก็สามารถเก็บสีหน้าได้อย่างแนบเนียน
“เกิดอะไรขึ้น? ซวงซวงไม่ได้เผาศพเฉินผิงไปแล้วเหรอ?” นายท่านเฉินถามอย่างจงใจ
มู่เหย่ตอบ “ก็ใช่ครับ แต่…”
ขณะที่พูด เขาก็จงใจมองไปที่ไห่หนิงซวง “เธอเห็นเฉินผิงถูกเผาด้วยตาของตัวเองหรือเปล่า!”
ไห่หนิงซวงตกตะลึง
มู่เหย่กล่าวต่อ “เห็นเธอบอกว่าคืนก่อนที่เฉินผิงจะถูกเผา มีคนแอบเข้าไปในห้องดับจิต”
“ในช่วงที่กำลังโกลาหล ป้ายข้อเท้าของศพเลยหลุดออกไป”
“พอเช้าวันรุ่งขึ้นมีคนไปรับศพ เขาเห็นป้ายชื่อศพตกอยู่ เลยได้รู้ว่ารับศพไปผิด!”
ไห่หนิงซวงนิ่ง
คนที่ทำให้ป้ายชื่อศพหลุดในคืนนั้นที่เขาพูดถึงไม่ใช่หล่อนแน่นอน
แต่ผีที่หล่อนเห็นในคืนนั้นเนี่ยสิ!
ดวงตาของไห่หนิงซวงกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก
นายท่านเฉินขมวดคิ้ว “เธอรู้ได้ยังไงว่าผิด”
มู่เหย่ตอบ “เมียของศพที่ถูกเผามีปัญหากับที่บ้าน และคนในครอบครัวของเธอก็ลังเลที่จะมารับศพของเขา”
“ศพของเขาเลยอยู่ในห้องดับจิต กระทั่งวันก่อนพี่ชายของเขามารับศพ ถึงได้รู้ว่าศพที่อยู่ข้างในไม่ใช่น้องชายของเขา!”
ไห่หนิงซวงสังเกตเห็นบางสิ่งอย่างชัดเจนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ หล่อนจึงรีบถาม
“โรงพยาบาลมาแจ้งให้ทราบงั้นเหรอ เมื่อไหร่กัน ฉันไม่เห็นรู้เลย”
มู่เหย่ตะคอกกลับอย่างเย็นชา “เมื่อวานตอนบ่าย ตอนนั้นเธอเพิ่งกลับมา ฉันเห็นว่าเธอตื่นเต้นมากเลยเข้าไปดู และรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง เลยยังไม่ได้บอกเรื่องนี้”
“เมื่อเช้านี้ฉันเลยไปยืนยันอีกที และฉันแน่ใจว่าเป็นเฉินผิงจริง ๆ!”
นายท่านเฉินดีใจมาก เขารีบคว้าแขนมู่เหย่อย่างตื่นเต้น แล้วถาม
“ตอนนี้เราเจอเขาแล้ว แล้วทำไมเราไม่เอาร่างของเฉินผิงกลับมาล่ะ!”
มู่เหย่ตอบ “เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ครับ”
“เดิมทีพวกเขาจะฝังศพ แต่ตอนนี้ไม่มีทางฝังได้แล้ว พวกเขาเลยขอให้เราเอาอัฐิของคนตายไปเปลี่ยน และ…”
“เราต้องชดเชยความเสียหายทางจิตใจให้พวกเขาด้วย!”
นายท่านเฉินถึงกับพูดไม่ออก
แม้ว่าประเทศนี้จะสนับสนุนการเผาศพ แต่เกษตรกรจำนวนมากยังคงเชื่อว่าการเผาศพเป็นการทรยศ ไม่ต่างอะไรจากการโยนขี้เถ้าทิ้ง
ตอนนี้อีกฝ่ายเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับความเสียหายทางจิตใจ ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถหาอะไรมาพูดเพื่อหักล้างได้
นายท่านเฉินหยุดไปครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ “เอาละ พวกเขาต้องการเท่าไหร่?”
ยังไงนั่นก็ร่างของลูกเขาทั้งคน การต้องใช้เงินแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่นับเป็นปัญหาอะไร
“สามพัน!”
“อะไรนะ? สามพัน?”
“นี่ปล้นกันชัด ๆ!”
มู่เหย่ถอนหายใจ “พวกเขาดูจากเสื้อผ้าของเฉินผิง เลยรู้ว่าครอบครัวต้องรวยแน่ ๆ แล้วหลังจากที่โรงพยาบาลมายืนยัน พวกเขาก็เลยรู้ว่าเฉินผิงเป็นเถ้าแก่ดี ๆ นี่เอง!”
“ดังนั้น…”
นายท่านเฉินโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ “งั้นไม่เป็นไร แค่เงินใช่ไหม?”
แม้ว่าตระกูลเฉินจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเงินหลายพันหยวนติดตัว
อีกทั้งในเวลานี้ ธนาคารต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้ใช้ระบบสากล
ดังนั้นนายท่านเฉินจึงต้องไปเอาเงินที่บ้าน
คาดว่าอย่างเร็วที่สุดคงจะใช้เวลาสามวัน
ไห่หนิงซวงกลอกตา ก่อนจะพูด
“เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ฉันจะไปดูว่านั่นใช่ร่างของเฉินผิงจริง ๆ หรือเปล่าค่ะ”
ทั้งสองได้ยินแบบนั้นก็มองหน้ากันและพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นมู่เหย่ก็พาไห่หนิงซวงไปที่บ้านของจ้าวเสี่ยวซิ่วในชนบท
เมื่อพวกเขามาถึง ก็เห็นว่าในลานบ้านของครอบครัวนี้มีโลงศพขนาดใหญ่วางอยู่
หลังจากเดินเข้าไป มู่เหย่ก็เริ่มเจรจา ภายใต้การเจรจาของมู่เหย่ ไห่หนิงซวงก็คอยมองดูอย่างใกล้ชิด
ภายในโลงศพ เฉินผิงที่นอนอยู่ในนั้นมีใบหน้าซีดเซียว และมีรอยสีชมพูขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา
นั่นคือรอยบนศพ!
ไห่หนิงซวงถอยหลังออกมาสองสามก้าว หลับตาลงเพื่อปกปิดความกลัวและความกังวลในใจ
ให้ตายเถอะ ทำไมวันนั้นหล่อนถึงอยากไปลาเฉินผิงกันนะ?
ถ้าหล่อนไม่ไป เรื่องวุ่นวายนี้คงไม่เกิดขึ้น
ระหว่างทางกลับ ไห่หนิงซวงยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอด
มู่เหย่เหลือบมองหล่อนและจงใจพึมพำให้หล่อนได้ยิน
“ดีเลย ลุงเฉินก็คิดมานานแล้วเหมือนกันว่าเฉินผิงไม่ได้ถูกทุบตีจนตายหรอก ตอนนี้พบศพแล้ว จะได้เอาไปชันสูตรให้ได้!”
ไห่หนิงซวงชะงัก และมองไปที่มู่เหย่อย่างสงสัย
“นายหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าคุณพ่อจะชันสูตรน่ะ?”
มู่เหย่ฮัมเพลง พูดอย่างสบายใจ “เราจะเอาศพของเฉินผิงกลับไปชันสูตรพลิกศพไง”
“ลุงเฉินกังวลว่าแพทย์นิติเวชในโรงพยาบาลเล็ก ๆ แถวนี้จะไม่ดีพอ เขาเลยจะไปหาเซี่ยวหลิน แพทย์นิติเวชที่เก่งที่สุดในเมืองเหยียนจิง”
“จากที่คำนวณเวลา เราจะไปถึงในอีกสามวันล่ะนะ!”
หน้าของไห่หนิงซวงซีดลง
หล่อนหันศีรษะ มองไปทางอื่น ใจเริ่มเต้นแรงอย่างกังวล
หล่อนกังวลอยู่พักใหญ่ จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดเรื่องศพไม่หยุด
เซี่ยวหลินมีชื่อเสียงมากในเหยียนจิง เขาไม่เพียงแต่มีทักษะด้านนิติเวชที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีดวงตาเฉียบคมและบุคลิกที่ดื้อรั้น
เรื่องติดสินบนน่ะเหรอ?
เป็นไปไม่ได้เลย!
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้หล่อนจัดการเองไม่ได้
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็หยิบสมุดที่อยู่ออกมา จากนั้นก็ไปที่โทรศัพท์สาธารณะ
เมื่อเชื่อมต่อสายแล้ว ก็มีเสียงอ่อนโยนดังมาจากในนั้น
[สวัสดี ฉันเจียงเสวี่ย!]
…..
หลังจากมู่เหย่และไห่หนิงซวงจากไปแล้ว คนสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานบ้าน ซึ่งก็คือเจียงหว่าน เหอซานไห่ และเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงเพียงมองดูโลงศพ เขาถามเจียงหว่านว่า
“คุณทำให้เหมือนขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย!”
ถ้าเจียงหว่านไม่ได้บอกว่าเธอหาเฉินผิงไม่พบ เขาคงจะคิดว่านี่เป็นเฉินผิงจริง ๆ