เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 323 สมองขาดสารอาหารยากจะเยียวยา
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 323 สมองขาดสารอาหารยากจะเยียวยา
บทที่ 323 สมองขาดสารอาหารยากจะเยียวยา
หลัวชิงซานระเบิดหัวเราะออกมาจากด้านหลัง “อย่างที่บอก การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว และคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่ ใครจะรู้ล่ะว่าคุณกำลังสมรู้ร่วมคิดกับใครที่อาจอยู่ด้านนอกเพื่อตลบหลังเราไหม!”
เมื่อคนรอบข้างได้ยินอย่างนั้นแล้ว ทั้งหมดก็ส่งเสียงสนับสนุนทันที
“ใช่ คุณยังไม่บอกพวกเราเลยว่าตัวเองเป็นใคร และมาที่นี่ทำไม?”
เวลานั้นผู้ชายที่มากับอวี๋เฉียนก็ตะโกนออกมา สีหน้าของเขาดูเกรี้ยวกราด รอยแผลเป็นบนใบหน้าบอกถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
“การประมูลจะกินเวลาสักเท่าไหร่เชียว? ยังไงก็ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็แค่รอจนกว่าการประมูลจะจบลงคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”
“ถ้ายังมัวมายืนเถียงกันอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้เริ่ม!”
เมื่อชายหน้าบากกล่าวออกมา ทุกคนก็เห็นด้วยทันที บางคนตะโกนร้องเพื่อบอกกล่าวให้มัดเจียงหว่านเอาไว้ และรอจนกว่าการประมูลจะสิ้นสุดค่อยปล่อยพวกเขากลับไป
ยิ่งทุกคนทะเลาะกันเสียงดัง เจียงหว่านก็ยิ่งโกรธจัด เธอจึงตะโกนลั่น
“หุบปาก! หยุดสร้างความวุ่นวายได้แล้ว!”
ทุกคนตกตะลึง เวลานี้เจียงหว่านกล่าวต่อด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“นี่ไม่ใช่งานประมูลของครอบครัวพวกคุณ โปรดเอาเวลาไปดูแลตัวเองให้ดี และรับชมความสนุกสนานต่อจากนี้เถอะ!”
“พวกคุณทุกคนเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ เพราะสมองขาดสารอาหารซะล่ะมั้ง เลยทำให้โง่แบบนี้”
“ฉันจะบอกให้นะ คนของพวกเขายอมรับเองว่าหลัวชิงซานใส่ยาพิษลงในน้ำที่พวกคุณดื่ม เพื่อทำให้ร่างกายของพวกคุณอ่อนแรงลงจนไม่สามารถขยับได้”
“และเมื่อไหร่ที่ยาออกฤทธิ์ พวกคุณก็เตรียมตัวถูกฆ่าได้เลย!”
จางซานตะโกนลั่น “หุบปาก!”
“พวกเราทุกคนดื่มน้ำ และยังสบายดี มือเท้าไม่ได้อ่อนแรงสักนิด!”
“จะฆ่าพวกเราทุกคนงั้นเหรอ? พวกเขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเรามีกันตั้งหลายคน ถ้าหากฆ่าเราทั้งหมดนี่จะถือเป็นคดีฆาตกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน สมองของหลัวชิงซานคงจะมีแต่น้ำถ้าหากเขากล้าทำอย่างนั้น!”
หลี่ซื่อก็ตะโกนออกมาเช่นกัน “เหล่าจาง มัวคุยไร้สาระกับพวกนั้นทำไม? เราควรถามพวกเขาไปเลยดีกว่าว่าพวกเขาเป็นใคร!”
“ถ้ามาที่นี่ได้ แสดงว่าพวกเขาคงจะไม่ใช่คนธรรมดา เอาล่ะ เราถามพวกเขาดีกว่าว่ามาจากไหน?”
“ใช่ พวกคุณเป็นใคร? บอกชื่อมาเดี๋ยวนี้!”
ทุกคนเริ่มตะโกน หลายสิบคนหันกลับมาต่อว่าเจียงหว่าน แรงกดดันก่อนหน้าถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
เจียงหว่านขมวดคิ้วมุ่น ความรู้สึกกดดันอย่างนี้ทำเธอไม่สบายใจเลย
เธอเอื้อมมือออกไปหยิบไม้นวดแป้งที่เอาติดมา ด้วยใบหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ
แต่ก่อนเธอจะได้พูดอะไร เฉียวเหลียนเฉิงก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“หุบปาก!”
แม้เสียงของเขาจะไม่ดังมาก แต่กลับทรงพลังอย่างถึงที่สุด พลังงานที่สะสมอยู่ในทะเลเลือดจากซากศพที่กองพะเนินถูกปลดปล่อยทันที
ซึ่งคนด้านหน้าสุดคือผู้ที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม
เวลานี้พวกเขารู้สึกว่าหัวใจกำลังถูกบีบรัดจนหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาชุ่มแผ่นหลัง
ตอนนั้นเองพลันมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจของคนเหล่านั้น
‘ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป อย่ายุ่งกับหล่อนดีกว่า!’
ผู้คนแถวหน้าเงียบลงทันที แต่ผู้ที่อยู่ในระยะไกลไม่ทราบถึงแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกจากเฉียวเหลียนเฉิง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรออกมา
ทุกคนเงียบเพราะถูกผู้หญิงตำหนิอย่างร้ายกาจ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะเหยียดหยามหล่อนในใจ
ชายวัยกลางคนตัวอ้วนท้วมคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “นังแพศยา แกก็เป็นพวกเดียวกันกับไอ้เวรนั่น ยังทำตัวโอ้อวดข่มเหงคนอื่นอีก กล้าไม่เบานี่!”
ทันทีที่พูดจบ เฉียวเหลียนเฉิงก็เหยียดมือออก และหินก้อนหนึ่งก็กระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว
หินก้อนเล็กทะยานแหวกอากาศไป แต่การเคลื่อนไหวของเฉียวเหลียนเฉิงรวดเร็วกว่า ทุกคนสัมผัสได้ถึงเงาดำที่วูบไหว ก่อนจะมีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังขึ้น
“อ๊าก!”
ทุกคนหันศีรษะมองตามทิศทางของเสียง และก็เห็นว่าจมูกของชายอ้วนหักไปแล้ว และก็มีเลือดไหลออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้าไปหมด
“เหวอ!” ทุกคนรีบถอยห่างด้วยความหวาดกลัว
คงจะเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงหากบอกว่าคนเหล่านี้เป็นพวกพ้องกัน เพราะพวกเขาต่างล่าถอยอย่างไม่คิดเป็นห่วงเมื่อพบเจอสถานการณ์อันตรายแบบนี้
ทุกคนถอยกลับออกไปสองสามก้าวเพื่อจะหลีกทางให้เจียงหว่าน
เจียงหว่านส่งสายตาเย้ยหยันออกมา
เธอหันมองหลัวชิงซาน แล้วพูดว่า “ฉันออกไปได้หรือยัง?”
ใบหน้าของหลัวชิงซานแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขามองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะตอบกลับเสียงหนักแน่น
“กฎคือสิ่งที่ใครก็ฝ่าฝืนไม่ได้ ตอนนี้การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว ถ้าอยากจะออกไปก็ไปซะ แต่ชีวิตกับเงินของคุณต้องอยู่ที่นี่!”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าหางของคุณจะโผล่ออกมาแล้วนี่? ที่พูดจาสูงส่งก่อนหน้านี้หมายความว่ายังไง? สุดท้ายก็เพียงเพื่อเงินเท่านั้นไม่ใช่เหรอ!”
“คุณคิดว่าจะใช้คนจำนวนมากพวกนี้มาหยุดเรางั้นเหรอ?”
หลัวชิงซานหัวเราะเบา ๆ
“คุณคงไม่รู้สินะ! ฉันเสริมหน้าต่างไว้สองชั้น และจะไม่มีใครกระโดดออกไปได้”
“ทางออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น”
“ทางเดินด้านนอกทั้งหมดก็มีคนของฉันเฝ้าอยู่ ถ้าหากเก่งนักก็ลองดู!”
“วันนี้ถ้าฉันปล่อยให้คุณออกไปด้านนอกได้โดยที่ยังมีลมหายใจ ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าหลัว!”
เจียงหว่านส่งเสียง ‘จิ๊จ๊ะ’ ก่อนจะพูดว่า “พ่อของคุณตายเมื่อวานนี้ และตอนนี้คุณอยู่ที่นี่เพื่อปล้นเงินก่อนจะหนีไปต่างประเทศ”
“แล้วอย่างนี้สกุลหลัวจะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?”
“พ่อของคุณควรจะโยนคุณทิ้งเสียตั้งแต่เกิด ดีกว่าปล่อยให้คุณออกมาทำร้ายคนอื่นแบบนี้ นี่มันเป็นการทำลายชื่อเสียงของเขาชัด ๆ!”
หลัวชิงซานโกรธจัด เพราะความตายของพ่อเขาถือว่าเป็นความลับ
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ทราบถึงเรื่องเขา แต่ยังรู้ถึงความหวาดกลัวที่กลืนกินอยู่ในใจของเขาด้วย
“บอกชื่อของแกมา แกเป็นใคร!”
เจียงหว่านสบถออกมาอย่างเย็นชา “ฉันคือพี่ซานจากหมู่บ้านนายพราน”
“หมู่บ้านนายพราน!” หลัวชิงซานไม่รู้ว่ามีคนจากหมู่บ้านนายพรานมาที่นี่ด้วย และเมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นบิดเบี้ยวทันที
ครั้งก่อนที่เขาไปหมู่บ้านนายพราน เขาถูกโกงเงินและทุกคนในบริษัทการค้าเฉิงเฉิงก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลัวชิงซานถูกคนในหมู่บ้านนายพรานหลอกเอาทั้งเงินทั้งของไป จนแม้แต่กางเกงก็ไม่เหลือ
ต้นเหตุเพราะเขาถูกหญิงชราวัยห้าสิบจากหมู่บ้านนายพรานจับตัวไว้ แถมหล่อนบอกว่าต้องการมีลูกให้มากที่สุดตราบใดที่ยังคงเดินเหินได้
หล่อนพาเขาไปที่บ้านและกระทำชำเราเขาอย่างหนักเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
กว่าเขาจะสามารถกลับเข้าเมืองได้ น้ำหนักก็หายไปมาก ถึงขนาดเดินโซเซอย่างเหนื่อยล้า
นั่นคือความอับอายที่สุดในชีวิต และเป็นความอัปยศที่สุดในใจของเขา
เขามองเจียงหว่านก่อนจะกล่าวผ่านไรฟัน
“อืม ดีจริง ๆ อย่างนั้นก็มาชำระหนี้เก่าและหนี้ใหม่พร้อมกันเลย!”
หลัวชิงซานดึงมีดยาวขนาดใหญ่ออกมาจากใต้โต๊ะด้านข้าง หวังจะขว้างมันใส่เจียงหว่าน
ความหวาดกลัวที่เคยเผชิญหน้ากับเฉียวเหลียนเฉิงยังมีอยู่ แต่คงมีเพียงเฉียวเหลียนเฉิงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรับมือมีดเล่มนี้ได้
มีดนี้เป็นของใหม่ ใบมีดสีเงินแวววาวกำลังจะถูกขว้างออกไป
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ขว้างมัน ข้อศอกกลับมีอาการเจ็บแปลบขึ้นมา แขนทั้งท่อนชาไปหมดจนมืออ่อนแรง ปล่อยมีดลงพื้นจนเกิดเสียงดังแสบหู
เขาอดไม่ได้ที่จะสับสน ก่อนหน้านี้เขายังไม่เป็นอะไรสักหน่อย แต่ทำไมตอนนี้กลับไม่สามารถถือมีดไว้ได้
เขามองท่อนแขนที่กำลังเป็นเหน็บชาด้วยความสงสัย
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้านหน้า และก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างของพี่ซาน
ก่อนหน้านี้เขาเห็นอีกฝ่ายต่อยชายอ้วนจนจมูกหัก แต่ไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะทำให้แขนของเขาถึงกับใช้งานไม่ได้ด้วย
เมื่อหลัวชิงซานตระหนักได้ว่าแขนใช้งานไม่ได้ ใบหน้าก็บิดเบี้ยวมากขึ้น
ขณะนั้นก็มีคนหลายคนเข้ามาจากด้านนอก หนึ่งในนั้นเป็นลูกน้องที่เก่งกาจที่สุดของเขา ชื่อว่าตู๋เสอ
ตู๋เสอวิ่งเข้ามาพร้อมกับมีด แล้วกล่าวกับหลัวชิงซานว่า
“ลูกพี่ ประตูทั้งหมดถูกปิดผนึกแล้ว ไม่มีใครออกจากที่นี่ได้แน่ครับ!”
ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้น ร่างกายถึงกับชะงักค้างด้วยความตกตะลึง!