เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 66 เขาผดุงความยุติธรรมของชาติ
บทที่ 66 เขาผดุงความยุติธรรมของชาติ
ฟางหลานซินหน้าเสีย แต่ทำได้เพียงอดทนเอาไว้
ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเหน็บแนมหล่อนเพราะรู้สึกว่าสวี่หรูเยว่ไม่มีทางแต่งงานกับใครได้นอกจากหลี่ต้าหย่ง พวกหล่อนถึงต้องการแต่งสะใภ้เข้าบ้านโดยไม่เสียสินสอด
สวี่หรูเยว่ที่อยู่ในห้องได้ยินแทบเหลืออดและกัดฟันกรอด อยากจะพุ่งตัวออกไปบอกว่าหล่อนจะไม่ยอมแต่งงาน
ทว่าหล่อนไม่อาจทำได้! หากไม่ยอมแต่งงาน ชื่อเสียงของตนมีแต่จะยิ่งเสื่อมเสีย
สำนักการศึกษาได้รับจดหมายรายงานแล้ว เรื่องที่หล่อนแอบอ้างเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกำลังถูกสอบสวน อีกไม่นานต้องถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนแน่ ไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีก
ถึงตอนนั้นเกรงว่าแม้แต่ครอบครัวหลี่ต้าหยงก็จะไม่ยอมแต่งหล่อนเข้าตระกูล
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สวี่หรูเยว่ก็แทบอดใจลากสวี่ชิงมาถลกหนังหน้าไม่ได้ กระทั่งฟางหลานซินส่งฉินกุ้ยจือกับหลี่เฟิงกลับไป หล่อนจึงเดินออกไปพร้อมสีหน้าบูดบึ้ง “ฉันจะทำให้นังสวี่ชิงได้เจอดีแน่!”
ฟางหลานซินเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ หล่อนมองค้อนลูกสาว “พูดไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ถ้าแกระวังตัวมากกว่านี้ เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
เมื่อนึกถึงความอับอายที่ตนเองต้องเผชิญต่อหน้าฉินกุ้ยจือและหลี่เฟิง ไฟในใจก็ยากจะมอดดับลงได้
สวี่หรูเยว่มองหน้ามารดาอย่างสะเทือนใจ “แม่คิดว่าหนูอยากให้เป็นแบบนี้เหรอ ต้องโทษสวี่ชิงที่ฉลาดเกินไปต่างหาก”
ฟางหลานซินหัวเสียเช่นกัน “พูดตอนนี้ไปจะได้อะไร อีกไม่กี่วันหล่อนก็จะแต่งงานกับโจวจินหนานแล้ว”
สวี่หรูเยว่ยิ่งแค้น “จะไปเชิดหน้าชูตาอะไรได้ แม่คะ พอสวี่ชิงแต่งงาน เราก็ส่งคนไปสร้างสถานการณ์ และบอกว่าเขารักกับสวี่ชิงมาตั้งแต่แรก และยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ สวี่ชิงไม่กล้าบอกว่าโดนข่มขืนหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นก็จะอับอายซะเอง”
ฟางหลานซินมีไหวพริบและคิดว่าแผนนี้ไม่ดีแต่อย่างใด “มันจะไม่ได้ทำให้สวี่ชิงอายอย่างเดียวน่ะสิ แต่ทำให้โจวจินหนานพลอยขายหน้าไปด้วย ใช้สมองหน่อยเถอะ โจวจินหนานยอมแต่งงานกับสวี่ชิง แปลว่าต้องตามสืบเรื่องพวกนี้มาแล้ว ทำแบบนั้นไปไม่ต่างกับยิงปืนลงเท้าตัวเอง”
สวี่หรูเยว่กระวนกระวาย “อย่างนั้นฉันควรทำยังไงคะ ดูพวกเขาแต่งงานกันอย่างนั้นเหรอ บางทีต่อไปสวี่ชิงอาจทำตัวผยองก็ได้นะคะ”
ฟางหลานซินนิ่วหน้ามองลูกสาว “เลิกสนใจสวี่ชิงก่อนเถอะ รีบสะสางเรื่องระหว่างแกกับหลี่ต้าหย่งก่อน ยัยแก่ฉินกุ้ยจือกับหลี่เฟิงออกตัวชัดแล้วว่าจะแต่งสะใภ้โดยไม่ให้สินสอด แกไปหาหลี่ต้าหย่งแล้วบอกว่ายังไงก็ต้องมีจักรยานกับจักรเย็บผ้าเป็นสินสอด โวยวายกับเขาซะ ส่วนเรื่องสวี่ชิงก็อย่าเพิ่งไปวุ่นวายกับหล่อน”
หล่อนประมาทสวี่ชิงมากเกินไปถึงได้หลงกลอีกฝ่าย และกลายเป็นผู้ถูกกระทำ ทำให้สวี่ชิงเอาชนะได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟางหลานซินตัดสินใจพักเรื่องของสวี่ชิงไว้ และจะกลับไปเอาคืนให้สาสม!
นังตัวดีก็ไม่ต่างจากแม่ของเจ้าตัวหรอก ชีวิตคงจบไม่สวยแน่!
……
ฉินกุ้ยจือเพิ่งไปสู่ขอที่บ้านตระกูลสวี่ ช่วงบ่ายหลังมื้อเที่ยงคนทั้งโรงงานรวมถึงฉินเสวี่ยเหมยก็รู้ว่าตระกูลหลี่ไม่จ่ายค่าสินสอดแต่งสวี่หรูเยว่แล้ว
ทำให้เห็นว่าเจ้าหล่อนไม่มีค่า ไม่คู่ควรกับเงินสักแดง!
เมื่อฉินเสวี่ยเหมยได้ยินเช่นนั้น หล่อนก็โร่ไปเล่าให้สวี่ชิงฟัง และเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างตัดตัวอักษรมงคลอยู่ จึงเข้ามาช่วยอย่างกระตือรือร้น “แม่ฉันบอกว่าการตัดตัวอักษรมงคลต้องพิถีพิถันมาก ถ้าให้คนที่มีลูกแล้วมาตัดจะดีกว่า”
สวี่ชิงตั้งใจใช้กรรไกรตัด “ฉันตัดเอาไว้ติดประตูหน้าต่างที่นี่วันพรุ่งนี้น่ะ ส่วนที่บ้านใหม่คุณย่าให้คุณน้าที่เชี่ยวชาญมาตัดให้พรุ่งนี้แล้วละ”
ฉินเสวี่ยเหมยมองเพื่อนก้มหน้าก้มตาตัดกระดาษแดงในมือด้วยความบรรจง ท่าทางดูมีความสุขเธอเองก็อดถอนหายใจไม่ได้ “นึกไม่ถึงว่าอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานแล้ว ฉันยังจำที่เธอเคยบอกว่าเราจะหาพี่น้องผู้ชายสองคน แล้วแต่งเป็นภรรยาได้อยู่เลย”
สวี่ชิงอารมณ์ดี “ใครจะคิดว่าฟ้าลิขิตมาแล้วล่ะ แต่โจวจินหนานไม่มีน้องชายนี่นา…”
ฉินเสวี่ยเหมยตกใจจนรีบโบกมือบอกปัด “ไม่ดีหรอก ไม่ดีแน่ๆ ฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าน่ะ นี่ ครอบครัวหลี่ต้าหย่งไปสู่ขอที่บ้านตระกูลสวี่วันนี้ด้วย แต่พวกเขาบอกว่าจะไม่ให้สินสอดล่ะ”
สวี่ชิงคาดเดาเรื่องนี้ได้จากนิสัยไม่ยอมคนของฉินกุ้ยจือ ตอนสวี่หรูเยว่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยไร้เดียงสา นางยังคิดว่าเป็นการไต่เต้าเท่านั้น
ตอนนี้หล่อนหลับนอนกับลูกชายนาง ทั้งยังแอบอ้างเป็นนักศึกษา แล้วนางจะยังให้ค่าอะไรหล่อนอีก
แม้เธอต้องการให้ยาแรงกับสวี่หรูเยว่กับฟางหลานซิน แต่พวกเธอก็คงกลับตัวไม่ได้ไปตลอดชีวิตแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
ฉินเสวี่ยเหมยเห็นสวี่ชิงยิ้มแปลกๆ ก็เอียงคอมอง “เธอยิ้มอะไรน่ะ”
สวี่ชิงรีบเงยหน้าและเลิกคิ้วยิ้มให้ “เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่าตัวอักษรที่ตัดสวยดีน่ะ พอเธอแต่งงานฉันตัดให้เธอก็ได้นะ”
คำว่าสุขสันต์ดูดีไม่น้อย แต่เพราะนโยบายวางแผนครอบครัวเข้มงวด ตอนนี้เกรงว่าจะมีลูกยากเสียแล้ว
ฉินเสวี่ยเหมยมองค้อน “เธอนี่นะ ไม่ถ่อมตัวเลย ท่าจะตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานมาก”
สวี่ชิงคุยกับเพื่อนสาวอย่างออกรส กระทั่งอาทิตย์กำลังจะตก เธอจึงเตือนให้อีกฝ่ายรีบกลับบ้าน
เช้าวันถัดมา เฟิงซูฮวาเชิญเพื่อนบ้านมาช่วยหั่นวัตถุดิบ ทำอาหาร และจัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้
บางคนยุ่งอยู่กับการตั้งเตาจุดไฟ บ้างล้างและหั่นผักอยู่
คุณน้าบางคนกำลังตัดตัวอักษรมงคลตกแต่งหน้าต่าง บางคนมาช่วยจัดการผ้านวมใหม่บนเตียง
ระหว่างทำงานก็บ่นเรื่องที่เฟิงซูฮวาเตรียมการช้าเกินไป และควรทำตั้งนานแล้ว
สวี่ชิงยืนยิ้มอยู่ด้านข้างเตียง รู้สึกตื้นตันใจไปหมด
เฟิงซูฮวาให้พี่ป้าน้าอาจัดช่วยเตรียมลานบ้าน และคงต้องรบกวนพวกเขาในวันส่งตัวเจ้าสาวพรุ่งนี้ ทุกคนรู้ว่าสวี่ชิงเพิ่งมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลสวี่ พวกเขาคงไม่มาร่วมพิธี
มันวุ่นวายและครึกครื้นกระทั่งช่วงเย็น เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว สวี่ชิงก็ต้มน้ำอาบ
เฟิงซูฮวานั่งลงขอบเตียงและยิ้มมองหลานสาวที่ก้าวเข้ามาหลังอาบน้ำเสร็จ เธอช่างดูอ่อนโยนงดงามเหมือนดอกท้อแรกแย้มในฤดูใบไม้ผลินัก
สวี่ชิงโบกมือและหยิบด้ายแดงขึ้นมา “เราไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก ฉันกลัวว่าย่าจะไม่ตื่นตอนเช้า เลยว่าจะทำซะตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ”
สวี่ชิงรวบผมขึ้นพันด้วยผ้าขนหนู ก่อนนั่งคุกเข่าต่อหน้าเฟิงซูฮวา
เฟิงซูฮวาพันด้ายบนหน้าผากของหลานสาวพลางกล่าว “ด้วยด้ายแดงในมือ ขอให้เปิดหน้าเจ้าสาวอย่างราบรื่น ขออวยพรให้เจ้าสาวมีแต่ความสุข เฉลิมฉลองถึงพร้อมด้วยเหล้ายาปลาปิ้ง พุทราหนึ่งกำมือให้กำเนิดบุตรชาย ถั่วสองกำมือตกสู่วิหคเพลิง สามครั้งทางซ้ายขอให้โชคดีมีชัย สามครั้งทางขวาขอให้มั่งมีศรีสุข ”
สวี่ชิงซาบซึ้งใจเล็กน้อย เธอไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้เมื่อชีวิตก่อน
เฟิงซูฮวากล่าวเสร็จก็วางด้ายแดงลงและดึงมือของสวี่ชิงมา “ชิงชิง ต่อไปหลานก็จะเป็นภรรยาของจินหนาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้าก็ต้องจำเอาไว้ว่าเขาเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมของชาติ มีอะไรก็ต้องประนีประนอมกัน หลานเป็นเด็กดี เกิดปัญหาอะไรขึ้นก็อย่าให้เรื้อรังนาน”
สวี่ชิงรู้สึกว่าคำพูดของย่าแฝงบางอย่างเอาไว้ เธอจึงนึกสงสัย “ย่าคะ ย่ากลัวว่าหนูจะไม่เข้าใจงานของโจวจินหนานเหรอคะ”
เธอส่ายหน้า ในจังหวะที่กำลังจะเอ่ย ประตูบ้านก็ถูกเคาะเสียงดังลั่น!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นังหรูเยว่คิดจะล่มงานแต่งชิงชิงเหรอ ฝันไปเถอะ ระวังเข้าเนื้อตัวเองแทนนะ
ใครมาเคาะประตูล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)