เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 579 แรงบันดาลใจจากเสี่ยวเป่า
บทที่ 579 แรงบันดาลใจจากเสี่ยวเป่า
ใบหน้าของซูช่านเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงคบหาดูใจกันแล้ว ทว่าพวกเขายังไม่เคยจับมือกันอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ และทุกครั้งที่พวกเขาพุดคุยกัน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องที่หล่อนเข้ามาดูแลรักษาบาดแผลของเขา
ใครจะคิดว่าจู่ ๆ อวี๋เซี่ยงตงจะขอมากเกินไป จนนิ้วของหล่อนอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาเล็กน้อย แม้หล่อนจะไม่เคยมีความสัมพันธ์มาก่อน ถึงกระนั้นก็รู้ดีว่าคู่รักควรจะเข้าหากันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
ทว่าอวี๋เซี่ยงตงหยิบยกขึ้นมาพูดโต้ง ๆ แบบนี้ มันไม่ดูน่าละอายใจไปหน่อยเหรอ?
อวี๋เซี่ยงตงยิ้มมุมปากขณะมองไปที่ซูช่าน เฝ้าดูใบหน้าของหล่อนที่เปลี่ยนเป็นสีแดงทีละนิดราวกับกำลังถูกไฟเผา แม้แต่ปลายหูของหล่อนยังแดงก่ำ
หล่อนก้มหน้างุด ราวกับทำอะไรไม่ถูก
หลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่พูดโพล่งออกไปนั้นดูหยาบกระด้างเกินไปกระมัง? จะทำให้อีกฝ่ายกลัวหรือไม่?
เขารีบคิดหาวิธีถนอมน้ำใจ ทั้งหมดคงเป็นเพราะอาการขาที่ดีขึ้น นิสัยชอบพูดโดยไม่คิดจึงกลับออกมาอีกครั้ง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ปริปากเตรียมจะพูด
ซูช่านพูดพึมพำเฉกเช่นเดียวกับยุงตัวน้อย ๆ “แค่แป๊บเดียวนะ”
นัยต์ตาสดใสแวววาวคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขา ราวกับได้ตัดสินใจอันใหญ่หลวงแล้ว
อวี๋เซี่ยงตงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะ เขาค้นพบสมบัติล้ำค่าแล้วจริง ๆ สินะ จึงรีบยื่นแขนออกไปลากซูช่านเข้ามา และจูบลงบนแก้มหล่อนอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ กลับไปเตรียมของให้ฉันได้แล้ว”
ครั้งนี้เขาดูมีอารยธรรมขึ้นมาหน่อย
ซูช่านหน้าแดงก่ำขณะพยักหน้าเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็นพี่ใหญ่ที่หล่อนชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก หล่อนจึงชอบให้เขาจูบ
……
ช่วงเที่ยง สวี่ชิงรีบเข้าไปดึงซูช่านออกมาดูรอบ ๆ ในทันทีที่เห็นหล่อน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากรับรู้ว่าอีกฝ่ายสบายดี “โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ฉันนี่กลัวแทบตาย อวี๋เซี่ยงตงอยู่ที่ไหนเหรอ? เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ซูช่านยิ้ม “ไม่เป็นอะไร แค่ได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังนิดหน่อย แต่ก็มีข่าวดีด้วยนะ เขาเดินได้แล้วล่ะ”
สวี่ชิงประหลาดใจมาก “จริงเหรอ? ข่าวดีจริง ๆ ด้วย คงเป็นเพราะปีศาจร้ายในใจที่เขาไม่เต็มใจจะเผชิญหน้ากับมันสินะ”
ซูช่านมารายงานตัวกับสวี่ชิงว่าตนปลอดภัยดี และจ้องมองไปทางไป๋หลางที่กำลังปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่กับเสี่ยวเป่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณไป๋หลางจริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รอดกลับมา”
หากก่อนหน้านี้พวกหล่อนถูกขังอยู่ในห้อง หล่อนกับอวี๋เซี่ยงตงคงจะโดนระเบิดเป็นชิ้น ๆ
และถ้าไม่ใช่เพราะไป๋หลางที่กัดสายชนวนจนขาด ตอนนี้พวกเธอก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
สวี่ชิงฟังคำพูดอธิบายจากซูช่านและพบว่าไป๋หลางเก่งกาจมาก ถึงกระนั้นเธอกลับไม่เคยคิดว่ามันจะเก่งกาจขนาดนี้ “คืนนี้ฉันจะเอาเนื้อให้ไป๋หลางกิน อีกสักพักว่าจะออกไปซื้อไก่มาเป็นรางวัลให้ไป๋หลางด้วยค่ะ”
ไป๋หลางที่กำลังช่วยเสี่ยวเป่าผลักหัวมนุษย์หิมะขึ้นไปบนลำตัวดูเงอะงะเป็นพิเศษ ในขณะที่เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาเต็มหัวมัน ขณะที่เสี่ยวเป่าปั้นอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หัวมนุษย์หิมะจึงไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนฐานลำตัวสักที
สวี่ชิงกับซูช่านอดจะหัวเราะไม่ได้เมื่อเฝ้าดูความเงอะงะของคนหนึ่งคนกับสุนัขอีกหนึ่งตัว
ถึงกระนั้นสวี่ชิงคอยสังเกตว่าซูช่านดูร่าเริงขึ้นมากเมื่อกลับมาที่นี่ ใบหน้าดูสดใสราวกับมีความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิซ่อนอยู่ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของหล่อนกับอวี๋เซี่ยงตงจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะ
ก่อนหน้านี้ขาของอวี๋เซี่ยงตงยังได้รับบาดเจ็บอยู่ เขาคงจะรู้สึกละอายแก่ใจและไม่กล้าปลดปล่อยความเป็นตัวเองขณะที่อยู่กับซูช่าน
ทว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บที่ขาหายดีแล้ว โดยลักษณะนิสัยของอวี๋เซี่ยงตง เขามักจะชอบปากร้ายกับเพื่อนฝูง แต่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้คนรักของตนเองจิตใจเบิกบานได้
อวี๋เซี่ยงตงกับซูช่านต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเพียงเล็กน้อย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับก้าวหน้าไปอย่างยิ่งใหญ่
สวี่ชิงรู้สึกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เธอสามารถรอกินเลี้ยงโต๊ะจีนงานแต่งงานของทั้งสองได้เลย
ขณะที่เธอกำลังนึกถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ เธอก็นึกถึงความสัมพันธ์ของอาเล็กกับฉินเฟยที่ระหองระแหงกันอยู่ ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน และความรักข้างเดียวของฉินเหมียวเหมียวจะสามารถจบลงได้โดยที่ไม่ปัญหาอะไรได้หรือไม่
เธอถอนหายใจและคิดว่าโชคชะตาช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!
……
เธอได้ข่าวจากผางเจิ้งหัวว่าผู้โดยสารสองคนที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว และพักอาศัยอยู่ในโรงแรมขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงกับทางสถานี
ผางเจิ้งหัวสะกดรอยตามอยู่สองวันแต่ไม่พบอะไร จนกระทั่งวันที่สามก็เจอทั้งสองมาป่วนเปี้ยนอยู่แถวสถานีและไม่ได้กลับไปยังที่พัก ทว่ามาแถวละแวกบ้านของสวี่ชิงแทน
เดินวนเล่นอยู่แถวนั้น ก่อนจะกลับไปที่โรงแรม
ผางเจิ้งหัวเข้ามาคุยกับสวี่ชิง “คนพวกนั้นไปที่บ้านเธอแถวสถานีด้วย พวกมันคิดจะทำอะไรหรือเปล่า?”
สวี่ชิงส่ายหัว “คงไม่หรอก คงจะไปหาคนนั่นแหละ แต่พอรู้ว่านายตามไปพวกเขาเลยกลับ”
ผางเจิ้งหัวคิดไม่ออก “เธอก็รู้จักคนที่อยู่ในละแวกนั้นหมด จะเป็นใครได้?”
เขาพูดร่ายรายชื่อคนที่มีปัญหากับสวี่ชิง “หวังก๋ายฮวาเหรอ?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “หล่อนไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก เอาแต่ก่นด่าทำเรื่องไร้สาระไปเรื่อย ถ้าเกิดหล่อนทำแบบนี้จริง ๆ ก็คงจะไม่โดนผู้ชายตามรังควานหรอก”
ผางเจิ้งหัวพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในซอยไม่ชอบใจสวี่ชิง
ก่อนจะทำหน้าบึ้ง “แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ? ฉันคิดไม่ออกแล้วจริง ๆ แต่การใช้กลอุบายแบบนี้มันน่าหงุดหงิดเกินไปนะ”
สวี่ชิงเองก็คิดไม่ออกเช่นกัน “ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันยังไม่รีบ รออีกสองวันให้โจวจินหนานกลับมาก่อน แล้วฉันจะขอให้เขาช่วย”
ผางเจิ้งหัวพยักหน้าและเล่าเรื่องโรงงานผลิตอาหารให้สวี่ชิงฟัง “โรงงานอ่อนข้อลงแล้ว พอฉันบอกว่าจะไปหาโรงงานอื่น พวกเขากังวลกันมาก จนหัวหน้าเชอรับปากว่าจะมาช่วยฉันดู”
สวี่ชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แก้ไขได้สักทีสินะ ตอนนี้อากาศเย็นลงแล้ว ถึงเวลาทำธุรกิจให้ดี ผู้คนจะหลั่งไหลกันเข้ามา เพราะฉะนั้นนายต้องจับตาดูให้ดี จะให้คุณภาพอาหารมีปัญหาไม่ได้”
สวี่ชิงส่งผางเจิ้งหัวออกไป และเกือบจะเป็นลมเมื่อกลับเข้าบ้านมา
เธอเห็นเสี่ยวเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ คลายเกลียวขวดหมึกที่เธอลืมเอาออก มือเล็ก ๆ เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหมึกสีน้ำเงิน แม้แต่ใบหน้า จมูก และดวงตายังเปื้อนไปด้วยน้ำหมึก
ทั่วทั้งตัวเหมือนผีตัวน้อย
สวี่ชิงถอนหายใจ เธอออกไปคุยกับผางเจิ้งหัวในห้องครัว ถึงว่าทำไมเธอถึงไม่ได้เสียงเสี่ยวเป่าเล่นกับไป๋หลางอยู่ที่ลานบ้าน
ไม่เพียงแต่เสี่ยวเป่าจะนั่งคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้เหมือนผีเด็กเท่านั้น แม้แต่ไป๋หลางยังนั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้างเขา ขอบตาและบนเปรอะเปื้อนไปด้วยหมึกสีน้ำเงิน คาดการณ์ว่าเสี่ยวเป่าคงจะเผลอเอาหน้าไปเช็ดเข้ากับไป๋หลางโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เสี่ยวเป่าที่ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดรีบสิ่งยิ้มให้แม่ทันทีที่เห็นว่าสวี่ชิงเดินเข้ามา ยิ้มเผยฟันซี่เล็กขาว ๆ ซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
สวี่ชิงรู้สึกปวดหัวขณะเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเป่า “ทำไมลูกถึงได้ซนนัก? รู้ไหมว่ามันล้างออกจากหน้าไม่ได้!”
เสี่ยวเป่าเริ่มเบะปากและทำทีท่าว่าจะร้องไห้เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของแม่ที่ผิดไปจากปกติ “คุณยาย คุณยาย…”
เขาร้องตะโกนเพื่อหาเกราะป้องกันของตนเอง
เย่หนานที่กำลังคุยกับเฟิงซูฮวาอยู่ในห้องถัดไป รีบเข้าไปดูทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องราวกับลูกหมูถูกฆ่าของเสี่ยวเป่า และก็เห็นสวี่ชิงดึงคอเสื้อของเสี่ยวเป่าจากทางด้านหลัง และยกมือขึ้นตีตูดของเขา
ในขณะที่ไป๋หลางพยายามซุกหัวไว้ทางตูดของเสี่ยวเป่า ป้องกันไม่ให้สวี่ชิงตีเด็ก จนฉากตรงหน้าดูตลกเป็นพิเศษ
หล่อนอดจะหัวเราะไม่ได้เมื่อมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าที่เหมือนกับภาพวาดผีน้อย “เจ้าตัวแสบ ไปทำแบบนี้ได้ยังไง”
หล่อนพูดและรีบไปคว้าเสี่ยวเป่าออกมาจากแขนของสวี่ชิง มองไปที่หน้าผีน้อยตัวแสบ จากนั้นจึงเกิดความคิดบางอย่าง “ชิงชิง หาตามหาซ่งจิ่นสือที แม่รู้วิธีรักษาอาการป่วยของเขาแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โอ๊ย เสี่ยวเป่าซนได้โล่ห์ โตขึ้นจะซนแบบนี้ไหมเนี่ย
คุณแม่เย่จะรักษาซ่งจิ่นสือยังไงคะ
ไหหม่า(海馬)