เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 573 เกิดเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
บทที่ 573 เกิดเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
ซูช่านยังคงทำเป็นเมินอวี๋เซี่ยงตง และจ้องมองเขาทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหมองและความขุ่นเคือง หล่อนยังคงโกรธจัด โกรธจนแก้มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตาที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำตาดูสดใสเป็นพิเศษ
ต้องบอกว่าซูช่านตอนโกรธจัดช่างดูน่ารักและมีชีวิตชีวายิ่งนัก
อวี๋เซี่ยงตงหลงคิดไปในทางที่ผิด ถึงกระนั้นก็ควรจะกล่อมเด็กที่ร้องไห้อยู่ ไม่เช่นนั้นเขานั่นแหละที่จะเป็นผู้ทุกข์ทรมาน อีกอย่างช่วงนี้ซูช่านยังเป็นคนมาฉีดยาให้เขาด้วย
เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ให้ความร่วมมือ ผู้หญิงคนนี้จะมีวิธีการจัดการกับเขาเสมอ
เขาเกาตรงหว่างคิ้ว และลดระดับเสียงลงเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่คนโบราณบอกไว้ว่าการเรียนรู้จากความผิดพลาดสามารถสร้างสิ่งที่แตกต่างได้ไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นฉันก็ควรได้รับโอกาสในการแก้ตัวสิ”
ซูช่านจ้องเขม็งไปที่เขา “สามครั้งแล้ว ฉันเห็นพี่เทยาทิ้งสามครั้งแล้วนะ ถึงกินยาแล้วจะไม่ค่อยเห็นผล แต่แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับความค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอนเสมอ! แล้วเมื่อคืนพี่ก็นอนดึกด้วยใช่ไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงส่งเสียงพึมพำ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนหัวข้อมาเรื่องนอนดึกได้?
ท่วาเขากลับไม่กล้าปฏิเสธเมื่อเห็นท่าทางโกรธเคืองของซูช่าน “อืม ก็ดูอะไรไปเรื่อย”
ซูช่านยิ่งโกรธจัด “ถ้าพี่พักผ่อนไม่เพียงพอ ยาจีนที่เททิ้งไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายหรอก และถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ ดื่มยาจีนไปเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์”
อวี๋เซี่ยงตงมองดูซูช่านที่เริ่มพูดประชดประชัน แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้กำลังโกรธจัด
เขาไม่มีประสบการณ์ในการตามง้อสาวมาก่อน คนเดียวที่เขาเคยง้อก็คือซูช่านเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย ตอนนั้นซูช่านง้อง่ายมาก
เวลาร้องไห้แค่ให้ลูกอมสองเม็ด หล่อนก็กลับมายิ้มอีกครั้ง คอยตามติดหลังและร้องเรียกพี่ใหญ่
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาเฝ้าดูซูช่านที่ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา รอหล่อนโกรธพอก่อนแล้วจึงค่อยพูดออกมา
เดิมทีซูช่านโกรธที่อวี๋เซี่ยงตงไม่ยอมดูแลสุภาพร่างกาย นอนดึก ไม่ยอมกินยาจีน หล่อนจึงโกรธจัดจนงอนอยู่ครู่หนึ่ง
ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับเงียบไปหลังจากพูดเกลี้ยกล่อมเพียงแค่ไม่กี่คำ ความน้อยใจจึงก่อเกิดขึ้นในใจ และคิดว่าอวี๋เซี่ยงตงไม่ได้จริงจังอะไรกับหล่อนมากนัก
อีกไปกว่านั้นหล่อนเป็นฝ่ายริเริ่มสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา จึงเริ่มคิดในใจอย่างบ้าคลั่ง คิดว่าอวี๋เซี่ยงตงไม่ชอบที่หล่อนเป็นแบบนี้ คิดว่าเขาจะรังเกียจหล่อนหรือเปล่า?
จะรู้สึกเสียใจบ้างไหม?
ยิ่งซูช่านคิดเรื่องนี้มากเท่าไร หล่อนก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากเท่านั้น และไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปจนหยดลงมาดังเผาะ
หล่อนร้องไห้ด้วยความทุกข์ระทม กัดริมฝีปากและนิ่งเงียบ
เหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด!
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกใจหายขณะมองดูคนตรงหน้า และเอื้อมมือออกไปจับมือของซูช่าน “อย่าร้องสิ ฉันทำผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะเชื่อฟังเธอ”
ไม่ว่าจะทำผิดเรื่องอะไร ขอแค่ยอมรับไว้ก่อน
ซูช่านร้องไห้สะอื้นเสียจนอวี๋เซี่ยงตงตัดสินใจที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ ใช้มือใหญ่เช็ดหน้าอีกฝ่ายลวกๆ “พอแล้ว หยุดเถอะ อย่าร้องไห้เลย ต่อจากนี้ไปเธอเป็นเจ้าเด็กดื้อของฉันนะ เธอพูดอะไรฉันก็จะทำตามหมดเลย จะไม่นอกลู่นอกทาง ตกลงมั้ย? ทำไมถึงยังขี้แยเหมือนตอนเด็ก ๆ อยู่อีกล่ะ”
ซูช่านสำลัก กระพริบตา และกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา ก่อนจะมองไปทางอวี๋เซี่ยงตง “จริงเหรอ?”
อวี๋เซี่ยงตงชะงักไปครู่หนึ่ง “จริงอะไร?”
ดวงตาที่เปียกโชกไปด้วยน้ำตาของซูช่านดูเปล่งประกายสดใสเป็นพิเศษ “พี่บอกว่าต่อจากนี้ไปฉันเป็นเด็กดื้อของพี่ พี่จะเชื่อฟังฉันทุกอย่างนี่จริงไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เด็กคนนี้ช่างจดจ่อกับประเด็นสำคัญเสียเหลือเกิน “ใช่ เจ้าเด็กดื้อ หยุดร้องไห้ได้หรือยัง? ห้องเราไม่เก็บเสียงสักหน่อย เดี๋ยวเพื่อนบ้านที่ได้ยินก็เข้าใจว่าฉันทำอะไรเธอหรอก อย่าร้องไห้เสียงดังสิ”
ซูช่านสูดจมูกและหัวเราะคิกคัก “ก็ได้ ถ้าต่อจากนี้พี่ไม่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่กินยาจีนอีก ฉันจะไม่หยุดร้องไห้ให้แล้วนะ”
อวี๋เซี่ยงตงยิ้มและเอื้อมมือออกไปหยิกใบหน้าขาวนวลของซูช่าน “เธอนี่นะ พระเจ้าส่งมาให้จัดการฉันจริง ๆ เอาล่ะ ตอนนี้ฉันกินได้หรือยัง? เดี๋ยวบะหมี่จะอืดหมด”
ซูช่านพองแก้ม รู้สึกเขินอายที่จู่ ๆ ก็เอะอะโวยวายขึ้นมา “เดี๋ยวฉันเอาไปอุ่นให้”
ท้ายที่สุดอวี๋เซี่ยงตงต้องกินบะหมี่ที่ติดหนึบกันเป็นก้อน ควบคู่ไปกับเนื้อตุ๋นที่ซูช่านนำกลับมาจากโรงอาหาร หล่อนเอาไปอุ่นจนมันนิ่มเละราวกับโคลน เพียงเท่านี้ก็พอแล้วสำหรับอาหารกลางวัน
เขาได้แต่ถอนหายใจขณะนั่งกิน ห้ามยั่วยุผู้หญิงโดยเด็ดขาดสินะ
ซูช่านเงยหน้าขึ้น มองดูอวี๋เซี่ยงตงที่กำลังจะกินเสร็จ จากนั้นจึงพูดเกริ่นเกี่ยวกับการหายตัวไปของไป๋หลาง
ทว่าปฏิกิริยาของอวี๋เซี่ยงกับเหมือนโจวจินหนานเป๊ะ “ไป๋หลางจะหายไปได้ยังไง? มันแค่ไม่อยากกลับมาเอง ใครจะไปจับมันได้”
ซูช่านกลับรู้สึกไม่สบายใจ “ช่วงสองปีที่ผ่านมาทีมจับสุนัขจับสุนัขกันเก่งมาก ถ้าไป๋หลางไปบังเอิญเจอทีมจับสุนัขเข้าล่ะ?”
อวี๋เซี่ยงหัวเราะเยาะด้วยท่าทางที่ไม่เห็นด้วย “ไป๋หลางเก่งกว่าตั้งเยอะ ถ้ามันเจอทีมจับสุนัขจริง ๆ มันไม่หายตัวไปแบบไร้ร่องรอยอย่างนี้หรอก”
จากความสามารถในการติดตามและพละกำลังการต่อสู้ของไป๋หลาง คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเทียบเท่ามันได้เลย
เขาเห็นมากับตาว่าไป๋หลางสามารถวิ่งผ่านทุ่นระเบิดท่ามกลางลูกกระสุนมากมายมาได้อย่างไร มันผ่านมาแล้วแม้กระทั่งการดักซุ่มยิงสไนเปอร์ของศัตรู
แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่เก่งกาจกว่ามนุษย์เสียอีก
เขารีบพูดปลอบอีกครั้งเมื่อเห็นว่าซูช่านขมวดคิ้ว “เธอไม่ต้องห่วงมันหรอก หมายความว่าไป๋หลางอาจจะค้นพบสิ่งสำคัญบางอย่าง และครั้งนี้มันอาจจะทำให้โจวจินหนานได้หน้าอีกครั้ง”
ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ โจวจินหนานช่างโชคดีเหลือเกิน
ซูช่านทำความสะอาดห้องครัวและกำลังจะออกไป ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับเรียกหาหล่อนอีกครั้ง “เธอช่วยโทรหาเสี่ยวจางให้หน่อยสิ บอกให้เขามารับฉันออกไปตอนบ่ายนี้ที”
ซูช่านรีบโพล่งอย่างเป็นกันเอง “จะไปไหน? ฉันไม่มีเรียนตอนบ่าย เดี๋ยวฉันไปกับพี่เอง”
อวี๋เซี่ยงตงรีบโบกมือ “ไปตั้งใจเรียนเถอะ เป็นนักเรียนก็ควรตั้งใจเรียนอยู่ในโรงเรียนสิ อย่าเถลไถลไปไหน เดี๋ยวตอนบ่ายฉันรีบกลับมาหาเธอ”
ซูช่านรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินประโยคครึ่งแรก ก่อนจะถูกเกลี้ยกล่อมด้วยประโยคครึ่งหลังและสีหน้าของอวี๋เซี่ยงตง หล่อนคลี่ยิ้มและรีบออกไปโทรหาเสี่ยวจางผู้ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลอวี๋เซี่ยงตง
อวี๋เซี่ยงตงผลักรถเข็นออกไปที่ระเบียง ลุกขึ้นยืนขณะยืนพิงขอบหน้าต่าง เฝ้าดูซูช่านเดินหายออกไปจากประตูทางเข้าลานบ้าน ก่อนที่ประกายแสงสีดำจะสว่างวูบวาบในดวงตา
ต้องเป็นบุคคลที่สำคัญมากจนทำให้ไป๋หลางหายไปอย่างกะทันหันแบบนี้ และคนคนนั้นน่าจะเป็นคนที่เขารู้จัก!
ดังนั้นเขาต้องไปดูให้เห็นกับตา!
เนื่องจากไม่มีเรียนในคาบบ่าย สวี่ชิงจึงแวะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด เธอไม่มีทางอ่านหนังสือที่บ้านได้ เพราะว่าเสี่ยวเป่าจะตะโกนเรียกหาแม่ด้วยเสียงดังก้องกังวานสามร้อยหกสิบองศา และมาพลิกดูหนังสือเรียนของเธอ ใช้ปากกาวาดรูปเต็มหน้ากระดาษ ดังนั้นเธอจึงเข้ามาอ่านเนื้อหาบางส่วนที่ห้องสมุดแทน
ทว่าสวี่ชิงกลับแปลกใจที่ไม่เห็นซูช่านมาที่ห้องสมุด ทั้งที่รู้ว่าหล่อนออกมาก่อนหน้าแล้ว หล่อนเป็นผู้หญิงที่ขยับขันแข็งมาก และมักจะแวะมาที่ห้องสมุดทุกครั้งเมื่อไม่มีเรียน
หรือว่าหล่อนจะแวะไปหาอวี๋เซี่ยงตงและยังไม่ได้กลับมา?
ทว่าซูช่านไม่ใช่คนละทิ้งการเรียนเพื่อความรัก เว้นแต่ว่าจะมีเรื่องอย่างอื่น
สวี่ชิงรู้สึกไม่สบายใจเมื่อไม่เห็นซูช่านมาเข้าเรียนในวันรุ่งขึ้น จึงถามเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในหอเดียวกันกับซูช่าน ทว่าอีกฝ่ายกลับรู้สึกแปลกใจเสียยิ่งกว่า “ซูช่านไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฉันนึกว่าเธอไปหาคุณซะอีก ตอนบ่ายเมื่อวานพวกคุณก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครกันนะที่ทำให้ไป๋หลางออกจากบ้านแล้วยังไม่กลับมา
ไหหม่า(海馬)