เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 522 ดาวตก
บทที่ 522 ดาวตก
ตอนนี้อวี๋เซี่ยงตงพักฟื้นอยู่ในแผนกประสาทวิทยาของโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนประจำมณฑล ที่นี่มีอุปกรณ์กายภาพบำบัดสำหรับการฟื้นฟูที่เพิ่งนำเข้ามาจากพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไข่มุก
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น
ซูช่านนึกไม่ถึงว่าการติดตามอาจารย์มาโรงพยาบาลในวันแรกจะทำให้หล่อนได้เห็นอวี๋เซี่ยงตงที่นั่งหลบอยู่ตรงหัวมุมสวนหย่อมด้านในโรงพยาบาล หล่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกอาจารย์ว่าเจอคนรู้จัก อยากจะเดินเข้าไปทักทายเขาที่แผนกสักครู่
ต้องบอกกันตามตรงว่าซูช่านเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียน ยังไม่มีประสบการณ์และยังจำสมุนไพรจีนต่าง ๆ ไม่ได้ การจะพาหล่อนเข้ามาศึกษาดูงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ทว่าซูช่านเป็นหลานสาวของซูเฟิงเป่ย ซูเฟิงเป่ยเป็นแพทย์อาวุโสด้านการแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมากในตัวเมืองเอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเป็นอาจารย์สอนมาก่อน แต่อาจารย์หลายท่านกลับคอยติดต่อหาเขา
รวมถึงอาจารย์ที่พาซูช่านมาศึกษาดูงานด้วย เขาชื่นชมคุณหมอซูมาก และในขณะเดียวกันก็พบว่าซูช่านมีความสามารถทางด้านนี้
แม้ซูช่านจะเป็นน้องใหม่ แต่เขาก็ยังอยากจะพาหล่อนเข้ามาศึกษาดูงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน
เขารีบโบกมือเบา ๆ เมื่อได้ยินว่าซูช่านจะไปพบคนรู้จัก “ไม่ต้องห่วง ไปทำธุระให้เสร็จแล้วค่อยกลับมาหาผม ผมจะรออยู่ในห้องประชุมชั้นสอง”
ซูช่านมองดูอาจารย์กับคณะนักศึกษาที่กำลังเดินจากไป และค่อย ๆ เดินไปสวนหย่อม
หล่อนมองดูอวี๋เซี่ยงตงที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และได้กลิ่นเหล้าฉุนกึก
ซูช่านย่นจมูกและรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปหาอวี๋เซี่ยงตง มองดูเขาที่กำลังถือขวดเหล้าขาวอยู่ในมือ ดวงตาของเขาดูหม่นหมอง ในขณะที่ความเหงาและหดหู่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย
อวี๋เซี่ยงตงกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองคนตรงหน้าที่มีผิวขาวเนียน ผมหน้าม้าหยิกเป็นลอนสีทอง ดวงตาที่จับจ้องมาเปรียบเสมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
อวี๋เซี่ยงตงตกอยู่ในความงุนงงเล็กน้อย “อย่ามาขวางทาง บังดาวหมดแล้ว”
ซูช่านในวัยเด็กมักจะแสดงท่าทางนุ่มนวล ยากนักที่จะเห็นหล่อนขมวดคิ้วและแสดงท่าทางโกรธเช่นนี้ “นี่มันกลางวัน จะมีดาวได้ยังไง? อีกอย่างสภาพร่างกายคุณเป็นแบบนี้ คุณยังดื่มไม่ได้ วันนั้นป้าเย่หนานก็พูดอยู่”
อวี๋เซี่ยงตงหัวเราะเยาะตนเอง “ฉันบอกว่ามีดาว ก็ต้องมีดาวสิ ไปให้พ้น สนใจแต่เรื่องตัวเองเถอะ ไป!”
เขาพยายามพูดเค้นประโยคสุดท้ายออกมา และจ้องมองไปที่ซูช่านด้วยสายตามืดหม่น
ซูช่านไม่ได้ถอยออกไปไหน หล่อนรีบเอื้อมมือออกไปคว้าขวดเหล้าในมือของอวี๋เซี่ยงตง และรีบก้าวถอนหลังออกไปสองสามก้าว ถือขวดเหล้าและจ้องมองไปที่อวี๋เซี่ยงตง “เกิดอะไรขึ้น?”
ตอนที่หล่อนเห็นเขาที่บ้านของสวี่ชิงเมื่อสองสามวันก่อน เขายังพูดคุยหัวเราะร่าเริง ทำสีหน้าไม่แยแสอยู่เลย
แต่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายเขากลับดูมืดหม่นราวกับติดอยู่ในหลุมลึก ไร้ซึ่งแสงสว่างสอดส่องลงไป
อวี๋เซี่ยงตงเหลือบมองซูช่าน ผู้หญิงคนนี้ยังคงดื้อรั้นเหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด ถึงแม้ว่าบุคลิกของหล่อนจะดูนุ่มนวล แต่กลับดื้อรั้นเป็นบ้า
แววตาของเขาดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูเกรี้ยวกราดกว่าเดิม “ไปให้พ้น!”
说着一手转动轮椅,冲到苏灿面前,长臂一挥要去抢苏灿怀里的酒瓶。
เขาพูดและหมุนรถเข็นโดยใช้มือข้างเดียว ตรงดิ่งไปหาซูช่าน ก่อนจะยืดแขนออกไปคว้าขวดเหล้าในอ้อมแขนของซูช่าน
แต่นึกไม่ถึงว่าซูช่านจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอถือขวดเหล้าและก้าวถอยหลังกลับ ทว่าส้นเท้ากลับสัมผัสเข้ากับขอบแปลงปลูกดอกไม้ ทำให้หล่อนโซเซล้มลงไป
หล่อนนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ในแปลงปลูกดอกไม้ด้วยสภาพที่น่าอับอายยิ่งนัก
อวี๋เซี่ยงตงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และรีบหมุนรถเข็นออกไป เกียจคร้านเกินกว่าจะมองดูซูช่านที่ล้มลงไปนั่ง
ซูช่านย่นจมูกและไม่สนใจความเจ็บปวดบริเวณบั้นท้าย หล่อนลุกขึ้น เก็บขวดเหล้าใส่กระเป๋า และรีบวิ่งไปเข็นรถเข็นของอวี๋เซี่ยงตง
ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับเอามือล็อกล้อรถไว้แน่น จนซูช่านไม่อาจเข็นต่อได้
เขาหันหน้าไปมองซูช่านด้วยสายตาเกลียดชัง ดวงตาเรียวยาวของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ “ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง? กูบอกให้ไปไงวะ! ไปให้พ้น! เห็นฉันเป็นคนพิการหรือไง?”
ซูช่านมองลอดเข้าไปในดวงตาของอวี๋เซี่ยงตงด้วยท่าทางแน่วแน่ ดวงตาของหล่อนแดงก่ำเล็กน้อย ก่อนที่หยดน้ำจะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ได้กระพริบตา และไม่ได้ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
หัวใจของอวี๋เซี่ยงตงกระตุกอย่างแรง ความชิงชังในดวงตาทวีคูณขึ้น “เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง? โตจนป่านนี้แล้วหัดรักนวลสงวนตัวบ้าง! ออกไป!!”
คราวนี้น้ำเสียงดูจริงจังมากขึ้น
ซูช่านยังคงยืนกรานด้วยการจ้องมองไปที่อวี๋เซี่ยงตง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลลงมา แต่แล้วจู่ ๆ หล่อนก็ปล่อยมือและรีบวิ่งไปยังตึกผู้ป่วยนอก
อวี๋เซี่ยงตงมองตามแผ่นหลังของซูช่าน ยัยเด็กบ้านี่ยังดื้อรั้นไม่เปลี่ยน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เช้าวันนี้ผู้เชี่ยวชาญจากทางปักกิ่งได้ปรึกษาหารือกันอีกครั้ง และผลลัพธ์ออกมาแย่กว่าครั้งแรกมาก
ขาของเขาอาจจะไม่มีวันดีขึ้นอีกเลย
แม้เขาจะยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวได้นานแล้ว แต่ในใจก็ยังมีหวังเล็ก ๆ อยู่เสมอ
แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาอีกครั้ง อวี๋เซี่ยงตงกลับพบว่าเขาไม่สามารถยอมรับมันได้เลย
ความเฉยเมยในอดีตที่ยาวนานเปรียบเสมือนกระบวนการเข้าสู่อัมพาต
ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมา และพบว่าตนเองไม่ได้รู้สึกสงบสุขหรือยอมรับมันได้แม้แต่น้อย
ซูช่านรีบวิ่งไปยังตึกผู้ป่วยนอกด้วยเพียงอึดใจเดียว ยืนพิงกำแพงและยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตา คอยกระพริบตาเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าร้องไห้ จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนห้องประชุมชั้นบน
บังเอิญว่าอาจารย์กำลังพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งอยู่
ซูช่านที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ก้มหน้าลงและสัมผัสขวดเหล้าในกระเป๋า
และได้ยินผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแกมเสียใจว่า “น่าเสียดายแทนอวี๋เซี่ยงตง ตอนที่เขาบาดเจ็บแรก ๆ เขาได้รับการรักษาดีมากเชียวนะ แถมยังมีพาสเตอร์ยาแม้วติดอยู่ที่กระดูกด้วย แต่เพราะเสพติดมากเกินไป มันเลยไปทำลายการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย”
ซูช่านเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ชื่อของอวี๋เซี่ยงตง เธอฟังคำพูดของผู้เชี่ยวชาญและนึกถึงบุคคลที่ดูเศร้าหมองเมื่อสักครู่นี้
เขาคงเสียใจที่ชั่วชีวิตนี้จะไม่สามารถกลับมาลุกขึ้นเดินได้อีกสินะ
ก่อนที่ซูช่านจะมา อาจารย์ก็ทราบถึงสถานการณ์ของอวี๋เซี่ยงตงมาก่อนแล้ว และเขาก็รู้สึกเสียใจมาก “ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอครับ? พอจะผสมผสานแพทย์แผนจีนกับตะวันตกเข้าด้วยกันได้ไหม? จะเข้าไปแทรกแซงก่อนผ่าตัดได้ไหมครับ ใช้ยาจีนให้ร่างกายเขาพอฟื้นฟูขึ้นมาหน่อย”
ผู้เชี่ยวชาญส่ายหัว “พวกเราลองพิจารณาแผนการนี้แล้ว แต่ว่าอวี๋เซี่ยงตงไม่ยอมรับ”
ซูช่านรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่จุกอยู่ในลำคอ จนเผลอโผล่ออกมา “ทำไมคะ?”
น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือโดยที่ไม่รู้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ถือสาการขัดจังหวะของซูช่าน และยิ้มตอบรับอย่างขมขื่น “ไม่รู้สิ วิธีการนั้นอาจจะแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานได้ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์”
หลายคนยังคงพูดคุยกัน ทว่าซูช่านกลับไม่ได้ยินเสียงพูดคุยดังกล่าวอีกต่อไป
หล่อนคิดไม่ออกว่าอวี๋เซี่ยงตงที่ชอบคิดว่าตนเองเก่งและภูมิใจในตนเองจะสามารถทนนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?
และดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่มีจิตใจสูงส่งจะปรากฏกายในความคิดหล่อนอีกครั้ง
ซูช่านเดินตามอาจารย์ออกจากโรงพยาบาลไป และไม่ได้เห็นอวี๋เซี่ยงตงอีกเลย หล่อนรู้ดีว่าอวี๋เซี่ยงตงก็คงจะไม่อยากเห็นหล่อนเช่นกัน
อีกทั้งยังคาดเดาในใจว่าที่อวี๋เซี่ยงตงแสร้งทำเป็นจำหล่อนไม่ได้ คงเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้หล่อนเห็นด้านที่อ่อนแอ
อาจารย์ที่เห็นซูช่านก้มหน้าก้มตาลง เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ทำไม? ไม่สบายใจเหรอ?”
ซูช่านส่ายหัว “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ แค่รู้สึกเสียใจที่ต้องมาได้ยินอาการป่วยของเพื่อนคนนั้นในตอนนี้”
…………………………………………………………………………………………………………………………สารจากผู้แปล
เจ็บและจุกเลย ฝ่ายหนึ่งพยายามเข้าหา อีกฝ่ายพยายามถอยหนี เพียงเพราะไม่อยากให้ภาพจำที่ดีในวัยเด็กต้องพังทลายไป
ไหหม่า(海馬)