เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 517 นายควรนั่งรถเข็นตลอดไป
บทที่ 517 นายควรนั่งรถเข็นตลอดไป
สวี่ชิงรู้สึกทึ่งกับการมองโลกในแง่ดีของอวี๋เซี่ยงตง
แต่เมื่อเห็นข้อมือของเขาขยับได้ เธอก็คิดว่าผ้าพันแผลคงจะมีประสิทธิภาพมากจริง ๆ อีกมั้งยังรู้สึกทึ่งกับผ้าพันแผลที่ทำมาจากยาแม้ว
เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและขอให้เย่หนานออกมาช่วยดู “แม่ฉันอยู่ที่นี่ด้วย อยากเจอแม่ไหมคะ แล้วอยากให้เราปรับเปลี่ยนยาอะไรให้หรือเปล่า?”
อวี๋เซี่ยงตงรู้ดีว่าเย่หนานเก่งกาจมากเพียงไหน เขาจึงรีบยกยิ้มพร้อมกับพูดประจบสอพลอ “ถ้าอย่างนั้นขอเจอหน่อยคุณป้าหน่อยสิครับ ถึงผมจะขยับข้อมือได้แล้ว แต่ก็ยังขยับขาไม่ได้อยู่ดี บางครั้งมันคันแต่ก็เกาไม่ได้”
เย่หนานเหลือบมองอวี๋เซี่ยงตง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปขยายดวงตาของเขา “ไปแอบกินเหล้ามาหรือเปล่า?”
อวี๋เซี่ยงตงยอมรับด้วยท่าทางอาจหาญ “ไม่ได้แอบนะครับ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและขจัดเลือดคั่งไม่ใช่เหรอครับ? ผมดื่มเหล้าให้ร่างกายรีบฟื้นตัวต่างหาก”
สวี่ชิงถึงคำพูดไม่ออก คำพูดเหมือนกับเหยียนจี้ชวนไม่มีผิด
ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและขจัดเลือดคั่งบ้าอะไรล่ะ
เย่หนานหัวเราะเย็น “ไม่ใช่ว่าผ้าพันแผลไม่ดีหีอก แต่เพราะเธอดื่มเหล้ามากเกินไปต่างหาก มันไปรบกวนกระบวนการทำงานของยา จนไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตามมา อีกอย่างอาการคันที่ข้อมือไม่ใช่เพราะเส้นเอ็นกำลังเชื่อมต่อกัน แต่เป็นเพราะอาการภูมิแพ้ต่างหาก”
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกเหลือเชื่อ “แพ้? ผมจะแพ้ได้ยังไง? ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”
เย่หนานมองไปที่อวี๋เซี่ยงตงราวกับเขาปัญญาอ่อน “เธอดื่มเหล้าข้าวฟ่าง และยาสมุนไพรในผ้าพันแผลมีส่วนประกอบของจินชานหมานอยู่ สองอย่างนี้ไม่ควรใช้พร้อมกัน เพราะถ้าเธอแพ้ เธออาจจะตายได้”
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและใบหน้าเริ่มซีดเซียวหลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว “คุณป้า ผมจะรอดไหมครับ?”
เย่หนานมองดูเขาด้วยสายตาเมินเฉย “ตอนนี้ก็ยังไม่ตายนี่? ดูสิว่าจะดื่มอยู่อีกไหม”
อวี๋เซี่ยงตงพูดสัญญาด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ไม่ดื่มครับ ไม่ดื่มแล้ว”
สวี่ชิงที่ไม่เข้าใจอะไรมากนักไม่ได้พูดถึงอาการแพ้ อีกทั้งยังลืมอธิบายข้อห้ามต่าง ๆ ให้อวี๋เซี่ยงตงฟัง
เย่หนานสั่งให้สวี่ชิงไปเอากรรไกรมาตัดผ้าพันแผลที่ข้อมือของอวี๋เซี่ยงตง และฉีกออกเบา ๆ เผยให้เห็นผื่นเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่รอบข้อมือ
นี่คือสิ่งทำให้เขารู้สึกคันข้อมือ
สวี่ชิงที่ยืนมองจากด้านข้างรู้สึกคันมือแทน และไม่รู้ว่าอวี๋เซี่ยงตงอดทนต่ออาการคันคะเยอได้อย่างไร
ท่าทางของอวี๋เซี่ยงตงดูสงบลงอีกครั้งหลังจากหันไปพูดจายิ้มแย้มกับโจวจินหนาน “ผมคันมากจนนอนไม่หลับ ก็เลยคิดว่าดื่มสักอึกสองอึกคงจะช่วยให้แผลหายไวขึ้น”
ครั้งแรกที่เขาตัดสินใจดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพราะว่าปวดแผลมากจนสะดุ้งดื่นกลางดึกบ่อย ๆ แขนขาปวดร้าวจนรู้สึกกระสับกระส่าย ทั้งที่กัดฟันฮึดสู้แล้วแต่ก็ยังทนไม่ไหว จึงขอให้เพื่อนร่วมงานออกไปซื้อเหล้ามาให้
แม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ยังไม่เข้าใจ มองดูเหงื่อไหลยามเจ็บปวด จนรู้สึกทนไม่ไหวและออกไปซื้อเหล้ามาให้สองขวด
เขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่นานกว่าครึ่งเดือน หากไม่มีผ้าพันแผลอันนี้ เขาคงจะไม่ได้มาหาสวี่ชิง
เย่หนานตัดผ้าพันแผลและพลาสเตอร์ยาของอวี๋เซี่ยงตง จากนั้นจึงสั่งให้สวี่ชิงไปหยิบเข็มเงินมา หล่อนทายาฆ่าเชื้อแล้วจึงเริ่มฝังเข็มลงที่ข้อมือ แขน ข้อเท้า และน่อง
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกประหลาดใจกับเข็มเงินมาก เพราะทันทีที่เข็มเงินเจาะเข้าไปในผิวหนังได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงความเย็นวาบที่ไหลเวียนเข้าสู้ร่างกาย เย็นสบายจนร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
“คุณป้าเป็นหมอเทวดาจริง ๆ ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากเลยครับ”
เย่หนานจ้องเขม็งไปที่เขา “หุบปาก”
จากลักษณะนิสัยและความปากเสียของอวี๋เซี่ยงตงแล้ว หากเขาไม่ได้ไปทำงานใหญ่หลวงมา เย่หนานคงจะปล่อยให้เขาตายไปเสีย
อวี๋เซี่ยงตงรีบหยุดพูดและนั่งเงียบ
สวี่ชิงฉวยโอกาสตอนที่เย่หนานกำลังทำแผลให้อวี่เซียงตง เข้าไปทำอาหารกลางวัน
เธออุ่นหมั่นโถวกับอาหาร จากนั้นจึงต้มข้าวต้มและหั่นผักดอง เพียงเท่านี้อาหารทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อย
อาหารกลางวันถูกเตรียมพร้อมแล้ว ในขณะที่เย่หนานฝังเข็มให้อวี๋เซี่ยงตงเสร็จพอดี
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกว่าเข็มเงินทุกด้ามถูกดึงออกจากทุกอณูของร่างกาย ความเย็นสดชื่นที่ซ่อนอยู่ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจนถึงที่สุด อาการคันและความเจ็บปวดหายไปอย่างน่าอัศจรรย์
เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะแวะมาที่นี่ทุกวัน เพียงลำพังยาแก้ปวดของทางโรงพยาบาลคงไม่พอ
สวี่ชิงวางอาหารลงบนโต๊ะ และหันไปพูดกับอวี๋เซี่ยงตงอย่างสุภาพว่า “บ้านเรามีแค่อาหารธรรมทั่วไปนะคะ แต่คุณจะกินด้วยก็ได้”
อวี๋เซี่ยงตงตอบรับด้วยความยินดี “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวทีหลังผมเอาเนื้อมาให้”
สวี่ชิงชะงักไปชั่วขณะ จังหวะแบบนี้คงจะเกิดบ่อย ๆ ในอนาคตสินะ
เย่หนานมองดูอวี๋เซี่ยงตงคนหน้าหนาโดยที่ไม่พูดอะไร
วันนี้เป็นวันที่อวี๋เซี่ยงตงรับประทานอาหารได้สะดวกสบายที่สุด ร่างกายของเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องออกแรงใช้ข้อมือมาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังเอาอาหารใส่เข้าปากได้อยู่ดี
หลังจากกินหมั่นโถวเข้าไปสามลูกทีเดียวรวด เขารู้สึกอิ่มเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เสี่ยวเป่ากอดหมั่นโถวเอาไว้แน่น ขณะมองดูอวี๋เซี่ยงตงที่กำลังกินอาหารเต็มปากเต็มคำ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ คุณลุงคนนี้ไม่เคยกินหมั่นโถวหรือไง?
จะกินทีก็อ้าปากกว้างมาก
ต้าเป่าเงียบมาก เขากัดหมั่วโถวเต็มคำ และรอให้สวี่ชิงป้อนกับข้าวให้
อวี๋เซี่ยงตงมองดูเด็กน้อยทั้งสองด้วยท่าทางขบขัน ก่อนจะเชิดหน้าไปทางต้าเป่า และพูดกับโจวจินหนานว่า “เด็กคนนี้เหมือนนายแฮะ โตไปคงจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ดี”
เย่หนานจ้องเขม็งไปที่อวี๋เซี่ยงตง “เมล็ดพันธุ์ดีอะไร? ต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าจะโตไปเป็นหมอกับอาจารย์ อยู่อย่างสงบสุขและมั่นคงไปชั่วชีวิต”
หากไม่ไปทำงานแบบโจวจินหนานกับอวี๋เซี่ยงตงก็คงจะดี ไม่อย่างนั้นคงไม่วันได้หยุดพักผ่อน
อวี๋เซี่ยงตงกัดฟันและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ สวี่ชิงก็ไม่มีคาบเรียนต่อในช่วงบ่าย เธอจึงเล่านิทานกล่อมต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า
โจวจินหนานเข็นอวี๋เซี่ยงตงออกไป และพาเขากลับไปที่โรงพยาบาล
หลังจากออกมาพ้นประตูบ้านแล้ว อวี๋เซี่ยงตงก็เชิดหน้าไปทางมหาวิทยาลัยที่อยู่ห่างไกลออก “เข็นฉันไปเดินรอบ ๆ หน่อยสิ ฉันอยากสัมผัสชีวิตนักศึกษาดูบ้าง”
โจวจินหนานไม่พูดอะไร และเข็นอวี๋เซี่ยงตงไปทางมหาวิทยาลัย
ระหว่างทาง อวี๋เซี่ยงตงมีกำลังใจดีและพูดไปเรื่อยเปื่อย “ดีจังแฮะ ฉันล่ะอิจฉาชีวิตพวกเขาจริง ๆ เลย ได้เข้าเรียนทุกวัน แถมยังได้คุยกับเพื่อน ๆ ด้วย”
ยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา “รอให้ขาฉันหายดีก่อน ฉันจะไปเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง”
ไม่ง่ายเลยที่โจวจินหนานจะพูดจาดีเช่นนี้ “ถ้างั้นฉันจะไปหาโควต้ามาให้”
อวี๋เซี่ยงตงหรี่ลงมองกลุ่มนักศึกษาสามสี่ที่อยู่ห่างไกลออกไป พวกเขาถือหนังสือเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ดวงตาของเขาเป็นประกาย ทว่าน้ำเสียงกลับแผ่วเบาลง “โจวจินหนาน ชั่วชีวิตนี้ขาฉันคงไม่หายดีหรอก”
เขาตระหนักได้ถึงสภาพปัจจุบันของเขา ถึงแม้ว่าเย่หนานจะสามารถรักษาข้อมือของเขาจนขยับได้ก็ตาม
แต่ถ้าหากลุกขึ้นยืนมันคงเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับชั่วชีวิตนี้
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต้องได้สิ! นายหัดเชื่อใจแม่ยายกับหมอบ้างเหอะ”
อวี๋เซี่ยงตงยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่เป็นไร ฉันคิดเอาไว้แล้วล่ะ ต่อให้พวกเขาจะมีวิชาดีสักแค่ไหน แต่ถ้าขาฉันหักก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยหลังจากนี้ฉันก็แข่งกับนายไม่ได้แล้ว”
โจวจินหนานไม่พูดอะไร และเข็นอวี๋เซี่ยงตงไปข้างหน้า
อวี๋เซียงตงเอนกายบนรถเข็น พยายามยกยิ้มขณะมองตรงไปข้างหน้า แต่จู่ ๆ ก็หันกลับมามองโจวจินหนานอีกครั้ง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว และลูกหลานกำลังเข็นรถพาชมแสงแดดยามบ่าย…”
โจวจินหนานเลิกพูดปลอบประโลมอวี๋เซี่ยงตงคนไร้ยางอาย และพร่ำบ่นว่าเขาควรอยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่หนานแผ่รังสีอำมหิตออกมาแล้วนั่น หยุดพูดก่อนเซี่ยงตง เดี๋ยวปากใช้การไม่ได้นะ
ไหหม่า(海馬)