เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 511 มิตรภาพเปราะบางถึงระดับไหน
บทที่ 511 มิตรภาพเปราะบางถึงระดับไหน
แม้สวี่ชิงจะรู้ว่าหลี่กุ้ยฮวามาอย่างไม่เป็นมิตร ถึงกระนั้นเธอก็ยังทำตัวสุภาพโดยการขอให้อีกฝ่ายเข้ามาในลานบ้าน “คุณป้า เข้ามานั่งลงก่อนสิคะ”
หลี่กุ้ยฮวามองดูไป๋หลางและถอยหลังไปสองก้าวด้วยท่าทางหวาดระแวง เดินเลี่ยงไป๋หลางออกมาไกลและเดินเข้าไปในลานบ้าน ก่อนจะมองดูไป๋หลางเข้าไปคลอเคลียกับเด็กน้อย เลียมือเด็ก จนอดไม่ได้ที่จะพูดจู้จี้ก่อนนั่งลง “ไอหยา ทำไมเอาหมากับเด็กมาอยู่ด้วยกันล่ะ หมาสกปรกจะตาย ไหนจะขี้ไหนจะอะไร”
สวี่ชิงยิ่งไม่ชอบหน้าหลี่กุ้ยฮวามากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดดูถูกดูแคลนจากอีกฝ่าย
หลังจากคลุกคลีกันมานาน เธอนับว่าไป๋หลางเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว และด้วยนิสัยชอบปกป้องของเธอ จึงทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินคนนอกพูดจาไม่ดีใส่ไป๋หลาง
เธอไม่ได้รินชาให้อีกฝ่ายและนั่งลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ถึงกระนั้นหลี่กุ้ยฮวาผู้นี้มีเจตนาไม่ดีนัก แม้ร่างกายจะผอมเพรียวผิวสีน้ำผึ้ง แต่ดวงตากลับหลุกหลิกไปมา ดูราวกับมีไหวพริบเฉียบคม
นางเพิ่งนึกขึ้นได้และรีบนั่งลงตามสวี่ชิง ก่อนจะทำตัวเป็นผู้อาวุโสคอยพูดตักเตือนด้วยน้ำเสียงห่วงใย “จริงนะ หมาตัวนี้ดูสกปรก แถมยังดูขี้โรคอีก ก่อนหน้านี้มีคนในหมู่บ้านถูกหมากัดจนโดนพิษสุนัขบ้า ทีมจับสุนัขเลยพากันมาฆ่าหมาในหมู่บ้านไปจนหมด”
“โรคพิษสุนัขบ้ามันร้ายแรงมากนะ พวกเธอจะต้องคอยดูแลลูกให้ดี”
สวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าถึงสองครั้ง พยายามไม่พูดก้าวร้าวตอบโต้ และพูดกับหลี่กุ้ยฮวาอย่างใจเย็น “คุณป้า ไป๋หลางไม่ใช่สุนัขธรรมดาทั่วไป มันอาบน้ำและตรวจร่างกายเป็นประจำ กินอาหารอย่างดี ที่แย่หน่อยคือมันชอบกัดคนที่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
ไป๋หลางที่กำลังเอาหัวคลอเคลียกับท้องของเสี่ยวเป่ารีบหันหน้ากลับมาเห่าใส่หลี่กุ้ยฮวาทันทีที่ได้ยินคำพูดของสวี่ชิง เสียงเห่าของมันฟังดูก้าวร้าวและดุดัน
อีกทั้งยังแยกเขี้ยวแหลมคม
หลี่กุ้ยฮวาหวาดกลัวมาจนก้าวถอยหลังและล้มลงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
สวี่ชิงรีบร้องตะโกน “คุณป้า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่ต้องกลัวไปนะคะ อันที่จริงไป๋หลางพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง บางครั้งมันมีเหตุผลมากกว่ามนุษย์อีก ไม่กัดคนสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกค่ะ”
หลี่กุ้ยฮวาขมวดคิ้ว ทำไมนางถึงรู้สึกว่าสวี่ชิงกำลังพูดกระแหนะกระแหนอยู่ แต่เมื่อมองดูรอยยิ้มจริงใจของสวี่ชิง นางก็รู้สึกว่าตนคงคิดมากไปเอง
อีกอย่างนางมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ
นางเอามือตบหน้าอกและส่งยิ้มให้สวี่ชิง “ป้าแก่แล้วน่ะ เลยขี้กลัวไปหน่อย จริงสิ ที่วันนี้ป้ามาหาพวกเธอก็เพราะว่าหย่วนตงชอบมาเล่าให้ฟังว่าพวกเธออยู่ในตัวเมืองเอกกัน เขาสนิทชิดเชื้อกับพวกเธอและแวะมากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ คงจะรบกวนพวกเธอแย่”
สวี่ชิงมั่นใจแล้วว่าถ้าหลี่กุ้ยฮวาไม่มีเรื่องจะรบกวน นางคงจะไม่มาที่นี่ อีกทั้งยังพูดจายิ้มแย้มจนดูสุภาพมากกว่าปกติ
หลี่กุ้ยฮวาตกใจมากเมื่อหันกลับไปมองรอบ ๆ และเห็นว่าโจวจินหนานกำลังซักผ้าอยู่หน้าประตูห้องครัว “ไปให้ผู้ชายซักผ้าให้ได้ยังไง? มันเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ไม่อย่างนั้นผู้ชายจะแต่งงานหาภรรยาไปทำไมกัน?”
สวี่ชิงไม่ต้องการโต้เถียงประเด็นดังกล่าวกับนาง เพียงแต่ยิ้มและไม่พูดอะไร
หลี่กุ้ยฮวามองดูโจวจินหนานซักผ้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม ถอนหายใจยาว และเริ่มพูดเข้าประเด็น “ป้าได้ยินมาว่าเธอทำธุรกิจอยู่ในตัวเมือง หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ”
สวี่ชิงหัวเราะเบา ๆ “ใครบอกป้าคะ?”
หลี่กุ้ยฮวารีบโบกมือ “ไม่สำคัญหรอกว่าใครบอก แค่พวกเธอใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในเมืองกันอย่างดี อันที่จริงแค่ได้อยู่ในเมืองก็นับว่าเป็นความสุขมากโขแล้ว ได้กินข้าวได้กินแป้งขาว และยังได้กินเนื้อเป็นครั้งคราวอีก ไม่เหมือนคนจากชนบท พวกเราต้องคอยคำนวณอาหารแต่ละมื้อ ถ้าพืชยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็ต้องไปหาขุดผักป่าตามภูเขามากินกัน”
“ถ้าอยากจะกินเนื้อตุ๋น ก็ต้องรอจนถึงช่วงปีใหม่”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร และมองไปที่หลี่กุ้ยฮวาเงียบ ๆ
หลี่กุ้ยฮวาเห็นว่าสวี่ชิงไม่มีทีท่าว่าจะตอบโต้ จึงพูดต่อว่า “หย่วนตงหาลูกสะใภ้ในเมืองได้แล้ว ป้าก็ตื่นขึ้นมายิ้มทุกวัน ป้าไม่ได้หวังอะไรมากหรอก หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตดี ๆ อยู่ในตัวเมืองกัน”
สวี่ชิงยิ้มเล็กน้อย และรู้สึกว่าเนื้อเรื่องกำลังเข้าสู่ประเด็นสำคัญ
แน่นอนว่าเมื่อหลี่กุ้ยฮวาพูดเปลี่ยนเรื่อง ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที “ป้าเป็นม่ายตั้งแต่อายุสามสิบสอง ต้องเลี้ยงดูพี่น้องของหย่วนตงตั้งอีกหกคน ตอนนี้น้องคนเล็กเพิ่งอายุสิบสี่ปีเอง ป้าเองก็ไม่มีทักษะความสามารถอะไรหาเงินมาเลี้ยงดูพวกเขา หย่วนตงถึงได้ออกมารับใช้ทหารตั้งแต่ตอนอายุสิบหก”
“ถึงจะยากลำบากไปหน่อยแต่ก็เติบโตมาอย่างดี ตอนนี้ป้าแก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ พี่น้องพวกนั้นยังเรียนหนังสือกันอยู่ ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว ต่อไปทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับหย่วนตง”
สวี่ชิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถามขัดจังหวะ “แล้วการแต่งงานครั้งนี้หย่วนตงต้องพึ่งพาใครบ้างคะ?”
หลี่กุ้ยฮวาเงียบกริบ รู้สึกว่าตนยังแสดงละครไม่เสร็จ ทว่าสวี่ชิงกลับขัดจังหวะจนนางต้องกล้ำกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางก็พ่นออกมาหนึ่งประโยค “หย่วนตงเป็นคนมุ่งมั่น ไม่ต้องพึ่งพาบ้านเราหรอก”
สวี่ชิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ดีจังเลยค่ะ พี่ชายเป็นตัวอย่างที่ดีให้แล้ว น้องชายน้องสาวก็ควรจะเอาเยี่ยงอย่างสิคะ หัดสู้ด้วยตัวเองบ้าง อย่าเอาแต่ผลักภาระให้คนอื่น พวกเขาเป็นลูกของคุณป้า ถ้าคุณป้าสอนหย่วนตงจนได้ดี คุณป้าก็สอนลูกคนอื่นจนได้ดีได้เหมือนกัน”
หลี่กุ้ยฮวาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ในขณะที่ท่าทางก้าวร้าวของสวี่ชิงทำให้นางรู้สึกหนักใจเล็กน้อย
สวี่ชิงเดาออกมาหลี่กุ้ยฮวามาที่นี่ทำไม อาจะเป็นเพราะนางรู้ว่าฉินเสวี่ยเหมยมีความคิดที่จะทำธุรกิจ นางจึงแวะมาแสดงความเศร้าโศกและขอให้ดึงฉินเสวี่ยเหมยเข้าไปร่วมทำธุรกิจด้วย
แต่คนกลางอย่างฉินเสวี่ยเหมยไปแสดงท่าทางอย่างไรมากันนะ?
สวี่ชิงไม่อยากคิดมากเกินไป เพราะกลัวว่าตนจะเศร้าใจเสียเปล่า ๆ
หลี่กุ้ยฮวาไม่ได้พูดในจุดประสงค์ที่นางต้องการจะพูด เพราะเมื่อใดที่ตนปริปาก สวี่ชิงก็มักจะตอบโต้กลับมาเสมอ จนทำให้นางพูดไม่ออกอีกตามเคย
รู้สึกหมดหนทางจนโกรธจัด
และทำได้เพียงจากไปพร้อมกับความคับแค้นใจ
สวี่ชิงมองดูสิ่งของบนโต๊ะด้วยความงุนงง รอจนกระทั่งโจวจินหนานซักเสื้อผ้าเสร็จ จึงถามว่า “ฉันไปปฏิเสธเขาแบบนี้ สวีหย่วนตงจะต่อต้านพี่ด้วยไหมคะ?”
โจวจินหนานส่ายหน้าด้วยท่าทางมั่นใจ “ไม่ เขาไม่ใช่คนคิดมากแบบนั้น และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ตัวเองแวะมาที่นี่”
สวี่ชิงถอนหายใจ “การแต่งงานเป็นเรื่องดี แต่ทำไมฉันถึงได้อึดอัดขนาดนี้นะ? ช่างมันเถอะค่ะ ไปดูกันเถอะว่ามีหนังอะไรฉายบ้าง จะได้พาพวกเสี่ยวเป่าไปดูหนังกัน”
เธอพูดและเรียกเฟิงซูฮวาให้ไปด้วยกัน
เฟิงซูฮวาโบกมือ “ย่าแก่แล้วคงจะไม่ไปเที่ยวเล่นกับพวกหลานหรอก หลานไปกันเถอะ ย่าจะดูแลบ้านให้เอง”
เสี่ยวเป่าที่ได้ยินว่าตนกำลังจะได้ออกไปข้างนอก รีบดึงชายเสื้อของแม่ “แม่ไป แม่ไป”
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นเราออกไปเดินเล่น ไปซื้ออาหารกลับมาทำหม้อไฟตอนเที่ยงกันนะ”
ทุกคนกำลังอารมณ์ไม่ดี การกินหม้อไฟจะทำให้ทุกคนรู้สึกดีขึ้น!
ทั้งสองพาลูกน้อยออกไป ในขณะที่ไป๋หลางเดินคาบตะกร้าตามหลัง
แต่พวกเธอกลับนึกไม่ถึงว่าจะเจอหน้าฉินเสวี่ยเหมยทันทีที่ก้าวขาออกมา อีกฝ่ายหันหลังกลับและเดินเข้าไปในซอยราวกับไม่เห็นเธอ
สวี่ชิงยืนมองหล่อนอยู่ตรงที่เดิม ขมวดคิ้วขณะมองแผ่นหลังของฉินเสวี่ยเหมย และไม่พูดอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยแก่นี่ไปเป่าหูอะไรเสวี่ยเหมยหรือเปล่าเนี่ย น่าสงสัยๆ ดีนะที่ชิงชิงเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมไหลตามเกม
ไหหม่า(海馬)