เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 31 ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ใหญ่โจวแล้ว
บทที่ 31 ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ใหญ่โจวแล้ว
หลังจากที่สวี่ชิงได้เกิดใหม่ เธอก็ลังเลที่จะไตร่ตรองหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้สภาพของจิตใจของเธอผันผวน
แต่แค่เห็นซุนลี่ฉินข้าง ๆ สวี่หรูเยว่ ความทรงจำอันไม่พึงประสงค์มากมายก็หวนกลับมา
ซุนลี่ฉินกับพวกเธอเป็นเพื่อนบ้านกัน ทั้งคู่เติบโตในซอยและมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตั้งแต่เด็ก
โดยไม่คาดคิด สวี่ชิงจัดให้ซุนลี่ฉินทำงานในบริษัทเพราะเห็นแก่ที่เติบโตมาด้วยกัน แต่หล่อนได้สมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอกวางยาพิษให้กับผลิตภัณฑ์จำนวนหนึ่ง
ต้องขอบคุณการทำงานที่เข้มงวดของสวี่ชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอาหาร ทำให้ข้อกำหนดมีความเข้มงวดมากขึ้น
เมื่อผลิตภัณฑ์ออกจากโรงงาน จะมีการสุ่มตรวจสอบอีกครั้งเพื่อค้นหาเหตุการณ์วางยาอย่างทันเวลา มิฉะนั้นผลที่ตามมาคงจะเป็นหายนะ
สวี่ชิงโทรหาตำรวจทันที และต่อมาก็พบว่าซุนลี่ฉินเป็นคนทำ เมื่อถูกถามว่าทำไม ซุนลี่ฉินยืนยันว่าเป็นเพราะความอิจฉาที่มีต่อสวี่ชิง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่ง่ายเลย!
สวี่ชิงเหล่มองสวี่หรูเยว่กับซุนลี่ฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม โจวจินหนานก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่าอารมณ์ของหญิงสาวด้านข้างแปลกไป จึงถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกิดอะไรขึ้น?”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันเห็นสวี่หรูเยว่กับเพื่อนบ้านของฉันน่ะค่ะ”
ฝั่งตรงข้าม สวี่หรูเยว่และซุนลี่ฉินเองก็เห็นสวี่ชิงกับโจวจินหนานเช่นกัน
สวี่หรูเยว่จ้องมองสวี่ชิงด้วยความขุ่นเคืองระคนโกรธแค้น หล่อนบีบฝ่ามือของตนแน่น พยายามข่มความต้องการอยากฆ่าสวี่ชิง
ซุนลี่ฉินดึงแขนของสวี่หรูเยว่ และเอ่ยเสียงต่ำ “อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอก”
หล่อนเองก็เกลียดสวี่ชิง และเกลียดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว!
ตอนที่ยังเป็นเด็ก เป็นเพราะสวี่ชิงเรียนเก่งและเป็นคนเชื่อฟัง ทั้งยังทำอาหารได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม่ของหล่อนจึงมักพูดเสมอว่า ‘ดูแกสิ แกมันขี้เกียจเหมือนหมู ดูสวี่ชิงสิ ทั้งที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปีแท้ ๆ ไม่ใช่แค่เรียนเก่ง แต่ยังทำอาหารได้อีก’
เมื่อหล่อนโตและเริ่มทำงาน หล่อนก็ทำงานเป็นพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า ในขณะที่สวี่ชิงไปทำงานที่สถานีขนส่งเป็นคนคุมตั๋ว เปรียบเทียบงานกันแล้ว งานของสวี่ชิงย่อมดีกว่า
สวี่ชิงยังช่วยผู้คนตัดเย็บเสื้อผ้าและงานเย็บปักถักร้อยเพื่อหารายได้หลังเลิกงาน และมอบเงินเดือนให้ฟางหลานซินตรงตามเวลา
ส่วนหล่อนมักจะใช้เงินเดือนของตัวเองซื้ออาหารกับเสื้อผ้า และบางครั้งก็ไปดูภาพยนตร์
เป็นเหตุให้ครอบครัวมีเรื่องตำหนิหล่อนเพิ่มอีกเรื่อง ‘แกดูสิว่าสวี่ชิงฉลาดแค่ไหน ส่วนแกก็เอาแต่ฟุ่มเฟือย ทำงานหาเงินก็ไม่รู้จักส่งเงินกลับมาบ้าน’
แม่ของซุนลี่ฉินเป็นคนประเภทชอบดุด่า มักใช้คำหยาบคายทุกชนิด และพูดคำดูหมิ่นออกมาโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย
ซุนลี่ฉินเกลียดสวี่ชิงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ หล่อนคงไม่ถูกเปรียบเทียบอยู่ทุกวัน!
โดยผิวเผินแล้ว พวกเขาค่อนข้างดีกับสวี่ชิง แต่ในใจก็หวังว่าเธอจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
จนกระทั่งเกิดเรื่องกับสวี่ชิง ในที่สุดแม่ของหล่อนก็หยุดพูดถึงอีกฝ่าย ทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า สวี่ชิงจะสามารถแต่งงานกับวีรบุรุษสงครามอย่างโจวจินหนานที่มาจากครอบครัวนักวิชาการได้ ต่อให้เขาจะตาบอดก็ตาม
ตัวหล่อนแข็งแกร่งกว่าคนที่ทำงานในโรงงานปุ๋ยหลายเท่านัก ทั้งในด้านรูปลักษณ์และภูมิหลังทางครอบครัวแท้ ๆ
แต่แล้วหล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เมื่อเห็นสวี่ชิงและโจวจินหนานยืนอยู่ด้วยกันในขณะนี้ หัวใจของหล่อนก็เจ็บขึ้นมา
หลังจากสวี่หรูเยว่ได้ยินคำพูดของซุนลี่ฉิน หล่อนก็สงบลงเล็กน้อยและผุดรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก “ฉันจะไม่โกรธหล่อน เพราะถึงยังไงหล่อนก็เป็นน้องสาวฉัน ฉันจะไปคุยกับหล่อน”
ขณะที่พูด หล่อนก็เดินไปหาสวี่ชิงกับโจวจินหนาน
รอยยิ้มน่าเกลียดปรากฏบนใบหน้าของหล่อน “พี่ใหญ่โจวจะไปซื้อของกับชิงชิงเหรอคะ?”
สวี่ชิงมองสวี่หรูเยว่อย่างสงบ แต่ไม่ได้เพิกเฉยต่อแววตามีเลศนัยของสวี่หรูเยว่ ไม่รู้ว่าในใจของหล่อนกำลังรอคอยอะไรไม่ดีอยู่
โจวจินหนานพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ
สวี่หรูเยว่มองสวี่ชิงอีกครั้ง “ชิงชิง เดาสิว่าฉันเจอใคร? ฉันเจอคนที่เธอพูดถึงตอนที่ฉันไปชนบทแหละ”
สวี่ชิงรู้สึกขบขัน ทำไมสวี่หรูเยว่จะไม่รู้ว่าเธอเคยคุยกับใครมาก่อน แต่เธอไม่คิดจะอธิบายอะไร มองไปทางสวี่หรูเยว่น้อย ๆ เพื่อดูสิ่งที่หล่อนพูดถึง
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงไม่ให้ความร่วมมือ แถมตัวสวี่หรูเยว่เองก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอมาสองวันแล้ว หล่อนจึงโพล่งออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด “ในฤดูร้อนปี 1978 ตอนที่ยังอยู่ในชนบท ฉันกลับมาจากหาหมอตอนไม่สบาย เธอทำอะไรอยู่ในห้องกับผู้ชายล่ะ? ฉันเคาะประตูตั้งนานสองนานก็ไม่ยอมมาเปิด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สวี่ชิงก็จำได้ว่าหลังจากสวี่หรูเยว่ไปที่ชนบทในฤดูร้อนนั้นไม่นาน หล่อนก็ล้มป่วยเพราะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นั่นไม่ได้ จึงได้รับอนุญาตให้กลับเข้าเมืองเพื่อไปพบแพทย์
แต่ตอนนั้นเธอไม่อยู่บ้าน เนื่องจากไปทำงานกับเรียนหนังสือ และพักทานอาหารอยู่ในที่พักของหน่วย
ดังนั้นเมื่อสวี่หรูเยว่กลับมา พวกเธอทั้งสองจึงไม่ได้เจอกัน แต่ได้ยินฟางหลานซินพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง โดยบอกว่าสวี่หรูเยว่กลับมาหาหมอ และต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเมื่ออยู่ในชนบทจนมีรูปลักษณ์ซูบผอม ซ้ำยังกล่าวอีกว่าสวี่หรูเยว่ไม่เคยได้กินแป้งขาวในชนบทเลย
ดูเหมือนว่าหล่อนไม่มีเจตนาที่จะบอกสวี่ชิง แต่มันทำให้สวี่ชิงรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอก็คงเป็นสวี่หรูเยว่ที่ทำงานในเมือง เพื่อที่สวี่หรูเยว่จะได้ไม่ต้องรับความเดือดร้อนมากมายในชนบท
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงทำงานหนักขึ้น ช่วยผู้คนตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวในเวลาว่าง
เมื่อได้ยินสิ่งที่สวี่หรูเยว่พูด ทันใดนั้นสวี่ชิงก็พบข้อมูลที่สำคัญมาก เป็นสิ่งที่สวี่หรูเยว่กล่าวถึงในวันนั้น แต่ถูกฟางหลานซินหยุดไว้
สวี่หรูเยว่ไม่ได้โกหก แค่คนที่ทำเรื่องชู้สาวไม่ใช่เธอ แต่เป็นฟางหลานซิน!
สวี่ชิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก กระทั่งมองสวี่หรูเยว่ด้วยรอยยิ้มในแววตา “ตอนเธอป่วยกลับมา เธอเจอฉันด้วยเหรอ? แค่เธอถามอีกสักหน่อยก็จะรู้แล้วว่าฉันเข้าร่วมการศึกษาในหน่วยในสมัยนั้น และฉันไม่มีเวลากลับบ้าน ดังนั้น …”
สวี่ชิงหยุดพูดอยู่แค่นั้น และไม่ได้วางแผนที่จะพูดส่วนที่เหลือ หญิงสาวปล่อยให้สวี่หรูเยว่คิดด้วยตัวเอง
สวี่หรูเยว่ไม่ได้โง่เขลา ดูจากสายตาและคำพูดของสวี่ชิง หล่อนก็สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทำให้ใบหน้าพลันน่าเกลียดขึ้นมา หล่อนหันหลังกลับและเดินออกไปโดยไม่กลับมามอง
ซุนลี่ฉินเหลือบมองสวี่ชิง และเดินตามสวี่หรูเยว่ไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงจ้องมองแผ่นหลังของสวี่หรูเยว่ที่กำลังวิ่งหนี รู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจระงับได้ หากก่อนหน้านี้เป็นการคาดเดาทั้งหมด ตอนนี้มันก็อาจเป็นจริง ฟางหลานซินคบหาผู้ชายอยู่ข้างนอก
และคบหามานานแล้ว!
หากเธอพบหลักฐานการคบชู้สู่ชายของฟางหลานซิน อีกฝ่ายจะต้องถูกจับไปมัดประจานกับเสาแน่
เธอหันกลับมามองโจวจินหนานอย่างอารมณ์ดี “พี่ใหญ่โจวคะ ดูเหมือนว่าจะมีที่นั่งว่างแล้ว ไปนั่งกันเถอะค่ะ”
ทั้งสองปล่อยให้ไป๋หลางนอนหมอบอยู่ในที่ลับตาคน จากนั้นจึงพาโจวจินหนานเข้าไปในร้าน
ร้านไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะสี่หรือห้าโต๊ะ และตอนนี้มีโต๊ะว่างเพียงโต๊ะเดียว
สวี่ชิงพยุงโจวจินหนานให้นั่งลง จากนั้นสั่งแกงเนื้อแกะสองชามและแป้งทอดอีกหนึ่ง
แกงเนื้อแกะถูกตุ๋นจนเป็นสีขาว โรยด้วยต้นหอมซอยกับผักชี ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล
สวี่ชิงช่วยโจวจินหนานบิแป้งทอดและแช่ในชาม พลางกระซิบ “บะหมี่ในแกงเนื้อแกะของเขาเหนียวมาก แต่มีรสชาติดี ในแกงมีพริกไทยขาวเล็กน้อยเลยไม่เผ็ดมาก และทำให้อุ่นท้อง”
โจวจินหนานนั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงกระซิบพร่าของสวี่ชิงที่แฝงความสุข
ถ้าชีวิตแต่งงานของพวกเขาเป็นแบบนี้ก็คงไม่เลว
สวี่ชิงบิแป้งและขอชามใบเล็กให้โจวจินหนาน “พี่ใหญ่โจวคะ พี่ควรกินมันในชามใบเล็กก่อนที่จะเย็นนะคะ”
โจวจินหนานหยิบชามแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง “ในอนาคตคุณไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ใหญ่โจวแล้วนะ”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
บันเทิงแล้วแหละ ถ้านังแม่เลี้ยงถูกจับได้ว่ามีชู้นี่ นังจะทำสีหน้ายังไงนะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
จะให้ชิงชิงเรียกว่าอะไรเหรอคะพี่จินหนาน
ไหหม่า(海馬)